เอเยนซี/นาซา/ยูเอสเอทูเดย์ – นาซาสานฝันคุณครูสู่อวกาศส่ง “บาร์บารา มอร์แกน” ขึ้นสู่อวกาศพร้อมยาน "เอนเดฟเวอร์" หลังจากพลาดบินกับ "ชาเลนเจอร์" เมื่อ 21 ปีก่อน แต่นับเป็นโชคดีของเธออย่างที่สุดที่ไม่ต้องสังเวยชีวิตไปกับโศกนาฏกรรมครั้งนั้น ส่วนครั้งนี้เป็นการเดินทางสู่อวกาศเพื่อรำลึกถึงและสานต่อภารกิจของลูกเรือชาเลนเจอร์ให้เป็นจริง
หลังเกิดโศกนาฏกรรมเมื่อ 21 ปีก่อนกับยานชาเลนเจอร์ (Challenger) ระเบิดเมื่อทะยานขึ้นฟ้าได้เพียงไม่นาน ทำให้องค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) ต้องสูญเสียลูกเรือทั้ง 7 นายไปพร้อมกับตัวยาน
หนึ่งในนั้นเป็นคุณครูสาว คริสตา แม็คออลิฟฟ์ (Christa McAuliffe) ที่เกือบจะได้เป็นคุณครูนักบินคนแรกของนาซา ทำให้นับแต่นั้นมานาซาก็ไม่ประสงค์ที่จะเอาชีวิตของบุคลากรด้านการศึกษาไปเสี่ยงอีก ซึ่งได้ดับฝันของ บาร์บารา มอร์แกน (Barbara Morgan) คุณครูอีกหนึ่งท่านที่ขณะนั้นต่อคิวรายต่อไปอย่างน่าเสียดาย
เมื่อปี 2528 มอร์แกน วัย 33 ปี ได้เขียนจดหมายสมัครเข้ามายังนาซาเพื่อรับการคัดเลือกให้เป็นครูคนแรกที่จะได้ขึ้นไปสอนหนังสือในอวกาศ โดยเนื้อความในจดหมายตอนหนึ่งว่า “ฉันอยากจะเป็นส่วนหนึ่งที่ได้ร่วมเดินทางไปกับกระสวยอวกาศ อยากให้อวกาศมาอยู่ในห้องเรียน ฉันอยากทำฝันให้เป็นจริง” ซึ่งนาซาเองก็ประทับใจกับความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าของเธอ แต่ผู้ที่ได้รับเลือกในครั้งนั้นกลับเป็น "แม็คออลิฟฟ์" โดยมีมอร์แกนเป็นตัวสำรอง
แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น จนทำให้ความฝันของแม็คออลิฟฟ์จบสิ้นไปพร้อมกับชีวิตของเธอและเพื่อนนักบินอีก 6 นาย เมื่อยานชาเลนเจอร์ที่จะนำพาพวกเขาสู่อวกาศได้เกิดระเบิดขึ้นหลังจากทะยานสู่ท้องฟ้าเพียงไม่กี่นาทีเมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2529
“มันยาวนานพอควรเลยที่นาซาไม่ได้ส่งบุคคลากรด้านการศึกษาขึ้นไปสู่อวกาศอีกครั้ง” ซอนยา อเล็กซานเดอร์ (Sonja Alexander) โฆษกของนาซากล่าว และในที่สุดความฝันของมอร์แกน อดีตครูสอนหนังสือจากรัฐไอดาโฮ กำลังจะเป็นจริงในวัย 55 ปี หลังจากที่รอคอยมายาวนานถึง 21 ปี เมื่อนาซาตัดสินใจให้มอร์แกนได้ไปเปิดห้องเรียนในอวกาศเป็นคุณครูนักบินอีกครั้ง ซึ่งจะโดยสารไปพร้อมกับยานเอนเดฟเวอร์ (Endeavour) ในวันที่ 9 ส.ค. นี้
“ฉันรำลึกถึงคริสตาและลูกเรือของชาเลนเจอร์ทุกคนอยู่ตลอดเวลา พวกเขายังอยู่กับฉันทุกๆ วันที่มีการฝึกซ้อม” มอร์แกน บอกเล่าความรู้สึกเมื่อรู้ว่าเธอจะได้ทำฝันของตัวเองให้เป็นจริงและสานต่อภารกิจของแม็คออลิฟฟ์
