xs
xsm
sm
md
lg

ศิลา Rosetta (จบ)

เผยแพร่:   โดย: สุทัศน์ ยกส้าน


ประวัติศาสตร์ได้บันทึกว่า เมื่อถึงวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2344 กองทัพเรือของอังกฤษได้ยกพลขึ้นบกที่เมือง Alexandria และทันทีที่รู้ข่าวนี้ บรรดาปราชญ์ฝรั่งเศสก็ได้จัดประชุมอย่างเร่งด่วนที่ Institut d’ Egypte ใน Cairo เพื่อตัดสินใจว่า จะพำนักอยู่ที่ Cairo ต่อหรือจะทิ้ง Cairo ไป ในเวลาต่อมาทหารและปราชญ์หลายคนได้ตัดสินใจหนีไปเมือง Alexandria และหนึ่งในบรรดาคนที่หนีไปในครั้งนั้น คือ Comte de Menou ผู้ซึ่งได้อพยพออกจาก Cairo เมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ.2344 และได้ขนแผ่นศิลา Rosetta ไปด้วย และทันทีที่ถึงเมือง Alexandria นายพล Menou ก็สั่งให้ปิดประตูเมืองทันที เพราะกลัวกองทัพอังกฤษจะบุกยึดเมือง

การยอมจำนนของฝรั่งเศสที่ Cairo เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ปีนั้น ทำให้ทหารฝรั่งเศสได้รับการอนุญาตให้เดินทางกลับฝรั่งเศสได้ โดยไม่ถูกจับกุมตัวเป็นเชลย และอังกฤษก็ได้อนุญาตให้ทหารสามารถนำสมบัติส่วนตัวเท่านั้นติดตัวไปได้ แต่สมบัติอื่น ๆ ที่มิใช่ส่วนตัวได้ถูกสั่งห้ามเคลื่อนย้ายใดๆ

จากนั้น กองทัพอังกฤษได้เดินทางจาก Cairo ถึงเมือง Alexandria และเมื่อทหารฝรั่งเศสหมดหนทางต่อสู้ การลงนามในสัญญาสงบศึกเมื่อวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2344 ก็ได้ทำให้นักวิชาการอังกฤษเห็นศิลา Rosetta เป็นครั้งแรก จึงอยากได้ศิลานี้เป็นสมบัติของอังกฤษทันที แต่นายพล Menou ไม่ยินยอม โดยอ้างว่า มันเป็นสมบัติของ Institut d’ Egypte

ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น Edward Daniel Clark ผู้เชี่ยวชาญด้านเคมี โบราณคดี และแร่ ได้เดินทางถึง Cairo เพื่อค้นหาวัตถุโบราณ แต่เพื่อนของ Clark ที่ Cairo บอกว่า ทหารฝรั่งเศสได้ขนสมบัติอียิปต์หนีไปที่ Alexandria หมดแล้ว และกำลังจะขนไปฝรั่งเศสต่อไป

Clark จึงเดินทางถึง Alexandria เมื่อวันที่ 10 กันยายน และได้เข้าพบนายพล Hutchison แห่งอังกฤษที่กำลังปกครองเมือง Alexandria เพื่อให้ออกคำสั่งอนุญาตให้นักวิชาการฝรั่งเศสทุกคนนำสิ่งที่ติดตัวจากฝรั่งเศสมาอียิปต์เท่านั้นกลับฝรั่งเศสได้ บรรดาสรรพสิ่งต่างๆ ที่พบ ที่หา หรือที่ขุดได้ในอียิปต์ จะต้องถูกกองทัพอังกฤษอายัดยึดหมด ทันทีที่ได้รับคำสั่งนี้ Menou รู้สึกโกรธมาก เขาจึงกล่าวบริภาษ Clark ว่าเป็นโจร และได้นำศิลา Rosetta ๆ ไปซ่อนในที่มิดชิด ในวันที่ 11 กันยายน นายพล Hutchison ได้สั่ง Menou ให้นำศิลา Rosetta มาให้ดู มิฉะนั้น บ้านของ Menou ก็จะถูกค้น เมื่อถูกคาดคั้น และรุกฆาต Menou จึงนำศิลา Rosetta ที่มีเสื่อเก่าๆ พันมามอบให้ Hutchison เพื่อนำขึ้นเรือ L’ Egyptienne เดินทางไปอังกฤษ และเรือเดินทางถึงท่าเมือง Portsmouth ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2345 และสมาคม Society of Antiquities ก็ได้รับรู้เรื่องนี้ เมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2345

ในปี พ.ศ. 2361 Thomas Young นักฟิสิกส์ชาวอังกฤษได้พยายามถอดภาษาอักษรภาพจนรู้ความหมายของคำประมาณ 50 คำ และเมื่อเขาพบว่า คำเหล่านี้บรรยายเรื่องของเทพเจ้า แทนที่จะกล่าวถึงประวัติศาสตร์ของอียิปต์ ดาราศาสตร์ หรือปฏิทิน เขาจึงหมดอารมณ์อยากอ่านต่อ และปล่อยให้ Jean - Francois Champollion แห่งฝรั่งเศสอ่านต่อ

หลังจากที่ได้เพียรพยายามถึง 14 ปี ในวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2384 Champollion ก็ได้ประสบความสำเร็จในการถอดความของภาษา hieroglyph โดยได้พบว่า ในบางครั้งภาพ 2-3 ภาพ สามารถรวมกันเป็น 1 อักษรในภาษากรีก ได้และข้อความที่ปรากฏบนศิลา Rosetta มีชื่อของฟาโรห์ เช่น Alexander, Tiberius, Germanicus, Trajan, Rameses, Thutmosis ฯลฯ

เขาจึงได้ตีพิมพ์ผลงานนี้ในปี พ.ศ. 2365 ซึ่งทำให้โลกฮือฮามาก เพราะเขานี่เองที่ทำให้คนปัจจุบันล่วงรู้และเข้าใจอารยธรรมอียิปต์เมื่อ 2,000 ปีก่อนได้เป็นครั้งแรก และความสำเร็จของ Champollion ในครั้งนั้นก็ถือได้ว่า เป็นการเปิดโลกวิทยาการด้านอียิปต์วิทยาด้วย เพราะได้ทำให้นักวิชาการรู้รหัสภาพ และคำจารึกต่างๆ ที่ปรากฏบนผนังพีระมิด รวมทั้งบนกระดาษ papyrus ก็เป็นที่เข้าใจได้หมด

เมื่อถอดความบนศิลา Rosetta ได้สำเร็จ สุขภาพของ Champollion ก็ทรุดหนัก โรคต่างๆ เช่น เบาหวาน และวัณโรคได้รุมเร้าจน Champolion รู้ดีว่า เวลาของเขาที่เหลือมีน้อย เขาจึงร้องไห้ และร้องขอพระเจ้าให้โปรดประทานชีวิตเขาต่ออีก 2 ปี แต่คำอธิษฐานของ Champollion มิเป็นผล เพราะในวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2365 เขาก็ได้ตายจากโลกไปด้วยโรคหัวใจวาย

สุทัศน์ ยกส้าน ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สสวท

กำลังโหลดความคิดเห็น