“สภาพไร้น้ำหนัก” เป็นอย่างไร หลายคนคงเคยได้เห็นเฉพาะในภาพถ่ายตามวารสารหรือทีวี แต่คงจินตนาการไม่ถูกว่า เมื่อตัวเองได้ไปอยู่ในสภาพนั้นจริงๆ แล้วจะเป็นอย่างไร สนุก–ตื่นเต้นมากกว่าที่เห็นในรูปหรือเปล่า “น้องแอ็ค –สุนารี เนรมิต” เยาวชนไทยคนล่าสุด ผู้ได้สัมผัสประสบการณ์ดังกล่าวแล้ว จึงอาสามาช่วยบอก
“น้องแอ็ค”นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนปิยชาติพัฒนา จ.นครนายก 1 ใน 4 นักเรียนไทยที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าร่วมกิจกรรมจากสำนักงานโครงการส่วนพระองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ทั้งนี้ ทางองค์การสัปดาห์อวกาศโลกได้คัดเลือกให้ "น้องแอ็ค" เป็นเยาวชนจากประเทศไทยเพียงหนึ่งเดียว เพื่อไปสัมผัสประสบการณ์สุดตื่นเต้นร่วมกับเยาวชนอีก 8 ประเทศ คือ บังคลาเทศ, สาธารณรัฐเชก, โคลัมเบีย, บาห์เรน, ไนจีเรีย, จีน, นอร์เวย์ และ สหรัฐอเมริกา ในโอกาสฉลอง 50 ปียุคอวกาศหลังการปล่อยดาวเทียมสปุตนิก 1 ของสหภาพโซเวียตเมื่อ 4 ต.ค.2500
ส่วนเที่ยวบินที่พาน้องแอ็คไปทำกิจกรรม “สภาพไร้น้ำหนัก” หรือในอีกทางหนึ่งคือ “สภาพไร้แรงโน้มถ่วง” (Zero-G) นี้ได้รับการสนับสนุนโดย บ.ซีโร กราวิตี คอร์ปเปอเรชัน ของสหรัฐอเมริกา โดยเครื่องได้บินออกจากสนามบินแมคคาแรน ลาสเวกัส ในช่วงเช้าวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น
"น้องแอ็ค" เล่าประสบการณ์สุดตื่นเต้นของเธอว่า กิจกรรมกลางเวหาของเธอและผองเพื่อนต่างชาติครั้งนี้ คือการบินขึ้นๆ–ลงๆ เป็นลูกคลื่น รูปพาราโบลา คล้ายระฆังคว่ำต่อๆ กัน ที่ระดับความสูงต่ำสุด 15,000 ฟุต และสูงสุด 35,000 ฟุต จำนวน 15 รอบด้วยกัน ทั้งนี้เพื่อให้ปรากฏแก่สายตาตัวเองว่า ความรู้สึกตื่นเต้นจากการลอยเท้งเต้งของสภาพไร้แรงโน้มถ่วงโลกเป็นอย่างไร
น้องแอ็ค เล่าตั้งแต่ก่อนเตรียมตัวการขึ้นเครื่องว่า มีข้อแนะนำไม่มากนัก เพียงไม่ควรรับประทานอาหารหนักๆ ก่อนขึ้นเครื่องเพราะจะทำให้รู้สึกเวียนหัวเมื่อไปอยู่ข้างบนได้ เช้านั้นจึงทานอาหารกันแต่น้อย พอไม่ให้หิวเท่านั้น ส่วนอีกข้อแนะนำง่ายๆ คือ ห้ามกระโดด เตะ หรือทำท่าว่ายน้ำเองหากพี่ๆ สต๊าฟไม่ได้สั่ง เพราะความคับแคบของสถานที่อาจทำให้ได้รับบาดเจ็บได้
