เมื่อถึงพุทธศตวรรษที่ 7 Pliny ผู้เฒ่าชาวโรมันได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอมนุษย์จากตำราต่าง ๆ กว่า 2,000 เล่ม เช่นว่า มีพวก Scythian ที่กินคนและชอบเอากะโหลกมาทำภาชนะดื่มน้ำ พวก Essene ที่มีแต่ผู้ชาย แต่ก็สามารถสืบพันธุ์ได้ และพวก Neuer ซึ่งเมื่อถึงหน้าร้อน ผู้ชายจะกลายเป็นสุนัขจิ้งจอก และเมื่อถึงหน้าหนาว ก็จะกลับมาเป็นมนุษย์อีก ข้อมูลพิสดารเหล่านี้มีปรากฏในหนังสือชื่อ Historia Naturalis (Natural History) ของ Pliny
สำหรับวงการศาสนา ข่าวอมนุษย์เช่นนี้ได้ทำให้สถาบันศาสนาวุ่นวายและสั่นสะเทือนมาก เพราะถ้าอมนุษย์มีจริงมันคงมิได้มาจาก Adam การมีรูปร่างที่พิลึกและพิสดาร ทำให้คนคริสเตียนคิดว่า มันคงมาจากปีศาจ และนั่นก็หมายความว่า ปีศาจสร้างอมนุษย์ ในขณะที่พระเจ้าสร้างมนุษย์ เพื่อให้อยู่บนโลกเดียวกัน
เมื่อถึงยุคกลาง ข่าวการพบอมนุษย์ก็ยังมีประปราย เช่น มีการเห็นคนตาเดียวบ้าง สามตาบ้าง และห้าตาบ้าง รวมทั้งมีรายงานการเห็นคนสี่แขน คนไม่มีรูจมูก คนไม่มีตา คนไม่มีปาก คนมีปากเท่ารูเข็ม คนเดินไม่เป็นจึงต้องคลาน คนมีเท้าแพะ คนที่ไม่มีขนตามตัว คนมีหาง และคนหัวม้า เป็นต้น นอกจากข่าวการเห็น แล้วยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับอุปนิสัยของอมนุษย์ด้วย เช่น ชอบเปลือยกาย สำส่อน สกปรก กลิ่นตัวแรง กินงู กินแมลงวัน กินพ่อแม่ตัวเอง และถ้าหิวมากก็กินลูกตนเอง เป็นต้น
เมื่อนวนิยายเรื่อง Prester John ปรากฏประมาณ พ.ศ. 1700 ในหนังสือเล่มนั้นมีการกล่าวถึงคนป่า คนมีเขา คนตาเดียว คนแคระ ยักษ์ จนนักท่องเที่ยวหลายคนได้พยายามค้นหาอาณาจักรของ Prester John เช่น Edward Webbe ได้เคยบอกว่า อาณาจักรนี้อยู่ใกล้อินเดีย และความพยายามในการค้นหาอาณาจักรลึกลับนี้เองที่ทำให้นักเดินเรือ Vasco da Gama พบแหลม Good Hope
เมื่อ Columbus พบโลกใหม่ Columbus ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ชาวอินเดียนแดงบนเกาะ Hispaniola มีอัธยาศัยดี เวลาใครขออะไรก็ยื่นให้หมด ส่วนชาวอินเดียนแดงเผ่า Carib นั้นมีรูปร่างดี และไม่มีขนตามตัวมากเหมือนชาวยุโรป แต่มีตาสองตา และสองแขน อีกทั้งหูก็มีขนาดเท่าคนปกติ
เมื่อถึงพุทธศตวรรษที่ 23 การศึกษาอมนุษย์ก็เริ่มเป็นระบบมากขึ้น Carl Linnaeus ซึ่งเรียกตนเองว่าเป็น Adam คนที่ 2 ได้พยายามจัดสัตว์ พืชต่างๆ เป็นหมวดหมู่ โดยการพิจารณารูปลักษณะภายนอก และ Linnaeus ก็ได้เรียบเรียงหนังสือชื่อ System of Nature ขึ้นในปี 2278 โดยได้จัดมนุษย์อยู่ในกลุ่มเดียวกับลิงไม่มีหาง แต่ไม่ได้จัดอมนุษย์อยู่ในกลุ่มใด เมื่อถึงปี 2301 Linnaeus ได้เรียกมนุษย์ว่า Homo sapiens และเรียกคนแคระว่าลิงไร้หาง
จากนั้นการอ้างถึง อมนุษย์เริ่มเลือนหายไปจากโลก เมื่อนักชีววิทยามีความรู้ด้านกายวิภาคศาสตร์เพิ่มขึ้น และรู้ว่า อมนุษย์ที่พูดถึงเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตในจินตนาการ หรือเกิดจากอาการตาฝาด หรือความตั้งใจจะหลอกกัน
ณ วันนี้ ความคิดเรื่องอมนุษย์ก็ยังไม่ยุติ เพราะมีการอ้างถึงการเห็นมนุษย์หิมะบนภูเขา หิมาลัย และ Big Foot ใน California ฯลฯ ความจริงก็คือ เวลาเราเดินทางในพื้นที่ใหม่ที่อยู่ไกล และไม่คุ้นเคย เรามักมีจินตนาการว่ามีสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ ที่ไม่มีใครรู้จักและหนึ่งในบรรดาสิ่งมีชีวิตนั้นก็คือ อมนุษย์
ปัจจุบันนี้ในบางสถานที่และบางเวลาเราอาจเห็นคนที่มีร่างกายผิดปกติ เช่น มีตาเดียวกลางหน้าผาก หรือมีทั้งอวัยวะเพศชายหญิงอยู่ในคนคนเดียวกัน หรือคนมีติ่งหาง หรือคนที่เกิดมาไม่มีแขน หรือขา ฯลฯ เหล่านี้คือตัวอย่างทางชีววิทยาที่ผิดปกติ และความผิดปกติเหล่านี้มีประโยชน์ สำหรับนักพันธุศาสตร์มาก เพราะเขาจะเก็บสะสมไว้ตามพิพิธภัณฑ์ เพื่อใช้ในการศึกษายีน (gene) ของความผิดปกติ เช่น พบว่าการมีตาเดียว cyclopia เกิดจากยีน sonic hedgehog ทำงานบกพร่อง เป็นต้น
ดังนั้น การพบรหัสพันธุกรรม genome ของมนุษย์อย่างสมบูรณ์ในนิตยสาร Nature ฉบับวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2544 จึงมีประโยชน์มาก เพราะช่วยในการศึกษายีน 30,000 ตัว ที่มีในร่างกายคน “ปกติ” ให้รู้ว่า เวลามีความ “อปกติ” เกิดขึ้น ยีนที่ทำให้เกิดอมนุษย์นั้นมาจากสาเหตุใด
ในปี 2546 หนังสือชื่อ Mutant โดย A.M. Leroi ซึ่งจัดพิมพ์โดย Viking ราคา 25.95 เหรียญออกวางจำหน่าย หนังสือนี้ได้กล่าวถึงวิทยาการด้าน molecular developmental biology ที่ทำให้เราเข้าใจความ “ปกติ” ของเราเอง และความ “อปกติ” ของคนอื่นๆ ที่โชคไม่ดีครับ
สุทัศน์ ยกส้าน ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สสวท