“จินตนาการ” ของเด็กๆ ทั่วโลกสรรสร้างให้เกิด “ความคิด” แสดงออกผ่าน “ของเล่น” ในรูปแบบต่างๆ แต่ของเล่นธรรมดาที่แฝงความไม่ธรรมดาเอาไว้อย่าง “จรวดขวดน้ำ” กำลังกลายเป็นของเล่นสากล ที่เด็กทั่วโลกให้ความสนใจ แม้แต่ประเทศไทยเองอาจเรียกได้ว่าเป็นผู้นำด้านจรวดขวดน้ำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเลยทีเดียว
“ถ้าคุณเล่น แล้วคุณจะค้นพบ” แนวคิดของการเล่นจรวดขวดน้ำ ตามคำบอกเล่าของ ธนากร พละชัย รอง ผอ.องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) และประธานโครงการการแข่งขันจรวดขวดน้ำระดับประเทศ ครั้งที่ 6
ทั่วโลกเล่นจรวดขวดน้ำมาแล้วหลายสิบปี ไทยเองก็มีมานานพอๆ กัน แต่การแข่งขันจรวดขวดน้ำอย่างจริงจังเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อ 6 ปีก่อน ซึ่ง “การแข่งขันจรวดขวดน้ำระดับประเทศ ครั้งที่ 6” เพิ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อเดือนที่แล้ว ส่วนการแข่งขันจรวดขวดน้ำระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกก็กำลังจะเริ่มขึ้นปลายปีนี้ที่อินเดีย
ธนากร กล่าวว่า จุดประสงค์ที่จัดการแข่งขันจรวดขวดน้ำขึ้นก็เพื่อกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ของเด็กๆ และปลูกฝังกระบวนการคิดให้ติดตัวเยาวชนเหล่านี้ไปจนโต รวมถึงเพื่อให้การแข่งขันมีมาตรฐานและกฎกติกาชัดเจน
“ในระหว่างที่เด็กๆ ประดิษฐ์และพัฒนาจรวดขวดน้ำ พวกเขาจะต้องเผชิญกับความท้าทายของตัวแปรต่างๆ อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมุม รูปทรง ความดัน หรือปริมาตรน้ำ ที่มาผสมผสานกันและจะช่วยส่งให้จรวดพุ่งขึ้นไปได้อย่างที่ต้องการ” ธนากรอธิบาย
“ไม่จำเป็นต้องเรียนวิทยาศาสตร์ก็สามารถเล่นจรวดขวดน้ำได้ จะเรียนอะไรมาก็แล้วแต่ เล่นได้ทั้งนั้น เพราะเราไม่ได้พูดถึงว่ามันเคลื่อนที่ไปได้อย่างไรตามหลักวิทยาศาสตร์ แต่เป็นการส่งเสริมให้ใช้กระบวนการคิดและลงมือปฏิบัติ เพื่อค้นหาคำตอบ และพัฒนาต่อไปได้เรื่อยๆ ซึ่งตรงนี้เองที่เป็นสิ่งท้าทายมากๆ” ธนากร ชี้แจง
แม้การแข่งขันจรวดขวดน้ำในไทยเพิ่งผ่านไปเพียงแค่ 6 ครั้ง ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา แต่จรวดขวดน้ำก็ได้สร้างชื่อให้ “ปรเมษฐ์ ภูธราพันธ์” ตัวแทนของทีมนมข้นหวาน จากโรงเรียนพนัสพิทยาคม จ.ชลบุรี เป็นที่รู้จักในต่างแดน ด้วยฝีมือการประดิษฐ์จรวดให้ยิงได้อย่างแม่นยำ จนคว้ารางวัลชนะเลิศการแข่งขันจรวดขวดน้ำระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ประเทศญี่ปุ่น มาครองได้สำเร็จ ตามด้วยการคว้าแชมป์จากการแข่งขันอัจฉริยะข้ามคืนล้านที่ 6
“ปรเมษฐ์” คือเยาวชนที่เป็นตัวอย่างได้อย่างชัดเจน ในการใช้กระบวนการคิดเพื่อแก้ปัญหาอย่างมีระบบ จนนำไปสู่ความสำเร็จในที่สุด ซึ่งเยาวชนนับหมื่นคนที่เข้าร่วมแข่งขันจรวดขวดน้ำในแต่ละปีเหล่านี้เอง ที่จะถูกปลูกฝังกระบวนการคิดในลักษณะเดียวกันนี้ และมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้เช่นเดียวกับปรเมษฐ์และเพื่อนๆ ทีมนมข้นหวาน
เมื่อวันฉลองครบรอบ 50 ปี ดาวเทียมสปุตนิก 4 ต.ค.50 เด็กๆ ทั่วโลกได้ร่วมกิจกรรมการยิงจรวดขวดน้ำ เพื่อระลึกถึงการปล่อยดาวเทียมดวงแรกของโลก และการเล่นจรวดขวดน้ำอาจเป็นจุดเริ่มต้นให้เด็กๆ สนใจการสำรวจอวกาศได้ในอนาคต
แต่เด็กไทยที่เล่นจรวดขวดน้ำในวันนี้ จะกลายเป็นนักบินอวกาศในวันหน้าหรือไม่ ก็ยากที่จะคาดเดาได้
