มนุษย์ต่างดาวมีจริงหรือไม่? คำถามที่มนุษย์โลกสงสัยและค้นหามาช้านาน แต่ก็ยังปราศจากคำตอบที่ชัดเจน
“สิ่งมีชีวิตสีเขียว” ที่ ดร.อัลลี แอร์โรเวย์ ตัวละครเอกในเรื่อง “คอนแทค” มุ่งมั่นตามหามาตลอด สอดคล้องกับความกระหายใคร่รู้ของมนุษย์ที่ต้องการติดต่อสื่อสารกับชีวิตที่อยู่ต่างดาว
“คอนแทค” เกิดจากการผสมผสานเรื่องราวที่มีอยู่จริงเข้ากับเหตุการณ์สมมติได้อย่างลงตัว ถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์ที่ตื่นเต้น ล้ำจินตนาการ โดยมีการอ้างถึงโครงการ “เซติ” ที่มีอยู่จริง
“เซติ” (Search for Extraterrestrial Intelligence: SETI) หรือ การค้นหาสิ่งมีชีวิตทรงปัญญานอกโลก ได้ทุนหลักจากองค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) โดยใช้กล้องโทรทรรศน์วิทยุขนาดใหญ่ตรวจจับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านอกโลก ที่ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
การค้นหาสัญญาณจากสิ่งมีชีวิตนอกโลกเริ่มมีขึ้นอย่างจริงจัง โดยปี 2518 ส่งสัญญาณคลื่นวิทยุ เรียกว่า “อะรีซิโบเมสเซจ” จากกล้องโทรทรรศน์วิทยุอะรีซิโบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่เปอร์โตริโก ถูกส่งไปยังกระจุกดาวฤกษ์ทรงกลม เอ็ม13 ในกลุ่มดาวเฮอร์คิวลีส ที่ห่างจากโลก 25,000 ปีแสง
สัญญาณที่ส่งออกไปสามารถจัดเรียงได้ 2 รูปแบบ แบบไม่มีความหมาย และเป็นรูปภาพ ซึ่ง ประกอบด้วย ตัวเลข, ลักษณะดีเอ็นเอ, ลักษณะของมนุษย์โลกและข้อมูลของประชากรโลก, ระบบสุริยะของเรา สุดท้ายคือ กล้องโทรทรรศน์วิทยุและจานที่เราใช้รับ-ส่งสัญญาณ
กว่าสัญญาณที่เราส่งไปจะถึงที่หมายต้องใช้เวลาถึง 25,000 ปี และกว่าที่สัญญาณตอบกลับ (หากมีจริง) จะเดินทางมาถึงโลกของเราก็อีก 25,000 ปี ซึ่งรวมแล้วก็ 50,000 ปี แต่เหนือสิ่งอื่นใด การส่งสัญญาณนี้ถือเป็นการประกาศความสำเร็จทางเทคโนโลยีของมนุษย์มากกว่าที่จะมุ่งติดต่อสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาที่อยู่ไกลโพ้น
แม้ที่ผ่านมานักดาราศาสตร์สามารถจับสัญญาณแปลกประหลาดได้มากมาย ทว่าไม่มีสัญญาณใดที่รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่สัญญาณที่มหาวิทยาลัยรัฐโอไฮโอได้รับเมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2520 เป็นคลื่นวิทยุจากนอกโลกที่น่าฉงนไม่น้อย ถอดเป็นคำออกมาว่า “ว้าว” และกลายเป็นชื่อเรียกขานสัญญาณนี้ (Wow! signal)
กระทั่งปี 2508 ปริศนามนุษย์ดาวอังคารก็คลี่คลายลงบ้างเมื่อยานมาริเนอร์ 4 สำรวจดาวอังคารลำแรกของสหรัฐฯ บันทึกภาพพื้นผิวดาวอังคารได้มากมาย และชัดเจนเลยว่าบนดาวแดงปราศจากสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่อาศัยอยู่ หลังจากนั้นก็มียานอวกาศหลายลำถูกส่งไปสำรวจดาวอังคารอย่างต่อเนื่อง
นักวิทยาศาสตร์ได้ตื่นเต้นอีกครั้ง เมื่อยานไวกิ้งที่นาซาส่งไปสำรวจดาวแดงเมื่อปี 2518 ถ่ายภาพก้อนหินที่คล้ายใบหน้าได้บนดาวอังคาร ซึ่งก็มีทั้งที่ว่าเกิดขึ้นจากฝีมือมนุษย์ต่างดาว ขณะที่อีกฝ่ายอธิบายว่าเกิดจากแสงและเงาทำให้มองดู้คล้ายใบหน้าคน
