เทศกาลขอขมาแม่คงคาใน "วันเพ็ญเดือนสิบสอง" กำลังจะมาถึงอีกครั้งในค่ำคืนที่ 24 พ.ย.นี้ หลายคนคงตัดสินใจแล้วว่าจะไปลอยกระทงกันที่ไหน สำหรับประเพณีอันดีงามนี้ ใครๆ ก็พูดกรอกหูกันว่าถ้ารักแม่น้ำจริง “อย่าใช้กระทงโฟม” แล้วจะสืบสานประเพณีไทยให้ร่วมสมัยได้อย่างไร ลองไปดูไอเดียจากบรรดา "นักสิ่งแวดล้อม" กัน

ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักสมุทรศาสตร์จากภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
"ผมไม่เคยใช้กระทงโฟมเลยเพราะรู้อยู่แล้วว่าไม่ดี ใช้หยวกกล้วยตลอด ตอนเด็กๆ ก็ทำเอง ตอนนี้ส่วนใหญ่ลูกๆ ก็ทำให้ เวลาไปลอยกระทงทั้งครอบครัวจะใช้กระทง 2 ใบเพราะมีลูก 2 คน"

ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์ วิจัยและฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลกแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
"ถ้าไม่ใช้กระทงโฟมจะพยายามใช้อะไรได้บ้างก็พูดยาก มีอยู่ 2 ประเด็นคือโฟมเป็นขยะที่อยู่นานและมีเกลื่อน อีกทั้งการผลิตก็ไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและส่งผลกระทบต่อภาวะโลกร้อนด้วย แต่ถ้าหันมาใช้วัสดุธรรมชาตินั้นในระยะสั้นก็จะทำให้น้ำเน่าเสียชั่วคราว ส่วนระยะยาวไม่มีผลต่อภาวะโลกร้อน ก็ต้องมาดูว่าสถานที่ที่เราจะลอยกระทงนั้นอยู่ตรงไหน หากอยู่ในพื้นที่เล็กๆ ก็เก็บได้และใช้กระทงใบตองดีกว่า
นอกจากนี้ยังมีกระทงอื่นๆ เช่น กระทงกระดาษ กระทงพลาสติก กระทงขนมปังซึ่งกระทงขนมปังนี้ก็ดีเพราะบางส่วนปลาก็กินได้แต่ถ้ามีมากๆ ก็ทำให้น้ำเน่าเหมือนกัน วิธีดีที่สุดคือใช้กระทงเล็กที่สุดเพื่อให้เกิดผลกระทบจากขยะน้อยที่สุด ส่วนตัวคงเลือกกระทงที่ย่อยสลายง่าย ปีที่ผ่านมาทั้งครอบครัวก็ใช้กระทงขนมปังใบเดียวลอย แต่ปีนี้ยังไม่ทราบว่าจะได้ลอยหรือไม่เพราะมีบรรยายที่เชียงใหม่ในวันลอยกระทงพอดี"

นายธารา บัวคำศรี ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กรีนพีซเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
"จริงๆ เรื่องประเด็นกระทงโฟมควรจะจบไปหลายปีแล้ว ตอนนี้มีทางเลือกเยอะ บางคนใช้กล้วย บางคนใช้ขนมปัง ซึ่งจะใช้อะไรก็ได้ที่สบายใจเมื่อทิ้งลงในน้ำและไม่ให้เป็นทัศนะอุจาด สำหรับเทศกาลขอบคุณแม่น้ำนี้ ส่วนตัวผมคิดว่าแค่ยกมือไหว้ก็พอแล้วและทำให้ตัวเองสบายใจด้วย แต่ถ้าจะลอยกระทงก็ลดจำนวนกระทงที่ต้องใช้ลง จาก 10 คนก็ไม่ต้องใช้กระทง 10 ใบ อาจจะลดลงเป็นครอบครัวละใบหรือ 2 คนต่อ 1 ใบ เป็นต้น
สำหรับโฟมนั้นนอกจากจะย่อยสลายยากโดยต้องใช้เวลาหลายร้อยปีแล้ว ยังมีปัญหาสำคัญคือกว่าจะมาเป็นกระทงก็ทำลายสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ในขั้นตอนการผลิตแล้ว โดยในกระบวนการผลิตนั้นต้องใช้วัสดุสังเคราะห์ทั้งหมด ใช้สารซีเอฟซีหรือสารเคมีอื่นๆ ที่เป็นพิษ"

ผศ.ดร.กัณฑรีย์ บุญประกอบ รองประธานคณะกรรมการบริหารด้านวิชาการสาขาวิทยาศาสตร์ทางภูมิอากาศ (คณะทำงานชุดที่ 1) ของคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของสหประชาชาติ หรือ “ไอพีซีซี”
"ตั้งแต่ปู่ย่ามาก็ใช้กระทงที่ทำจากกล้วยแต่ก็มีปัญหาว่าถ้าลอยแล้วไม่เก็บก็ทำให้น้ำเน่า ส่วนโฟมก็ไม่ย่อยสลาย ถ้าจะใช้กระทงธรรมชาติก็ต้องรีบเก็บเพื่อไม่ให้เน่า ตอนเด็กๆ ก็ใช้กระทงกล้วยแต่โตขึ้นก็ไม่ค่อยได้ลอยกระทงแล้ว ปีนี้ก็คงไม่ไป แม้จะเป็นเทศกาลที่ดีแต่คงเบียดผู้คนไม่ไหว"
กระทงทางเลือก
ปัจจุบันก็มีกระทงทางเลือกมากมายที่ไม่กลายเป็นขยะย่อยสลายยากเหมือนกระทงโฟม อาทิ กระทงจากแป้งมันสำปะหลัง กระทงขนมปัง กระทงดอกบัว กระทงใบตอง กระทงกะลา กระทงหยวกกล้วย และกระทงอีกมากมายตามแต่ความคิดสร้างสรรค์จะรังสรรค์ออกมา นับเป็นโชคดีของคนรักสิ่งแวดล้อมในยุคนี้







ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักสมุทรศาสตร์จากภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
"ผมไม่เคยใช้กระทงโฟมเลยเพราะรู้อยู่แล้วว่าไม่ดี ใช้หยวกกล้วยตลอด ตอนเด็กๆ ก็ทำเอง ตอนนี้ส่วนใหญ่ลูกๆ ก็ทำให้ เวลาไปลอยกระทงทั้งครอบครัวจะใช้กระทง 2 ใบเพราะมีลูก 2 คน"
ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์ วิจัยและฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลกแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
"ถ้าไม่ใช้กระทงโฟมจะพยายามใช้อะไรได้บ้างก็พูดยาก มีอยู่ 2 ประเด็นคือโฟมเป็นขยะที่อยู่นานและมีเกลื่อน อีกทั้งการผลิตก็ไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและส่งผลกระทบต่อภาวะโลกร้อนด้วย แต่ถ้าหันมาใช้วัสดุธรรมชาตินั้นในระยะสั้นก็จะทำให้น้ำเน่าเสียชั่วคราว ส่วนระยะยาวไม่มีผลต่อภาวะโลกร้อน ก็ต้องมาดูว่าสถานที่ที่เราจะลอยกระทงนั้นอยู่ตรงไหน หากอยู่ในพื้นที่เล็กๆ ก็เก็บได้และใช้กระทงใบตองดีกว่า
นอกจากนี้ยังมีกระทงอื่นๆ เช่น กระทงกระดาษ กระทงพลาสติก กระทงขนมปังซึ่งกระทงขนมปังนี้ก็ดีเพราะบางส่วนปลาก็กินได้แต่ถ้ามีมากๆ ก็ทำให้น้ำเน่าเหมือนกัน วิธีดีที่สุดคือใช้กระทงเล็กที่สุดเพื่อให้เกิดผลกระทบจากขยะน้อยที่สุด ส่วนตัวคงเลือกกระทงที่ย่อยสลายง่าย ปีที่ผ่านมาทั้งครอบครัวก็ใช้กระทงขนมปังใบเดียวลอย แต่ปีนี้ยังไม่ทราบว่าจะได้ลอยหรือไม่เพราะมีบรรยายที่เชียงใหม่ในวันลอยกระทงพอดี"
นายธารา บัวคำศรี ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กรีนพีซเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
"จริงๆ เรื่องประเด็นกระทงโฟมควรจะจบไปหลายปีแล้ว ตอนนี้มีทางเลือกเยอะ บางคนใช้กล้วย บางคนใช้ขนมปัง ซึ่งจะใช้อะไรก็ได้ที่สบายใจเมื่อทิ้งลงในน้ำและไม่ให้เป็นทัศนะอุจาด สำหรับเทศกาลขอบคุณแม่น้ำนี้ ส่วนตัวผมคิดว่าแค่ยกมือไหว้ก็พอแล้วและทำให้ตัวเองสบายใจด้วย แต่ถ้าจะลอยกระทงก็ลดจำนวนกระทงที่ต้องใช้ลง จาก 10 คนก็ไม่ต้องใช้กระทง 10 ใบ อาจจะลดลงเป็นครอบครัวละใบหรือ 2 คนต่อ 1 ใบ เป็นต้น
สำหรับโฟมนั้นนอกจากจะย่อยสลายยากโดยต้องใช้เวลาหลายร้อยปีแล้ว ยังมีปัญหาสำคัญคือกว่าจะมาเป็นกระทงก็ทำลายสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ในขั้นตอนการผลิตแล้ว โดยในกระบวนการผลิตนั้นต้องใช้วัสดุสังเคราะห์ทั้งหมด ใช้สารซีเอฟซีหรือสารเคมีอื่นๆ ที่เป็นพิษ"
ผศ.ดร.กัณฑรีย์ บุญประกอบ รองประธานคณะกรรมการบริหารด้านวิชาการสาขาวิทยาศาสตร์ทางภูมิอากาศ (คณะทำงานชุดที่ 1) ของคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของสหประชาชาติ หรือ “ไอพีซีซี”
"ตั้งแต่ปู่ย่ามาก็ใช้กระทงที่ทำจากกล้วยแต่ก็มีปัญหาว่าถ้าลอยแล้วไม่เก็บก็ทำให้น้ำเน่า ส่วนโฟมก็ไม่ย่อยสลาย ถ้าจะใช้กระทงธรรมชาติก็ต้องรีบเก็บเพื่อไม่ให้เน่า ตอนเด็กๆ ก็ใช้กระทงกล้วยแต่โตขึ้นก็ไม่ค่อยได้ลอยกระทงแล้ว ปีนี้ก็คงไม่ไป แม้จะเป็นเทศกาลที่ดีแต่คงเบียดผู้คนไม่ไหว"
กระทงทางเลือก
ปัจจุบันก็มีกระทงทางเลือกมากมายที่ไม่กลายเป็นขยะย่อยสลายยากเหมือนกระทงโฟม อาทิ กระทงจากแป้งมันสำปะหลัง กระทงขนมปัง กระทงดอกบัว กระทงใบตอง กระทงกะลา กระทงหยวกกล้วย และกระทงอีกมากมายตามแต่ความคิดสร้างสรรค์จะรังสรรค์ออกมา นับเป็นโชคดีของคนรักสิ่งแวดล้อมในยุคนี้