คนเกือบทั้งโลกเตรียมชมจันทรุปราคาเต็มดวง ปรากฎสีส้มแดงดวงใหญ่ นาน 1 ชั่วโมงครึ่งในวันที่ 28 ส.ค.นี้ ฝั่งอเมริกาเห็นปรากฏการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ ส่วนไทยจะเห็นในช่วงค่ำ แค่ช่วงปลายปรากฏการณ์
พ.ศ.2550 ถือเป็นปีที่มีปรากฏการณ์ดาราศาสตร์หาชมได้ยากอย่าง “จันทรุปราคาเต็มดวง” เกิดขึ้นถึง 2 ครั้งในปีเดียวกัน โดยชาวโลกได้มีโอกาสชมปรากฏการณ์ครั้งแรกไปแล้วเมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา ส่วนปรากฏการณ์ครั้งที่ 2 ในรอบปี จะเกิดขึ้นวันที่ 28 ส.ค.นี้ โดยผู้สังเกตปรากฏการณ์บนโลกจะเห็นพระจันทร์เป็นสีส้มแดง และจันทรุปราคาจะมีขนาดใหญ่กว่าเมื่อวันที่ 4 มี.ค.ประมาณ 8 %
บริเวณที่จะเห็นปรากฏการณ์ครั้งนี้ได้แก่ เอเชียตะวันออก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และมหาสมุทรแปซิฟิกในช่วงค่ำ เมื่อดวงจันทร์โผล่เหนือขอบฟ้า โดยเห็นปรากฏการณ์เพียงบางส่วน ขณะที่ฝั่งอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ มลรัฐอลาสกาและหมู่เกาะฮาวายของสหรัฐฯ จะเห็นปรากฏการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบในตอนพระจันทร์ลับขอบฟ้าในช่วงเช้ามืดวันเดียวกัน ส่วนทวีปแอฟริกา สแกนดิเนเวีย ยุโรป และเอเชียตะวันตก จะไม่มีโอกาสเห็นปรากฏการณ์นี้ได้เลย
ทั้งนี้ ในส่วนของประเทศไทย ซึ่งจะสังเกตเห็นแค่ช่วงท้ายของปรากฎการณ์ เนื่องจากพระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน
ดวงจันทร์จะเคลื่อนเข้าแตะขอบเงามัวของโลกเวลา 14.54 น.
จากนั้นเวลา 15.51 น. ดวงจันทร์จะเริ่มแหว่งเป็นจันทรุปราคาบางส่วน ต่อมาในเวลา 16.52 น. ดวงจันทร์เข้าสู่เงามืดทั้งดวง เริ่มเกิดปรากฎการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง และเวลา 17.37 น. จะเคลื่อนเข้าสู่เงาลึกที่สุด นับเป็นจุดกึ่งกลางปรากฏการณ์
อย่างไรก็ดี ในช่วงนี้ที่ภาคอีสาน เช่น อุบลราชธานี ดวงอาทิตย์ตกทางทิศตะวันตกเกือบพร้อมกับดวงจันทร์ขึ้นทางทิศตะวันออก ช่วงเวลาประมาณ 18.15-18.16 น. อาจมีโอกาสมองเห็นดวงจันทร์ที่ยังคงอยู่ในเงามืด แต่ท้องฟ้าที่ยังสว่างอยู่ บวกกับดวงจันทร์ที่มืดสลัว อีกทั้งตำแหน่งใกล้ขอบฟ้า อาจทำให้มองเห็นดวงจันทร์ได้ค่อนข้างยาก
คราสเข้าแตะดวงจันทร์ลึกสุด จนถึงเวลา 18.22 น. และเริ่มกลับไปเป็นจันทรุปราคาบางส่วนอีกครั้ง กระทั่งเวลา 19.24 น. จันทร์ทั้งดวงเริ่มออกจากเงามืด และสิ้นสุดปรากฏการณ์ทั้งหมดเวลา 20.21 น.
ทั้งนี้ ในช่วงท้ายของปรากฎการณ์คือ ขณะที่จันทร์กำลังออกจากเงามืด หลัง 19.00 น. ผู้ชมจากท้องฟ้าเหนือกรุงเทพฯ สามารถสังเกตดวงจันทร์ที่กำลังขึ้นจากขอบฟ้าได้
นายอารี สวัสดี นายกสมาคมดาราศาสตร์ไทย กล่าวว่า ในปรากฏการณ์ดังกล่าว คนในประเทศไทยจะสามารถสังเกตเห็นช่วงท้ายของปรากฏการณ์ หากสังเกตจากกรุงเทพฯ เมื่อดวงจันทร์ขึ้นทางทิศตะวันออก ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับดวงอาทิตย์ตก ดวงจันทร์จะถูกเงามืดของโลกบังไปประมาณ 80 % จากนั้นดวงจันทร์จึงค่อยๆ กลับมาเต็มดวง
แต่หากไปสังเกตที่ จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นตำแหน่งตะวันออกสุดของประเทศ ดวงจันทร์จะขึ้นเหนือขอบฟ้าในจังหวะที่ดวงจันทร์ทั้งดวงยังอยู่ในเงามืดของโลก จากนั้นจันทรุปราคาเต็มดวงจะสิ้นสุดลงในเวลา 18.23 น.และจันทรุปราคาบางส่วนจะลิ้นสุดในเวลา 19.24 น. ทั้งนี้ผู้สังเกตปรากฏการณ์ควรเลือกที่โล่ง มืด และไม่มีแสงไฟรบกวน เช่น บนตึกสูงเพื่อสังเกตปรากฏการณ์ได้ชัดเจนที่สุด
ส่วนปรากฏการณ์จันทรุปราคาครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในวันที่ 20-21 ก.พ.2551 สามารถสังเกตเห็นได้ทั้งในทวีปอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ ยุโรป แอฟริกา และเอเชียตะวันออก ส่วนที่เห็นในประเทศไทยครั้งต่อไปคือ จันทรุปราคาบางส่วน คืนวันที่ 16 ต่อเช้ามืดวันที่ 17 ส.ค.2551 ดวงจันทร์ถูกบังประมาณ 81%