“เรายังคาดหวังถึงจุดนั้นไม่ได้ แต่สิ่งที่เราทำกันในวันนี้เป็นการวางรากฐานของกระบวนการคิด และหว่านเมล็ดพันธุ์ทางความคิด เราคาดหวังว่า เมื่อเมล็ดพันธุ์เหล่านี้โตขึ้น พัฒนาการในด้านนี้ก็จะเติบโตตามไปด้วย ฉะนั้นเราจึงเร่งเพาะพันธุ์กระบวนการคิดให้เด็กๆ” ธนากรกล่าว
ทั้งนี้ การส่งเสริมให้เยาวชนร่วมกันทำงานเป็นทีม ฝึกคิด ตั้งสมมติฐาน ทำการทดลอง จดบันทึก และวิเคราะห์ผล อาจทำให้โครงการอวกาศของประเทศไทยเป็นจริงได้ในอนาคต ทว่าตอนนี้เด็กไทยยังขาดกระบวนการเหล่านี้อยู่มาก
“ทุกวันนี้เรายังเรียนกันแบบท่องจำไปสอบ พอสอบเสร็จก็ลืม ดังนั้นเราต้องลงมือทำ แต่ทำอย่างเดียวไม่พอ ต้องคิดร่วมไปด้วย สมมติว่ามันเป็นอย่างนั้น จะเกิดอะไรขึ้น แล้วถ้ามันเป็นอย่างนี้ล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น จึงเกิดเป็นคอนเซ็ปที่ว่า ถ้าเราลงมือทำ เราก็จะได้ค้นพบอะไรใหม่ๆ” รอง ผอ.อพวช.อธิบาย
หลายคนอาจมองว่า “การเล่น” เป็นเรื่องของเด็ก และหลายครั้งที่ผู้ใหญ่มักอารมณ์เสียเมื่อเห็นลูกหลานสนใจเล่นมากกว่าตั้งใจเรียน ในจุดนี้ธนากรให้ความเห็นว่า คนเรานั้นต่างก็เติบโตมากับการเล่น เมื่อเล่นเมื่อไหร่ ก็จะเกิดการพัฒนาสมองและทักษะต่างๆ ตามมา
แต่ในปัจจุบัน ของเล่นที่พัฒนาสมองกำลังลดน้อยลง เพราะมีของเล่นสำเร็จรูปมากมายเข้ามาแทนที่ ซื้อมาก็เล่นได้เลย แต่จรวดขวดน้ำต้องลงมือทำถึงจะเล่นได้
“บางคนอาจเห็นว่า จรวดขวดน้ำเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เป็นของเล่นเด็กธรรมดาๆ แต่หากเรามองเข้าไปลึกๆ แล้ว เราจะเห็นว่า กระบวนการทำให้เกิดเป็นจรวดขวดน้ำเหล่านั้นมันไม่ใช่เด็กเลย”
จรวดขวดน้ำต้องลงมือทำเองโดยอาศัยกระบวนการคิดและตัวแปรต่างๆ ถึงจะทำให้ขวดน้ำธรรมดาๆ ลอยไปได้ตามสมมติฐานของเรา การเล่นจรวดขวดน้ำนั้นสร้างความตื่นเต้นท้าทายให้ผู้เล่นอยู่ตลอดเวลา สมมติว่า เมื่อเราสามารถทำให้จรวดพุ่งลอยไปได้ไกล 100 เมตร ต่อไปเราจะทำอย่างไรให้มันไปได้ไกลกว่านั้นเป็น 150 เมตร หรือ 200 เมตร ซึ่งทำให้เราได้ใช้ความคิดเพื่อพัฒนาจรวดต่อไปได้เรื่อยๆ
“เกิดขึ้นจากการทดลองนับพันๆ ครั้ง ถ้าเราไม่สนุกและไม่มีความสุขกับมันก็จะเบื่อได้ง่าย คนที่ทำได้คือคนที่สนุกกับการค้นหาคำตอบ และเพลิดเพลินกับการเรียนรู้เหล่านี้ กระบวนการคิดเพื่อค้นหาคำตอบด้วยความสนุกสนานจะติดตัวเขาไปจนตลอดชีวิต” ธนากร กล่าวถึงคุณค่าที่ไม่รู้จบของจรวดขวดน้ำ
“การเล่นจรวดขวดน้ำไม่ได้จำกัดเฉพาะเด็ก หรือคนที่เรียนวิทยาศาสตร์ แต่ทุกคนที่สนใจก็สามารถเล่นได้ เพียงแค่มีเครื่องสูบลมรถจักรยาน ขวดพลาสติกเปล่า และน้ำเท่านั้น เริ่มจากเติมลมเข้าไปในขวดจนกระทั่งมันหลุดลอยออกไป ดูว่ามันไปไกลแค่ไหน แล้วถ้าเราอยากให้ไปไกลมากขึ้น เราจะทำอย่างไรกับจรวดได้บ้าง และจะต้องเติมน้ำเข้าไปมากน้อยแค่ไหน ค่อยๆ เล่น ค่อยๆ คิด ปรับปรุงไปเรื่อยๆ” ธนากร แนะนำผู้ที่อยากเล่นจรวดขวดน้ำ แต่อาจยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร
ความสามารถด้านจรวดขวดน้ำของเด็กไทยไม่แพ้ที่ใดในโลก ซี่ง รอง ผอ.อพวช.ยืนยันด้วยว่า แม้จะมีการเล่นจรวดขวดน้ำกันหลายประเทศทั่วโลก แต่ไทยเป็นประเทศเดียวที่มีการแข่งขันกันอย่างจริงจัง มีเยาวชนเข้าร่วมกว่า 1,000 ทีม และใช้เวลานานหลายเดือน ตั้งแต่เริ่มคัดเลือก ตลอดจนให้ความรู้กับครูอาจารย์เพื่อไปฝึกสอนนักเรียนต่อ ถือได้ว่าประเทศไทยเป็นผู้นำด้านการเล่นจรวดขวดน้ำในภูมิภาคนี้ และยังตั้งเป้าไว้ว่าจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันจรวดขวดน้ำระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกให้ได้ในปี 2551