ส่วนตัวอย่างก้อนหินและดินบนดาวอังคารที่ยานไวกิ้งนำกลับมาด้วย นักวิทยาศาสตร์พิสูจน์องค์ประกอบต่างๆ แล้ว ไม่พบร่องรอยของสิ่งมีชีวิต
หลายปีก่อน นักวิทยาศาสตร์ของนาซาแถลงว่า ก้อนหินที่พบในทวีปแอนตาร์กติกา เป็นอุกาบาตที่มาจากดาวอังคาร ทั้งยังมีร่องรอยของจุลชีพโบราณที่เคยมีชีวิตอยู่บนดาวอังคารเมื่อหลายล้านปีก่อนที่จะตกลงมายังโลกและถูกฝังอยู่ที่นั่นกว่าหมื่นปี
ดร.ศรันย์ โปษยะจินดา รอง ผอ.สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) อธิบายว่า ในกาแล็กซีทางช้างเผือกนั้นยังมีดาวฤกษ์อีกตั้ง 2 แสนล้านดวง มีระบบสุริยะอีกมากมาย จึงเป็นไปได้ที่จะมีสิ่งมีชีวิตอยู่บนดาวดวงอื่นๆ นอกจากโลก แต่อาจยากสำหรับมนุษย์ที่จะหาเจอได้ในช่วงชีวิตของเรา
“นักชีวดาราศาสตร์ที่สนใจศึกษาเรื่องสิ่งมีชีวิตนอกโลกจะมุ่งค้นหาน้ำที่อยู่ในสถานะของเหลว เพราะสิ่งมีชีวิตทุกชนิดต้องมีน้ำเป็นองค์ประกอบ ปฏิกิริยาเคมีในเซลล์จะเกิดขึ้นได้ต้องมีน้ำที่อยู่ในสถานะของเหลวเป็นตัวกลาง จะเป็นของแข็งหรือก๊าซ” รอง ผอ.สดร. ชี้แจง
แต่ ศ.ดร.วิสุทธิ์ ใบไม้ นักชีววิทยา ผอ.โครงการพัฒนาองค์ความรู้และศึกษานโยบายการจัดการทรัพยากรชีวภาพในประเทศไทย หรือบีอาร์ที มองต่างออกไปว่า แม้เป็นดาวที่ไม่มีน้ำก็อาจมีสิ่งมีชีวิตอยู่อาศัยได้เหมือนกัน เพราะสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นอาจไม่ต้องการปัจจัยการดำรงชีวิตเช่นเดียวกับที่มีอยู่บนโลกของเรา
“สิ่งมีชีวิตบนโลกอยู่บนพื้นฐานของน้ำและคาร์บอน แต่สิ่งมีชีวิตนอกโลกอาจไม่ได้เป็นเช่นเดียวกับเรา อาจไม่ต้องการออกซิเจน แต่ใช้พลังงานจากรังสีแทนก็ได้ เพราะนิยามของสิ่งมีชีวิตคือ เคลื่อนไหวได้ สามารถสืบพันธุ์ มีลูกหลานดำรงพันธุ์ได้”
ศ.ดร.วิสุทธิ์ แจงต่อว่า หากสิ่งมีชีวิตที่ลอยมาในอวกาศตกลงบนดาวอังคารและเจริญเติบโตได้ก็กลายเป็นสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคาร ซึ่งโลกกับดาวอังคารอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ไม่เท่ากัน สิ่งแวดล้อมต่างกัน สิ่งมีชีวิตบนดาวอังคารก็อาจต่างไปจากสิ่งมีชีวิตบนโลก
“จากการสำรวจพบน้ำแข็งบนดาวอังคาร นักวิทยาศาสตร์ก็คาดคะเนว่าในอดีตบนดาวอังคารเคยมีน้ำเต็มไปหมด เหมือนอย่างโลกของเราตอนนี้ เป็นไปได้ว่าอาจเคยมีหรือมีสิ่งมีชีวิตอยู่บนดาวอังคาร ส่วนโลกของเราก็เคยมีนักวิทยาศาสตร์ดาดการณ์ว่าอีก 1 พันล้านปี น้ำจะเหือดหายไปจากโลกเช่นกัน” ศ.ดร.วิสุทธิ์กล่าว
ด้าน ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์ หัวหน้าหน่วยบริหารจัดการความรู้ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโยลีชีวภาพ (ไบโอเทค) ก็เชื่อว่าดาวเคราะห์ดวงอื่นอาจมีสิ่งมีชีวิตดำรงอยู่เหมือนกัน แต่การจะมีสิ่งมีสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาได้นั้น ต้องเป็นดาวเคราะห์ที่มีความเสถียรเช่นเดียวกับโลกของเราเป็นเวลานับหมื่นล้านปี มีน้ำ มีอุณหภูมิ และวงโคจรรอบดวงอาทิตย์ที่เหมาะสม
