xs
xsm
sm
md
lg

“ไม้เท้า-โน้ตบุ๊คคนตาบอด-ป้ายราคาอิเล็กทรอนิกส์” 3 ผลงานสุดท้ายเวที “สมองกลอัจฉริยะ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เนคเทคประกาศผล 3 ทีมสุดท้ายการประกวดสิ่งประดิษฐ์ “สมองกลฝังตัว” ฝีมือเยาวชนไทยระดับอุดมศึกษา เผย 3 ผลงาน “ไม้เท้า –โน้ตบุ๊ค" อำนวยความสะดวกเพื่อผู้พิการทางสายตา และ "ป้ายราคาอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้สาย” อัพเดทข้อมูลสินค้าตามห้างร้านขนาดใหญ่ นวัตกรรมจากการสังเกตสิ่งรอบตัว เข้าชิงชนะเลิศกันยาฯ นี้

ในภาพยนตร์ล้ำสมัยหลายต่อหลายเรื่อง ผู้สร้างได้วาดภาพให้ข้าวของเครื่องใช้หลายอย่างมีความสามารถพิเศษและ “ฉลาด” กว่าในปัจจุบันมากชนิดที่เราคาดไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็นทีวี วิทยุ คอมพิวเตอร์ รถยนต์ หรือแม้แต่ปากกาสักด้าม โดยมีหัวใจของความไฮเทคอยู่ที่ “ระบบสมองกลฝังตัว” (Embedded System) ที่ทำหน้าที่ต่างสมองให้กับสิ่งของนั้นๆ ซึ่งเริ่มที่จะเป็นความจริงมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วในเวลานี้

เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร อาทิ สมาคมนักออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และสมาคมสมองกลฝังตัว จัดการประกวด “ผลงานการออกแบบผลิตภัณฑ์สมองกลอัจฉริยะ” ขึ้น โดยประกาศผล 3 ทีมสุดท้ายที่ผ่านเข้ารอบแล้วภายในงาน “ไทยแลนด์อิเล็กทรอนิกส์ 2007” ระหว่างวันที่ 12 -15 ก.ค. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ผลงานที่ผ่านเข้ารอบทั้ง 3 ได้แก่ “เครื่องช่วยสำรวจตำแหน่งสิ่งกีดขวางของผู้พิการทางสายตา” ของนายธเนศ อรุณถาวรวงศ์ นายพีรัช ษรานุรักษ์ นายอภิเชษฐ์ มงคลพรอุดม น.ส.กรกนก เตชะรัตนยันยง และนายกิตติศักดิ์ จตุรทัพประดับ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.)

“คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คสำหรับคนตาบอด” ของนายธนาธิป ลิ่มหา นายศุภชัย มะเดื่อ นายวรพล ทินกรสูติบุตร นายณัฐวุฒิ สุวรรณรัตน์ และ น.ส.วิชชุดา เกียรติเจริญศักดิ์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และ “ระบบป้ายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้สาย” ของนายวรุธ ทองน้ำเพ็ญ นายไกวัลยวิชย์ ฉวรรณกุล และนายวิภวัฒน์ อุปถัมภ์วิเชียร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

สำหรับผลงานเครื่องช่วยสำรวจตำแหน่งสิ่งกีดขวางของผู้พิการทางสายตา นายกิตติศักดิ์ เผยว่า ทีมประดิษฐ์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากปัญหาจริงของผู้พิการทางสายตา ที่มักเดินชนเข้ากับสิ่งของที่อยู่ข้างหน้า ซึ่งอยู่สูงระดับเอวขึ้นไปจนถึงศีรษะ โดยไม้เท้าช่วยเดินธรรมดาจะไม่สามารถช่วยการรับรู้ได้ เช่น ฝาท้ายรถทัวร์ ท้ายรถบรรทุก ตู้ไฟ ป้ายสัญญาณต่างๆ และเสาไฟฟ้า