ในรอบแรกๆ ของเที่ยวบิน หรือคลื่นลูกแรก น้องแอ็ค เล่าว่า รู้สึกเหมือนอยู่บนเครื่องเล่นในสวนสนุก แต่สามารถสัมผัสได้ถึงแรงดึงดูดมหาศาลเมื่อเครื่องบินไต่ระดับความสูงด้วยการเชิดหัวขึ้นที่ความสูง 15,000 ฟุต
มากแค่ไหน? ต้องตอบว่ามากจนทำให้ตัวน้องแอ็คเองซึ่งนอนหงายแผ่ราบกับพื้นเครื่องรู้สึกว่าแขนตัวเองหนักมากจนยกไม่ขึ้น และยิ่งหนักขึ้นไปอีกเมื่อไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่พอเครื่องได้บินขึ้นถึงระดับความสูงที่ต้องการแล้ว นักบินก็จะดิ่งหัวเครื่องลงทันที ซึ่งนี่เองที่ทำให้สภาพไร้น้ำหนักเกิดขึ้น และรู้สึกทันทีว่าตัวเบาลงเรื่อยๆ จนลอยไปในอากาศทีเดียว
“พอตอนเครื่องร่อนลงแล้ว หนูก็ลอยเลย รู้สึกเป็นอะไรที่สุดยอดมาก สนุก และตื่นเต้น พี่ๆ ที่คอยดูแลก็บอกให้ลองดันพื้นดูเทียบกับตอนก่อนเครื่องจะขึ้น ตอนนั้นดันพื้นไม่ขึ้น แต่พอไร้น้ำหนักแล้ว แรงน้อยๆ ของหนูก็พอให้ดันพื้นได้” น้องแอ็ค เล่าอย่างตื่นเต้น และพลอยทำให้คนฟังเห็นภาพไปด้วย
น้องแอ็ค ยังบอกอีกว่า ใน 15 ลูกคลื่นกลางเวหานั้น นอกจากจะครึ้มอกครึ้มใจไปกับสภาพไร้แรงโน้มถ่วงแล้ว ยังได้ทำกิจกรรมต่างๆ หลายอย่างด้วย
เช่น ในรอบแรกที่ได้ดันพื้นอย่างเดียวก่อน ส่วนลูกที่ 2 จึงได้ทำกิจกรรมสลับกันทั้งดันพื้นและลุกขึ้นกระโดด โดยลูกคลื่นที่ 3 นั้น ทุกคนต่างได้ลุกขึ้นกระโดดไปมากับที่ และลุกกระโดดสลับที่กันไปๆ มาๆ กับเพื่อนต่างชาติ เพื่อปรับตัวให้ชินกับสภาพไร้น้ำหนักจนชินก่อนเป็นขั้นแรก
จากนั้นในรอบที่ 4, 5 และ 6 กิจกรรมที่ได้ทำจึงเริ่มทวีความสนุกตื่นเต้นมากขึ้น เมื่อถึงตอนที่ต้องบรรจงแกะถุงช็อกโกแลตเม็ดชื่อดัง “เอ็มแอนด์เอ็ม” ให้ล่องลอยไปในอากาศ แล้วตามไล่งับกลางเวหา ต่อมาในอีก 2 รอบถัดมาจึงได้เริ่มทดลองเกี่ยวกับ “น้ำ” อย่างที่ใครๆ คงเคยเห็นภาพในภาพยนตร์ต่างประเทศกันมาแล้ว
“พอเทน้ำปุ๊บ น้ำก็จะลอยขึ้นอัตโนมัติ เราก็พากันกระโดดงับน้ำกัน ซึ่งตอนนี้มันดูเป็นหยดน้ำก้อนกลมๆ คล้ายกับเป็นฟองน้ำในอากาศ เห็นเป็นสายฟองน้ำต่อๆ กัน” ตัวแทนเยาวชนไทยเล่าน้ำเสียงยิ่งสดใสกว่าเดิม พร้อมแอบกระซิบเบาๆ ว่า แต่พอสภาพไร้น้ำหนักหมดลง ทีนี้ไม่ว่าใครต่อใครก็ต้องหามุมหลบน้ำที่จะตกลงมากันจ้าละหวั่น ไม่เช่นนั้น คงได้เปียกน้ำกลางเวหาแถมเข้าไปให้ด้วยแน่ๆ
ขณะที่ต่อมาในรอบที่ 9-11 ทั้ง 9 ชีวิตก็ต้องมาคล้องแขนกันทำกิจกรรมเป็นกลุ่ม อย่างการกระโดดตีลังกาแบบสามัคคีชุมนุม
