ในสายตาของ Malthus ประเทศใดที่ไม่ควบคุมจำนวนประชากรในชาติ จะทำให้ประชาชนอายุสั้น เพราะพลเมืองจะมีชีวิตอย่างแร้นแค้นและลำบาก
การเชื่อเช่นนี้ทำให้ Malthus ได้รับฉายานามว่าเป็น อสุรกายบ้าง มนุษย์ใจสัตว์บ้าง และคนอมทุกข์บ้าง แม้แต่ Carl Marx เองก็ยังเรียก Malthus ว่า เป็นคนสอพลอที่เป็นทาสของระบบนายทุน พูดสั้นๆ คือ ในสมัยนั้นที่ใดก็ตามที่มีการเอ่ยชื่อของ Malthus ที่นั้นวงแตกทันที เพราะทุกคนจะมีปฏิกิริยารุนแรงต่อชื่ออาถรรพ์ชื่อนี้ โดย Malthus ได้ชี้ให้เห็นว่า ถ้าประชากรเพิ่มในอัตรา 1, 2, 4, 8, 16,...32 ในขณะที่อาหารเพิ่มในอัตรา 1, 2, 3, 4, 5, 6,... ตัวเลขเช่นนี้แสดงให้เห็นชัดว่า ถ้าประชากรล้น ภาวะอาหารขาดแคลนจะเกิด และสังคมจะปั่นป่วน เพราะผู้คนจะแย่งชิงอาหารกัน การพยากรณ์เหตุการณ์ที่เลวร้ายนี้ทำให้ผู้คนกลัวและเกลียดคนทำนาย
ในความเป็นจริง เมื่อ Malthus นำเสนอความคิดนี้ เขาไม่ได้พูดในฐานะนักการเมือง หรือนักเขียนนวนิยาย เพราะเขาไม่ใช่คนที่เกลียดชังสังคมแต่อย่างใด แต่ก็มีนักวิชาการจำนวนไม่มากนักที่ชื่นชมความคิดและผลงานของ Malthus เช่น James Currie ผู้มีบทบาทในการเรียกร้องให้อังกฤษเลิกทาสโดยเขาได้ยกย่อง Malthus ว่าเป็นคนฉลาดที่เห็นการณ์ไกล
ในช่วงเวลาที่ Malthus มีชีวิตอยู่นั้นได้มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นมากมาย เช่น อเมริกาประกาศเอกราช เกิดการปฏิวัติใหญ่ในฝรั่งเศส การที่คนอังกฤษอพยพไปตั้งรกรากในออสเตรเลียเป็นครั้งแรก Napoleon กรีธาทัพบุกยุโรป การเติบโตของยุคอุตสาหกรรมและการที่คนชนบทอพยพเข้าเมืองจำนวนมากขึ้นๆ ทุกปี ดังนั้น เมื่อ Malthus ได้ข้อมูลการเกิด การตาย และการสมรสจากบาทหลวงที่โบสถ์ Okewood เขาก็เริ่มคิดถึงอันตรายที่จะเกิดหากจำนวนประชากรเพิ่มอย่างไร้การควบคุม และความกังวลของ Malthus ก็เป็นจริง เมื่อเกิดเหตุการณ์ผู้คนขาดแคลนมันฝรั่งจะบริโภคในไอร์แลนด์ ในปี พ.ศ. 2385 ทำให้ประชากรนับหมื่นล้มตาย แต่ Malthus มิได้เห็นเหตุการณ์นี้ เพราะเขาเสียชีวิตไปก่อนในปี 2377 ซึ่งถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ เขาก็คงกล่าวว่า "ผมบอกคุณแล้ว"
ในบทความที่ Malthus เสนอ เรื่องหลักประชากรศาสตร์นั้น เขาได้เสนอทางออกว่า ถ้าสังคมควบคุมจำนวนประชากรอย่างชาญฉลาด และอย่างมีจริยธรรม สังคมก็จะมีความสุข ในความรู้สึกลึกๆ Malthus ไม่ต้องการให้คนชื่นชมเขา เขาต้องการเพียงให้คนรับรู้ความจริงที่เป็นไปได้เท่านั้นเอง ดังนั้น เมื่อนักหนังสือพิมพ์ถามเขาว่า รู้สึกเจ็บบ้างไหมที่ถูกวิจารณ์ในแง่ลบ Malthus ตอบว่า รู้สึกบ้างในตอนแรก แต่อีก 2 สัปดาห์ผมก็ลืมสนิท
