ชมฝนดาวตก "เพอร์เซอิดส์" ทั่วทุกมุมโลก ปลอบใจหลังไทยเผชิญดีเปรสชันเป็นอุปสรรครับชมปรากฏการณ์ ด้าน น.ส.ประพีร์จากสมาคมดาราศาสตร์ชี้บอกให้คนไทยเข้าใจวิธีชมฝนดาวตกได้ลำบาก แจงกรุงเทพฯ ไม่ได้เห็นแน่เพราะแสงไฟรบกวน
สำหรับผู้ที่พลาดชมปรากฏการณ์ฝนดาวตก "เพอร์เซอิด" (Perseids) ทั้งสาเหตุของสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยหรือติดภารกิจใดๆ เพื่อเป็นการปลอบใจ "ผู้จัดการวิทยาศาสตร์" จึงได้รวบรวมภาพฝนดาวตกจากทั่วโลกมาฝาก
ทั้งนี้นักดาราศาสตร์สมัครเล่นทั่วทุกมุมโลกได้ตั้งตารอ "ราชาฝนดาวตก" และบันทึกภาพฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์ แล้วเผยแพร่ภาพเหล่านั้นผ่านเว็บไซต์ spaceweather.com ซึ่งเป็นแหล่งรวมข่าวคราวด้านดาราศาสตร์ที่ได้รับความนิยม
"ฝรั่งเขาดูกันมาหลายวันแล้วเพราะเขารู้ว่าต้องดูยังไง แต่สำหรับคนไทยเราอธิบายให้ฟังลำบาก ส่วนใหญ่จะติดอยู่ความประทับใจของฝนดาวตก"ลีโอนิดส์" เมื่อปี 2544 เราบอกเป็นช่วงเวลาที่เป็นจังหวะเห็นฝนดาวตกมาก-น้อย แต่ส่วนมากก็จะขอให้เราบอกเวลาที่จะได้เห็นจริงๆ แต่เราต้องทำความเข้าใจให้ได้" น.ส.ประพีร์ วิราพร เลขาธิการสมาคมดาราศาสตร์ไทย เผยถึงบรรยากาศติดตามปรากฏการณ์ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์
ทั้งนี้ น.ส.ประพีร์ไม่ได้ชมปรากฏการณ์ฝนดาวตกแต่ได้ประจำอยู่ที่ทำการของสมาคม และได้รับรายงานจากสมาชิกทั่วประเทศถึงสภาพอากาศขณะรอชมฝนดาวตกแต่ไม่ได้รับรายงานจำนวนดาวตกที่เห็น โดยส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากพายุดีเปรสชันให้ไม่เอื้อต่อการรับชม
ขณะที่จังหวัดในชายแดนภาคใต้อย่างยะลาและนราธิวาสมีท้องฟ้าโปร่ง ส่วนที่ภูเก็ตก็ไม่มีอุปสรรคทางด้านสภาพอากาศเช่นกัน ซึ่งสมาชิกสมาคมได้รายงานเข้ามาว่านับปริมาณได้ 10 กว่าดวง ด้านสมาชิกที่เดินทางไปชมปรากฏการณ์ที่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม จ.อุบลราชธานี ก็ได้รับชมฝนตกเล็กน้อยก่อนที่เมฆจากอิทธิพลดีเปรสชันจะเข้าบดบัง
อย่างไรก็ดี น.ส.ประพีร์ชี้แจงว่าในพื้นที่กรุงเทพฯ จะได้ไม่ได้เห็นฝนดาวตกเพราะถูกรบกวนจากแสงไฟ โดยปัจจัยที่จะให้รับชมปรากฏการณ์ได้นั้น อย่างแรกต้องสามารถมองเห็นดาวและอีกปัจจัยคือต้องไม่มีแสงไฟรบกวน
สำหรับฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์นั้นเกิดจากฝุ่นของดาวหางสวิฟต์-ทัตเทิล (Swift-Tuttle) ซึ่งโคจรรอบดวงอาทิตย์ด้วยคาบประมาณ 130 ปีและโคจรเข้าใกล้โลกมากที่สุดในปี พ.ศ.2535 โดยจุดกระจายของดาวตก (radiant) อยู่ที่กลุ่มดาวเพอร์เซอัส (Perseus) ในซีกฟ้าเหนือ