พวกเขาจึงประดิษฐ์เครื่องช่วยสำรวจดังกล่าวขึ้น โดยออกแบบเป็นไม้เท้าช่วยเดินสำหรับผู้พิการทางสายตา ซึ่งมีแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์และเซ็นเซอร์อัลตราโซนิกส์พร้อมระบบสั่นสะเทือนไว้ที่ด้ามไม้เท้า เพื่อส่งสัญญาณเตือนให้ผู้ใช้งานหลบหลีกสิ่งกีดขวางข้างหน้าได้

เมื่อผู้พิการทางสายตาใช้ไม้เท้าที่มีแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์อยู่นี้ก็จะปล่อยกรวยคลื่นอัลตราโซนิกส์ไปข้างหน้า โดยทำมุมเงย 30 องศากับด้ามจับเพื่อตรวจหาสิ่งที่จะเป็นอันตรายต่อผู้พิการทางสายตาในระยะ 80 -100 เซนติเมตร ก่อนส่งสัญญาณไปทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนให้ผู้ใช้งานรู้ตัวแล้วหลบสิ่งกีดขวางได้ทันก่อนจะเดินชน และเมื่อให้ผู้พิการทางสายตา 2 -3 รายทดลองใช้ก็พบว่าสามารถใช้งานได้ดี” นายกิตติศักดิ์ หนึ่งในทีมประดิษฐ์ “บัดดี้เวย์” –คู่หูเพื่อการเดินทางอย่างปลอดภัยชิ้นนี้กล่าว

ก้าวต่อไป พวกเขาจะเพิ่มเสียงเตือนเข้าไปที่ไม้เท้า การใช้เซ็นเซอร์อัลตราโซนิกส์ที่ทนน้ำได้ และการเชื่อมต่อไม้เท้ากับระบบสัญญาณดาวเทียมเพื่อให้ผู้ใช้งานเกิดความคล่องตัวสูงขึ้น ซึ่งสิ่งประดิษฐ์อัจฉริยะนี้มีความเป็นไปได้ทางการตลาดค่อนข้างมาก โดยเชื่อว่าจะสามารถทำให้มีราคาขายต่อด้ามเพียง 1,600 บาท

ส่วนผลงานคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คสำหรับคนตาบอดในชื่อ “อัมเบรล” สมาชิกในทีมเผยว่า พวกเขาได้พัฒนาซอฟต์แวร์และแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ขึ้นเพื่อใช้กับคอมพิวเตอร์แบบพกพา เพื่อให้ผู้พิการทางสายตาใช้งานได้อย่างสะดวก โดยเฉพาะช่วยให้พิมพ์ตัวอักษรภาษาไทยได้ด้วยแป้นพิมพ์อักษรเบรลที่ปรับปรุงให้ดีขึ้นและมีลักษณะสอดคล้องต่อลักษณะการพิมพ์ของผู้ใช้งาน ซึ่งที่มีอยู่ในท้องตลาดทั่วไปยังมีราคาแพงมากและไม่รองรับการพิมพ์อักษรภาษาไทย แต่จะรับรองเพียงการพิมพ์อักษรภาษาอังกฤษภาษาเดียวเท่านั้น

นอกจากนั้น ระบบที่พัฒนาขึ้นยังช่วยให้ผู้ใช้งานต่อพ่วงคอมพิวเตอร์เข้ากับอุปกรณ์อื่นๆ ได้สะดวก ทั้งเครื่องพิมพ์ และไดร์ฟเสริม ผู้พิการทางสายตาสามารถเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ อีกทั้งยังสามารถฟังเครื่องเล่นเอ็มพี 3 ได้ด้วย

คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คเพื่อผู้พิการทางสายตาจะช่วยให้พวกเขาพิมพ์ตัวอักษรภาษาไทยได้ และมีราคาถูกลงประมาณครึ่งหนึ่งของคอมพิวเตอร์สำหรับคนพิการทางสายตาในปัจจุบัน โดยต่อไปจะทำให้ส่งเสียงสื่อสารกับผู้ใช้งานเพื่อให้ทราบว่าพิมพ์อักษรได้ถูกต้องหรือไม่ด้วย” นายธราธิป หัวหน้าทีมเผย