มอร์แกนเกิดเมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2494 ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford University) สาขาชีววิทยามนุษย์ ในปี 2516 จากนั้นในปี 2517 มอร์แกนได้เริ่มต้นอาชีพครูสอนหนังสือ ซึ่งเธอเคยสอนอยู่ในโรงเรียนหลายแห่งด้วยกัน สอนทั้งวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาอังกฤษ มอน์แกนสมรสกับเคลย์ มอร์แกน (Clay Morgan) และมีบุตรชาย 2 คน
ระหว่างที่มอร์แกนเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนประถมศึกษาแม็คคอล-ดอนเนลลี (McCall-Donnelly Elementary School) มลรัฐไอดาโฮ สหรัฐฯ (2522-2541) มอร์แกนได้สมัครเข้ารับการคัดเลือกกับนาซาในโครงการครูสอนหนังสือในอวกาศ ซึ่งเธอก็ได้รับเลือกให้เป็นนักบินสำรอง ขณะที่แม็คออลิฟฟ์ได้รับเลือกเป็นครูคนแรกที่จะได้เดินทางสู่อวกาศ โดยมอร์แกนได้ฝึกปฏิบัติร่วมกับลูกเรือของชาเลนเจอร์ทุกคนด้วย แต่หลังจากที่กระสวยชาเลนเจอร์ระเบิดและคร่าชีวิตลูกเรือทุกคน นาซาก็ได้มอบหมายให้มอร์แกนปฏิบัติหน้าที่คุณครูในอวกาศแทนแม็คออลิฟฟ์ แต่อยู่ภาคพื้นดินในแผนกการศึกษาของนาซาควบคู่ไปกับการสอนหนังสือในโรงเรียนที่เธอประจำอยู่
กระทั่งปี 2541 มอร์แกนจึงได้เริ่มเข้าสู่การเป็นนักบินอวกาศของนาซาอย่างเต็มตัว ช่วง 2 ปีแรกเธอเรียนรู้และฝึกอบรมในเรื่องของระบบต่างๆ ที่ศูนย์อวกาศจอห์นสัน (Johnson Space Center) จากนั้นก็ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้เชี่ยวชาญประจำภารกิจอยู่ที่ศูนย์ควบคุมของนาซา คอยติดต่อประสานงานกับนักบินที่อยู่ในอวกาศมาตลอดระยะเวลา 7 ปี และในที่สุดนาซาก็ได้เลือกเธอให้เป็นส่วนหนึ่งในภารกิจของยานเอนเดฟเวอร์ที่มีกำหนดเดินทางสู่สถานีอวกาศนานาชาติในปี 2550
เมื่อครั้งนั้น แม็คออลิฟฟ์ใช้เวลา 5 เดือน เรียนรู้และฝึกปฏิบัติการเดินทางด้วยยานอวกาศ เธอทุ่มเทเวลาให้กับการทำบทเรียนในรูปแบบของภาพยนตร์เกี่ยวกับชีวิตในอวกาศและประโยชน์ที่ได้จากการเดินทางสู่อวกาศเพื่อเตรียมไปสอนขณะที่เธออยู่ในอวกาศแล้ว
สำหรับภารกิจของมอร์แกนในครั้งนี้ เธอจะได้สานฝันของตัวเองและแม็คออลิฟฟ์ เธอมีเวลาที่จะสอนบทเรียนที่เธอเตรียมไว้ขณะอยู่ในอวกาศทั้งสิ้น 6 ชั่วโมง เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของโลก อวกาศ การสำรวจ การค้นพบ และชีวิตในอวกาศ เป็นต้น ในรูปแบบของภาพยนตร์เกี่ยวกับการดำรงชีวิตในอวกาศและประโยชน์ที่ได้จากการเดินทางสู่อวกาศ ผ่านเว็บไซต์ http://www.us-satellite.net/sts118/
