บีบีซีนิวส์ – ไขมันส่วนเกินจาก “บั้นท้าย” หรือ "หน้าท้อง" สามารถนำไปสร้างเป็น “หน้าอก” ให้อึ๋มใหญ่ได้ แค่เสียเวลาไม่เกินชั่วโมง หรือจะสละเวลาพักเที่ยงสักมื้อ กลับมาทำงานแบบ ก้นแฟบ พุงยุบ แต่อกจะตู้มขึ้นในอีกไม่กี่เดือนถัดมา !! เชื่อขนมกินได้เลยว่า วิธีนี้ได้รับอนุญาตเมื่อไหร่ "ซิลิโคน" ชิดซ้ายไปอย่างแน่นอน
การนำไขมันส่วนเกินของร่างกายไปสร้างเป็นเนื้อเยื่อในส่วนต่างๆ ที่ต้องการ จะไม่ใช่นิยายในฝัน (ของสาวๆ ) อีกต่อไป เมื่อทีมนักวิทยาศาสตร์ อังกฤษ เปิดเผยว่า พวกเขาสามารถนำไขมันมาผสมกับสเต็มเซลล์เข้มข้น ฉีดเข้าไปในหน้าอก เพื่อสร้างให้กลายเป็นเนื้อเยื่อเติบโตขึ้นมาที่บริเวณหน้าอก
กระบวนการดังกล่าว ทีมวิจัยเรียกเล่นๆ ว่า “เซลูชัน” (Celution) ฉีดเข้าร่างกายโดยใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง
ไขมันจากหน้าท้อง บั้นท้าย หรือต้นขาจะถูกดูดออกมาด้วยวิธีมาตรฐานทั่วไป และนำไปผสมกับสเต็มเซลล์ ถึงขั้นนี้เซลล์และไขมันจะผสมกันอย่างเข้มข้น เมื่อเซลล์บรรจุรออยู่ในเข็มเรียบร้อย ก็เตรียมพร้อมฉีดให้กับผู้ป่วยโดยใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง และรอคอยอีก 6 เดือนหน้าอกก็จะค่อยๆ โตขึ้น
ที่ผ่านมา ความพยายามนำไขมันส่วนเกิน ไปก่อรูปเป็นอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย ส่วนใหญ่ล้มเหลวนั้น ก็เพราะไขมันส่วนใหญ่มักจะถูกดูดซึมกลับเข้าสู่ร่างกาย ทว่านักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่มั่นใจนักว่าวิธีการดังกล่าวจะใช้ได้ดีไหม แต่เชื่อได้ว่าสเต็มเซลล์จะส่งสัญญาณไปกระตุ้นให้หลอดเลือดขยายใหญ่ขึ้น และสร้างเนื้อเยื่อตามธรรมชาติขึ้นมา
ส่วนงานวิจัยชิ้นนี้สนับสนุนโดยบริษัทไซโตรี เทราพิวทิกส์ (Cytori Therapeutics) และรายงานรายละเอียดของแนวทางการรักษาลงในนิตยสารเคมีและอุตสาหกรรม (Chemistry and Industry Magazine) ซึ่งนักวิทยาศาสตร์พัฒนาวิธีการนี้ขึ้นเพื่อช่วยผู้ป่วยมะเร็งที่ต้องตัดเต้านมออกไป
ทางบริษัทได้ดำเนินการทดสอบกับผู้หญิงญี่ปุ่นที่ถูกตัดเต้านมบางส่วน 19 คน โดยทุกคนตอบสนองดีกับการรักษาเพิ่มเต้า และยังไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ปรากฏ ส่วนการทดลองในระดับคลินิกยังคงเดินหน้า และทางบริษัทก็หวังว่าจะสามารถเปิดตัวการรักษาเพิ่มเต้านมด้วยวิธีนี้ในยุโรปได้ภายในช่วงต้นปีหน้า
เชื่อว่า ถ้าวิธีการรักษาด้วยการฉีดเสต็มเซลล์ผสมไขมันเข้าสู่หน้าอกได้รับอนุญาต จะกลายเป็นคู่แข่งสำคัญของ “ซิลิโคน” เพื่อนคู่ใจของสาวๆ เป็นแน่
ทว่า ทางบริษัทผู้พัฒนายอมรับว่า สนนราคาของการเติมนมด้วยวิธีนี้ยังค่อนข้างแพง หากเทียบต่อ 1 เข็มที่ฉีดเข้าไป แต่ก็อวดว่าไม่เหมือนกับการผ่าตัดเสริมอิ๋มที่ทำกันอยู่ทั่วไปแน่นอน
รายีฟ กรอฟเวอร์ (Rajiv Grover) สมาคมศัลยกรรมพลาสติกเพื่อความงามแห่งอังกฤษ (British Association of Aesthetic Plastic Surgeons : Baaps) แสดงความเห็นว่า งานวิจัยดังกล่าวดูเหมือนจะเป็นการพัฒนาทางการแพทย์ แต่ก็อดกังขาไม่ได้ว่าจะต้องกลายเป็นที่นิยมในการศัลยกรรมเพื่อความงามเป็นแน่
เฉพาะในอังกฤษมีผู้ป่วยเป็นมะเร็งเต้านมมากถึงปีละ 45,000 ราย และในจำนวนนี้ 30% ต้องรักษาด้วยการตัดเต้านมบางส่วนทิ้งไป