ผลงานชิ้นสุดท้ายที่ผ่านเข้ารอบคือ ระบบป้ายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้สาย นายวรุธ หัวหน้าทีม เล่าว่า แนวคิดการพัฒนาเกิดขึ้นจากที่เห็นว่าในห้างขายปลีกขนาดใหญ่จะมีสินค้าวางขายอยู่มากถึง 15,000 รายการ ดังนั้นหากมีการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าแต่ละครั้งในช่วงโปรโมชันก็จะทำให้ยุ่งยาก เสียเวลา และสิ้นเปลืองแรงงานคนมาก รวมทั้งยังอาจขาดความแม่นยำ ส่งผลถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในท้ายที่สุด

ทีมประดิษฐ์ที่มีเขาอยู่ด้วยจึงพัฒนาป้ายราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขึ้น โดยใช้หลักการส่งสัญญาณคลื่นความถี่วิทยุระหว่าง 400 -900 เมกะเฮิร์ตซ์ ที่ทะลุผ่านสิ่งกีดขวางเช่น ผนังและกำแพงได้ดี เพื่อช่วยเปลี่ยนราคาสินค้าได้อย่างสะดวกและแม่นยำ โดยการเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่คอมพิวเตอร์ส่วนกลางเพียงครั้งเดียว เครื่องขยายสัญญาณที่ติดตั้งประจำที่ทุกๆ 200 เมตรก็จะทำหน้าที่เป็นตัวกระจายสัญญาณข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงไปยังป้ายแสดงสินค้าในแต่ละจุดจนทั่วห้างเพื่อให้แสดงผลราคาสินค้าในขณะนั้นตามความเป็นจริง

เมื่อเราพิมพ์ข้อมูลใหม่ลงไปที่คอมพิวเตอร์กลาง ป้ายแสดงราคาสินค้าที่ต้องการเปลี่ยนแปลงข้อมูล ซึ่งอยู่ตามจุดต่างๆ ก็จะเปลี่ยนแปลงข้อมูลโดยอัตโนมัติในเวลาไม่ถึง 1 วินาที มีข้อดีคือสะดวกรวดเร็วกว่าแรงงานคนถึง 180 เท่า ในห้างใหญ่ๆ จะลดต้นทุนในการเปลี่ยนแปลงราคาแบบเก่าได้ถึง 900,000 บาทต่อปี โดยป้าย 1 แผ่นมีราคา 250 บาท และตัวขยายสัญญาณมีราคา 3,900 บาท ดังนั้นหากใช้เครื่องขยายสัญญาณเพียง 15 ตัวก็ครอบคลุมพื้นที่ในห้างใหญ่ๆ ได้แล้ว โดยจะเป็นระบบที่มีความคุ้มทุนภายในเวลา 3 -4 ปี” นายวรุธ เจ้าของผลงานที่ผ่านเข้ารอบ 3 ทีมสุดท้ายกล่าว

ทั้งนี้ เกณฑ์การตัดสินพิจารณาให้รางวัลสุดยอดแก่สิ่งประดิษฐ์สมองกลนั้นมี 3 ด้านคือ 1.การออกแบบ 2.การตลาด และ 3.ระบบสมองกลฝังตัวที่นำมาประยุกต์ใช้ โดยจุดประสงค์ของการแข่งขันเพื่อพัฒนาบุคลากรด้านสมองกลฝังตัวของไทยตั้งแต่ระดับอุดมศึกษา ควบคู่ไปกับการพัฒนาความสามารถด้านการออกแบบและการวางแผนการตลาดให้ผลงานที่พัฒนาได้สามารถออกสู่ตลาดได้จริง ตลอดจนถึงการสร้างกระบวนการทำงานเป็นทีมให้เกิดขึ้นด้วย

ส่วนสิ่งประดิษฐ์สมองกลอัจฉริยะชิ้นใดจะเป็นผู้ชนะเลิศการประกวด “ผลงานการออกแบบผลิตภัณฑ์สมองกลอัจฉริยะ” ก็สามารถคอยลุ้นคอยให้กำลังใจได้ โดยจะมีการประกาศผลอย่างเป็นทางการ พร้อมมอบโล่เกียรติยศและเงินรางวัลให้แก่ทีมผู้ชนะเลิศในเดือน ก.ย.2550 นี้





กำลังโหลดความคิดเห็น