ส่วน 4 รอบสุดท้ายของภารกิจกลางเวหานั้น เชื่อว่าคงเป็น 4 รอบที่สนุกสุดๆ ของทุกคนที่ได้ทำกิจกรรม ไม่เฉพาะน้องแอ็คที่สนุกมากหน่อยเท่านั้น เพราะเป็นรอบฟรีสไตล์ที่ใครจะทำอะไรก็ได้ ซึ่งน้องแอ็ค เองก็สารภาพเขินๆ ว่า เกือบจะหัวโขกกับเพดานเครื่องบินหลายครั้ง แม้ว่าเวลาในสภาพไร้น้ำหนักจะไม่มากนัก ประมาณ 40 -60 นาที แต่ประสบการณ์และความประทับใจนี้ก็มากจนไม่อาจลืมเลือน
“ก็รู้สึกประทับใจคะที่ได้ไปใช้ชีวิตอยู่ ณ จุดนั้น จุดที่ไม่มีแรงโน้มถ่วง เพราะไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าหนูเองจะบินได้ แต่ก่อนคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว ก็รู้สึกว่า ฮึ้ย ! ตกใจนิดนึงว่ามันเป็นไปได้ยังไง เราลอยได้นี่นา มันเหลือเชื่อ ทั้งที่เคยเห็นเคยดูในทีวีมาแล้ว แต่นี่ตื่นเต้นกว่าในทีวี พอผ่านลูกที่ 2 ที่ 3 ไปก็เริ่มปรับสภาพได้แล้วก็เริ่มสนุก”
“พอขึ้นไปตรงนั้นแล้ว ก็รู้สึกว่ามันเป็นจริงค่ะ อย่างที่ตั้งความหวังไว้แต่แรกว่าจะไปพิสูจน์ว่าที่ข้าวของ หรือน้ำมันลอยในอากาศได้เป็นยังไง พอไปแล้วก็เห็นกับตาตัวเองว่ามันเป็นเหมือนที่เห็นในภาพเลย ได้เห็นน้ำมันลอยขึ้นมาเป็นสายๆ แต่พิเศษกว่าในภาพเยอะ เพราะไม่เพียงแค่ได้เห็น แต่เราได้สัมผัสด้วย ก็รู้สึกว่าเวลามันผ่านไปเร็วมาก” น้องแอ็ค เล่าต่อโดยไม่ลืมที่จะกล่าวถึงโครงการ ที่ทำให้เธอได้มีโอกาสดีๆ เช่นนี้ด้วย
“มีความสุขคะ แล้วก็ชอบ หนูคิดว่าถ้าตัวเองไม่ได้อยู่ในโครงการของสมเด็จพระเทพฯ แล้วก็คงไม่มีโอกาสอย่างนี้แน่นอน ก็ไม่รู้ว่าจะตอบแทนอย่างไร และขอขอบคุณทุกคนที่เกี่ยวข้องที่ช่วยดูแลตั้งแต่ต้นจนจบ” ตัวแทนเยาวชนไทยพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อยเมื่อกล่าวถึง “สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” องค์อุปถัมภ์โครงการ พลางส่งต่อความรู้สึกดีๆ ถึงเพื่อนๆ ในวัยเดียวกันในประเทศ ซึ่งอยากให้มีความฝันและแรงบันดาลใจต่อไปที่จะไปถึงความฝันในวันข้างหน้า
“หนูเชื่อว่าคงมีหลายคนที่อยากไปสัมผัสจุดนั้น หลายคนอาจฝันถึงสิ่งเหล่านี้มากกว่าที่หนูเป็นก็ได้ จึงอยากบอกให้เขายังฝันต่อไป อย่าไปคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัวเหมือนที่หนูเคยคิดตอนแรก อยากให้ทุกคนยังมีแรงบันดาลใจ ซึ่งปีหน้า ทางโครงการก็ยังจะมีอย่างนี้อีก ก็อยากให้เพื่อนๆ ได้เตรียมพร้อมเอาไว้ เผื่อจะได้ไปสัมผัสกัน”