xs
xsm
sm
md
lg

ผลวิจัยใหม่ค้านทฤษฎี HIV เดิมๆ ชัด!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี/บีบีซีนิวส์ – ทฤษฎีเดิมที่ว่าเชื้อ HIV ค่อยๆทำลายภูมิคุ้มกันตามที่เชื่อมา ไม่ถูกต้องอีกต่อไปแล้ว เมื่อนักวิจัยศึกษาใหม่พบไวรัสตัวร้ายสามารถทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวจนแทบไม่เหลือได้ภายในไม่กี่เดือนตามโมเดลเก่า แต่ในความเป็นจริงกลับใช้เวลานับปี ทำให้ต้องศึกษากันใหม่ว่าแท้จริงเป็นอย่างไรแน่เพื่อหาทางป้องกันและรักษาได้ตรงจุด

ทีมนักวิจัยมหาวิทยาลัยเอมอรี (Emory University) ในแอตแลนตา สหรัฐอเมริกา ร่วมกับ สถาบันสุขภาพเด็ก (Institute of Child Health) กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ศึกษากลไกการทำลายเม็ดเลือดขาวของเชื้อเอชไอวี (HIV) ในผู้ป่วยเอดส์ตามทฤษฎีเดิมโดยอาศัยแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ให้ผลการทดลองที่ต่างไปจากความเป็นจริง จึงตั้งข้อสังเกตว่าเชื้อไวรัสนี้น่าจะมีกลไกบางอย่างที่ซับซ้อนกว่าที่เคยคาดคิดกันและได้รายงานผลการวิจัยลงในวารสารพีแอลโอเอส (PLoS Medicine) ของสหรัฐฯ

ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์เข้าใจกันว่าไวรัสเอชไอวีที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือโรคเอดส์จะเข้าไปแฝงตัวและเพิ่มจำนวนอยู่ในเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดทีเซลล์ (T cell) ที่มีโปรตีนตัวรับซีดี4 (CD4) อยู่บนผิวเซลล์ จากนั้นจะออกมานอกเซลล์เพื่อที่จะไปเข้าเซลล์อื่นต่อไป โดยที่เซลล์เดิมถูกทำลายลง ซึ่งเกิดขึ้นเป็นวงจรอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ไวรัสโจมตีเข้าไปในทีเซลล์ เพิ่มจำนวนอนุภาคไวรัส ทำลายเซลล์ที่แฝงตัวอยู่ และย้ายไปโจมตีเซลล์เป้าหมายใหม่เข้าสู่วัฏจักรเดิมต่อไป ทฤษฎีนี้เรียกว่า “การหลบหลีกจากระบบภูมิคุ้มกันของไวรัส” (runaway)

หลังจากที่ทีมวิจัยทดลองใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ศึกษากระบวนการทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวของเชื้อเอชไอวี แล้วพบว่าถ้าเป็นจริงตามทฤษฎีดังกล่าว ทีเซลล์จะต้องถูกทำลายจนเหลือเพียงน้อยนิดภายในเวลาไม่กี่เดือน ไม่ใช่นานเป็นปีอย่างที่รับทราบกัน ฉะนั้นกลไกการทำลายทีเซลล์น่าจะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป

“ไวรัสมีการปรับเปลี่ยนตัวเองอย่างคงที่อยู่ตลอดเวลาและบางทีอาจมีการคัดเลือกความเปลี่ยนแปลงที่เหมาะสมให้คงไว้และแฝงตัวอยู่ต่อไปได้” แอนดรูว์ เยตส์ (Andrew Yates) แห่งมหาวิทยาลัยเอมอรี หัวหน้าทีม กล่าวและยังบอกด้วยว่า ไวรัสมีหลากหลายวิธีที่จะทำให้ตัวเองแฝงตัวอยู่ได้ เช่น ทำให้สามารถโจมตีเซลล์ใหม่ได้ง่ายดายขึ้น สร้างไวรัสใหม่ได้มากกว่า หรือเพิ่มจำนวนไวรัสได้รวดเร็วยิ่งกว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม สมมติฐานใหม่นี้เป็นเพียงข้อสรุปอย่างคร่าวๆเท่านั้น ยังต้องอาศัยการศึกษาค้นคว้าและวิเคราะห์เพื่อหากลไกที่แท้จริงของกระบวนการนี้กันต่อไป

ศ.ยาโรสลาฟ สตาร์ก (Professor Jaroslav Stark) จากวิทยาลัยอิมพีเรียล แห่งลอนดอน (Imperial College) กล่าวว่า ที่ผ่านมานักวิทยาศาสตร์ยังไม่เข้าใจกระบวนการในการทำลายทีเซลล์ของไวรัสเอชไอวีเลย และไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมถึงมีอัตราการทำลายแบบค่อยเป็นค่อยไป

หากเราสามารถบ่งบอกกระบวนการที่ไวรัสเอชไอวีใช้ทำลายทีเซลล์ได้อย่างชัดเจน น่าจะปูทางให้เราเข้าใกล้วิธีรักษาผู้ป่วยที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้” ศ.สตาร์ก กล่าว

ทั้งนี้ ทีเซลล์เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่ตอบสนองทางด้านเซลล์ เพื่อกำจัดสิ่งแปลกปลอมหรือจุลชีพ ก่อนหน้านี้มีนักวิทยาศาสตร์พยายามพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคเอดส์โดยกระตุ้นให้ร่างกายมีการสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา แต่ไม่ประสบผล เพราะไวรัสมีการกลายพันธุ์ตลอดเวลาทำให้ทีเซลล์จดจำไม่ได้จนไม่สามารถควบคุมและกำจัดได้ และจากการศึกษาภาพถ่ายระดับอะตอม พบว่าไกลโคโปรตีน 120 ( glycoprotein 120) หรือ gp120 ซึ่งอยู่บริเวณเปลือกหุ้มไวรัสและเป็นส่วนที่จะเกาะกับโปรตีนตัวรับบนผิวของทีเซลล์ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับ gp120 หรือมีความเสถียรนั่นเอง ทำให้ขณะนี้นักวิจัยหันมามุ่งเป้ามาตรงจุดนี้ พัฒนาวัคซีนที่สามารถยับยั้งการจับกันระหว่าง CD4 และ gp120 เพื่อป้องกันไม่ให้ไวรัสเข้าสู่ทีเซลล์ได้


กำลังโหลดความคิดเห็น