“เด็กๆ ทุกคนมีความใฝ่ฝัน ฉันจึงอยากให้พวกเขาได้มีส่วนร่วมในการเดินทางสู่อวกาศไปพร้อมๆ กับเรา ได้เห็นว่าในอวกาศเป็นอย่างไรบ้าง พวกเราทำอะไรกันบ้างเมื่อออกสู่อวกาศ อยากให้เด็กๆ เกิดแรงบันดาลใจ เมื่อพวกเราทำได้ พวกเขาก็สามารถทำได้เหมือนกัน และหวังว่าในอนาคตพวกเขาจะได้มาเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้ และยังมีเรื่องราวอีกมากมายในจักรวาลรอคอยให้พวกเขาค้นหาอยู่” มอร์แกน กล่าวถึงภารกิจสำคัญของเธอในครั้งนี้ คือการเชื่อมโยงอวกาศและห้องเรียนเข้าด้วยกัน ซึ่งเธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสิ่งนี้จะเป็นประตูที่เปิดสู่อวกาศและนำพาทุกคนไปยังที่นั่นได้ในไม่ช้า
นอกจากนี้ มอร์แกนยังมีภารกิจที่ต้องเดินอวกาศเพื่อบังคับแขนกลในการขนย้ายอุปกรณ์จากยานเอนเดฟเวอร์สู่สถานีอวกาศ และได้วางแผนไว้ว่าจะบันทึกวิดีโอกิจกรรมและภารกิจของนักบินขณะอยู่ในอวกาศสำหรับนำกลับมาเป็นสื่อการเรียนการสอนแก่ครูและนักเรียนในโรงเรียนต่อไป รวมทั้งสาธิตการปลูกพืชโดยใช้ชุดทดลองสำหรับปลูกพืชในอวกาศ และหลังจากนั้นนาซาจะแจกจ่ายชุดทดลองและเมล็ดพันธุ์ที่มอร์แกนได้นำขึ้นไปทัวร์ในอวกาศให้เด็กนักเรียนได้ทดลองปลูกอีกด้วย
การเดินทางของเอนเดฟเวอร์ในครั้งนี้ต่างจากเที่ยวบินอื่นๆ นักบินอวกาศที่จะร่วมเดินทางไปกับมอร์แกนทุกคนเห็นว่า เที่ยวบินนี้ไม่ใช่เที่ยวบินที่จะไปปฏิบัติภารกิจเหมือนกันกับเที่ยวบินก่อนๆ แต่เป็นเที่ยวบินพิเศษเพื่อรำลึกถึงการจากไปของลูกเรือยานชาเลนเจอร์
“มันจะเป็นช่วงเวลาที่พวกเราจะได้ระลึกถึงคริสตาและลูกเรือของชาเลนเจอร์ทุกๆคน และสิ่งที่เป็นความประสงค์ของพวกเขาทั้งหมด โดยบาร์บ (ชื่อเรียกของมอร์แกนในหมู่คนใกล้ชิด) จะเป็นผู้ที่สานต่อภารกิจอันเป็นความมุ่งมั่นของลูกเรือชาเลนเจอร์ให้เป็นจริงขึ้นมา” เทรซี คาลด์เวล (Tracy Caldwell) หนึ่งในลูกเรือของเอนเดฟเวอร์ที่จะเดินทางในเที่ยวบินนี้กล่าว
อย่างไรก็ดี ปีนี้นาซาเจอมรสุมรุมเร้ามากมาย ทั้งปัญหารักสามเส้าของนักบินในองค์กร เจ้าหน้าที่วิศวกรบุกยิงเพื่อนร่วมงาน ระบบคอมพิวเตอร์บนสถานีอวกาศขัดข้อง และล่าสุดถูกแฉว่ามีนักบินขับยานขณะมึนเมาอย่างน้อย 2 ครั้ง ตามมาด้วยการพบรอยรั่วภายในห้องโดยสารของยานเอนเดฟเวอร์ แต่ได้ซ่อมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งนาซาก็หวังว่าเที่ยวบินของยานเอนเดฟเวอร์ที่จะออกเดินทางในไม่ช้านี้ จะไม่เกิดเหตุยุ่งยากขึ้นซ้ำซ้อนอีกในช่วงเวลาแบบนี้ของนาซา