บทความที่ต่อต้านการเพิ่มประชากรได้ทำให้คนหลายคนคิดว่า Malthus เกลียดเด็ก แต่ความจริงเขาชอบเด็ก เพราะได้มีลูกถึง 3 คน และสำหรับความคิดเรื่องการมีครอบครัวนั้น Malthus คิดว่า ผู้ชายหรือผู้หญิงถ้าไม่มีเงินก็อย่าแต่งงาน เพราะลูกที่เกิดมาจะลำบาก การคิดเช่นนี้ทำให้คนบางคนโจมตี Malthus ว่าทำให้ชีวิตสมรสเป็นสมการคณิตศาสตร์ที่มีแต่เลขบวกกับเลขลบเท่านั้น
ถึงคนทั่วไปจะมีทัศนคติต่อ Malthus ในด้านลบ แต่ Charles Darwin ได้เอ่ยถึงผลงานของ Malthus ว่าได้จุดประกายความคิดให้ Darwin สร้างทฤษฎีวิวัฒนาการ ในปี 2381 ซึ่งกล่าวว่า สัตว์ที่สมบูรณ์เท่านั้นจึงจะมีโอกาสรอดชีวิตมากที่สุด และเมื่อ Malthus พบกวี Lord Byron ในปี 2356 Byron ก็ได้อ้างชื่อของ Malthus ถึง 4 ครั้งในบทกวีเรื่อง Don Juan ของเขา
ณ วันนี้ทฤษฎีของ Malthus ยังเป็นเรื่องที่สังคมกำลังศึกษาและประยุกต์ใช้อยู่ ดังจะเห็นได้ในกรณีประเทศที่กำลังพัฒนาว่า เด็กหนุ่มสาวจากชนบทพากันอพยพเข้าเมืองมากขึ้นทุกปีเมื่อตำแหน่งงานมีจำกัด ดังนั้น จำนวนคนว่างงานก็มากขึ้นๆ ความไม่เท่าเทียมกัน ความยากจน และการถูกกดขี่ ทำให้คนเหล่านี้ไม่พอใจ ส่วนในประเทศที่พัฒนาแล้ว คนที่ว่างงานก็อาจเปลี่ยนสภาพเป็นผู้ก่อการร้ายทันที เมื่อความอดกลั้นถึงขีดจำกัด ดังนั้น เราจึงเห็นได้ชัดว่า การเพิ่มประชากรอย่างรวดเร็วจะสร้างปัญหาทุกด้านไม่ว่า ด้านอาหาร พลังงาน วัสดุ หรือสิ่งแวดล้อมทุกเรื่องและคุณภาพชีวิตทุกด้านจะถูกกระทบกระเทือน เพราะคนที่เพิ่มจะทำให้ทรัพยากรที่มีอย่างจำกัดถูกลดปริมาณ ยกตัวอย่าง เช่น ภาวะขาดแคลนน้ำจะเกิด ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาการเกษตร และความต้องการพลังงานที่จะมากขึ้นๆ จนทำให้ราคาน้ำมันเพิ่มสูง แล้ววันหนึ่งงานอุตสาหกรรม และงานพัฒนาต่างๆ ก็จะหยุดชะงัก และเมื่อคนใช้พลังงานมากขึ้นๆ ภาวะโลกร้อนก็จะเกิด สัตว์ป่าจะถูกฆ่า เพราะคนบุกรุกป่ามากขึ้นๆ ทุกวัน จนนักชีววิทยาประมาณว่า ในแต่ละปี พืชและสัตว์สูญพันธุ์ไป 30,000 ชนิด ในประเทศที่กำลังพัฒนา การควบคุมการมีครอบครัวอย่างมีสติรอบคอบจึงเป็นเรื่องที่ต้องคำนึง เพื่อลูกหลาน เหลนของเราในอนาคตจะไม่ลำบากเพราะต้องต่อสู้กันเองเหมือนดังที่ Malthus ได้ทำนายไว้
สุทัศน์ ยกส้าน ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สสวท