สำหรับ ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ นักชีวเคมี และ รมว.กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เห็นว่า นัยหนึ่งมนุษย์และสัตว์ต่างๆ บนโลกก็อาจเป็นสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวที่ติดมากับฝุ่นผงอวกาศในลูกอุกกาบาตก็ได้ ซึ่งในจักรวาลนั้นเราสามารถตรวจพบสารอินทรีย์ที่เป็นจุดกำเนิดสิ่งมีชีวิตเต็มไปหมด ส่วนว่าจะมีรูปร่างหน้าตาหรือมีภูมิปัญญาอย่างไรนั้นก็คงต้องแล้วแต่ปัจจัยบนดาวที่กำเนิดนั้นๆ เป็นตัวกำหนด
อย่างไรก็ดี ศ.ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญการผ่าตัดเส้นเลือดหัวใจ ที่หันมาศึกษาค้นคว้าเรื่องทางจิต รวมถึงจานบินและมนุษย์ต่างดาว ยืนยันว่ามีจริงแน่นอน ทั้งยังเคยพบเห็นและถ่ายภาพได้หลายต่อหลายครั้ง จึงทำให้เขาศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง จนสามารถติดต่อกับพวกที่อยู่บนดาวอื่นได้
ดร.เทพนม เล่าต่อว่า มนุษย์ต่างดาวเคยมาเยือนโลกตั้งแต่เมื่อหลายพันปีก่อนแล้ว จากหลักฐานต่างๆ ทั้งในถ้ำที่ จ.กาญจนบุรี หรือในจีน ซึ่งรายงานการค้นพบจานบินและมนุษย์ต่างดาวที่มีอยู่ทั่วโลก จะเห็นมนุษย์ต่างดาวมีลักษณะต่างๆ แม้แต่พวกที่เป็นหุ่นยนต์ก็ยังมี
อย่างไรก็ดี ดร.เทพนม ยังบอกอีกว่า เคยมีการสำรวจพบสิ่งที่คล้ายพีระมิด อนุสาวรีย์ หรือตึกสูง บนดาวพุธ ดาวศุกร์ ดาวอังคาร และดวงจันทร์ ซึ่งคาดกันว่าต้องมีสิ่งมีชีวิตที่ทรงปัญญาสร้างขึ้น เพราะสิ่งเหล่านี้คงเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติไม่ได้แน่ แต่ข้อมูลบางอย่างรัฐบาลของประเทศที่สำรวจพบจำเป็นต้องปกปิดไว้เป็นความลับทางการทหาร
ท้ายที่สุด ดร.เทพนม สรุปว่า ในจักรวาลที่กว้างใหญ่ ย่อมจะสิ่งมีชีวิตนอกโลกที่ทรงภูมิปัญญาอยู่นอกจากโลกของเรา แต่สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นอาจไม่เหมือนบนโลก มีวิถีดำรงชีวิตที่แตกต่างกันไป อาจไม่จำเป็นต้องใช้ออกซิเจน น้ำ หรือกินอาหารเหมือนอย่างที่พวกเราต้องการ
อย่างไรก็ดี การพบเห็นหรือถ่ายภาพจานบินที่ปรากฏบนโลกของเรานั้น ดร.นำชัยชี้ว่า นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อแน่ๆ ว่ามีจริง เพียงแต่ที่เห็นกันนั้นไม่ใช่ของจริง และหากย้อนถามพวกเราเองว่า ถ้าเราจะเดินทางไปดาวดวงอื่น เราจะไปอย่างเปิดเผย หรือจะไปถึงแล้วก็หลบๆ ซ่อนๆ ไม่แสดงตัวว่าเรามาแล้ว
“ไม่สมเหตุสมผลเลยที่มนุษย์ต่างดาวเดินทางมายังโลกของเราเป็นระยะทางหลายล้านปีแสงเพื่อมาหลบๆ ซ่อนๆ มิสู้เปิดเผยตัวตน แสดงเจตนารมณ์ และติดต่อกันอย่างเป็นทางการดีกว่าหรือ” ดร.นำชัย แสดงความเห็นทิ้งท้าย
*** อ่านเรื่องประกอบ ***
- ดาวที่เอื้อต่อ “การมีชีวิต”
- "เอเลี่ยน" มีกี่ชนิด
รายงานชุด : กึ่งศตวรรษอวกาศ
- ส่องรอบโลกฉลอง "50 ปีสปุตนิก”
- "สปุตนิก" พลิกโฉมเทคโนโลยีอวกาศ
- เด็กไทยยิงจรวดขวดน้ำพร้อมทั่วโลกฉลอง 50 ปียุคอวกาศ
- เปิดโผ 10 ที่สุดในจักรวาล
- อวกาศในสายตาผู้รู้เห็น หลัง "สปุตนิก" ทะยานฟ้าเมื่อ 50 ปีก่อน
- มองนโยบาย "อวกาศไทย" ส่งธีออส–รุกธุรกิจภาพถ่ายดาวเทียม
- นานาสัตว์ “นักบินอวกาศจำเป็น” ถางทางสู่ดวงดาวของมวลมนุษย์
- 10 สุดยอดไซ-ไฟอวกาศ แนะนำโดย “ชัยคุปต์”
- อวกาศในนิยาย sci-fi ยุคมนุษย์บุกจักรวาล
- สปุตนิก : ปฐมบทแห่งยุคอวกาศ
