เมื่อได้รับเสียงสนับสนุนจากทางโลก (ประชาชน) งานชิ้นต่อไปคือการได้รับความเห็นชอบจากทางธรรม (ศาสนา) และเมื่อสันตะปาปาทรงเห็นชอบ Napoleon จึงทรงอัญเชิญองค์สันตะปาปามาเป็นสักขีพยานในพระราชพิธีราชาภิเษก แต่เมื่อ David คิดจะวาดภาพให้สันตะปาปาประทับยืนเฉยๆ Napoleon ทรงบอกให้ David วาดภาพสันตะปาปายกพระหัตถ์ขึ้นเล็กน้อย เพราะ Napoleon คิดว่า อย่างน้อยก็ให้องค์สันตะปาปาทำอะไรบ้าง
สำหรับสตรีที่ปรากฏในภาพทุกคนสวย และสาว ทั้งนี้เพราะ Napoleon ทรงคัดเลือกสนม กำนัลนางด้วยพระองค์เอง และทรงตั้งเกณฑ์ให้สนมทุกคนมีอายุน้อยกว่า 30 ปี ในภาพเราจะเห็น Caroline, Pauline, Elisa ซึ่งเป็นญาติของ Napoleon ยืนเรียงกัน และต่อมา คือ Hortense de Beauharnais ซึ่งเป็นพระราชบุตรีบุญธรรมที่เกิดจาก Julie Clary ผู้เป็นภรรยาของอนุชา Napoleon ที่ชื่อ Joseph ที่ช่องกลางในบริเวณที่เป็น box ของมหาวิหาร David ได้วาดภาพของมารดา Napoleon ประทับอยู่ทั้ง ๆ ที่ขณะนั้นนางอยู่ที่ Rome เพราะได้เกิดเหตุการณ์ Napoleon วิวาทกับ Lucien ผู้เป็นน้องชาย และมารดาเข้าข้าง Lucien นางจึงหนีงานราชพิธีอย่างจงใจ นอกจากนี้ David ก็ยังได้วาดภาพของตนเองลงในภาพด้วย (ชายคนที่ยืนในช่อง box ถัดขึ้นไปคนที่ 2 จากซ้าย)
เมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์แล้ว Napoleon ได้โปรดให้ญาติพี่น้องของตนทุกคนมีตำแหน่งและเกียรติ เช่น ให้ Caroline แต่งงานกับนายพล Marat ให้ Pauline กับ Elisa เป็นเจ้าหญิง ให้ Hartense เป็นราชินีแห่ง Holland ซึ่งดังในภาพนางกำลังทรงจับมือกับองค์ชายน้อย ชื่อ Charles Napoleon ส่วน Julie Clary นั้นในเวลาต่อมาก็ได้รับการสถาปนาให้เป็นพระราชินีแห่งสเปน ดังนั้น เราจึงเห็นได้ว่า จักรพรรดิ Napoleon ทรงจัดให้พระญาติทุกคนของพระองค์ครองบัลลังก์ต่างๆ ในยุโรป โดยทรงหวังว่าบรรดาประเทศเหล่านั้นจะจงรักภักดีต่อพระองค์ตลอดไป แต่ความจริงก็ปรากฏว่าบรรดาพระประยูรญาติเหล่านี้เป็นคนโลภที่เห็นแก่ตัว จึงมีการทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นประจำ เช่น ในงานราชาภิเษกนี้ บรรดาพระขนิษฐาของ Napoleon ต่างก็ปฏิเสธไม่ยอมถือชายกระโปรงที่หนักและยาว 23 เมตร ของ Josephine แต่ก็ต้องถือ และขณะพระราชพิธีกำลังดำเนินอยู่นั้น บรรดาน้องสะใภ้ของ Josephine ได้พากันทิ้งผ้าชายกระโปรง ทำให้ Josephine เกือบหกคะมำ เพื่อขจัดความจริงนี้ David ได้วาดภาพให้สาวสวยอีก 2 คน ถือ ชายกระโปรงของ Josephine แทน
และสำหรับองค์จักรพรรดินี Josephine David ได้วาดใบหน้าของนางให้ดูสวย และดูสุข ทั้ง ๆ ที่ชีวิตของนางในช่วงนั้นสับสน วุ่นวายมาก เพราะรู้ว่า Napoleon ทรงรู้สึกไม่รักนางอีกต่อไป แต่จำใจต้องสถาปนานางเป็นจักรพรรดินี
Josephine มีชื่อจริงว่า Marie Josephe Tascher de la Pagerie นางเกิดเมื่อปี 2306 (จึงมีอายุมากกว่า Napoleon 6 ปี) ที่เกาะ Martinique ในทะเล Caribbean เมื่ออายุ 16 ปี นางได้เข้าพิธีสมรสกับ Vicomte de Beauharnais แต่สามีถูกประหารชีวิตด้วยกิโยตีน หลังจากที่มีทายาทกับนางได้ 2 คน นางจึงทำมาหาเลี้ยงชีพโดยเปิดร้านทำผมที่กรุงปารีส เพราะประชาชนรู้สึกสนใจเสริมความงามหลังเหตุการณ์ปฏิวัติที่นองเลือด ร้านนางจึงมีลูกค้ามากมาย และหนึ่งในบรรดาลูกค้าที่มาเสริมความหล่อ คือ Napoleon จนในที่สุดคนทั้งสองก็ได้แต่งงานกัน และเมื่อ Napoleon เดินทางไปทำสงครามที่อิตาลี และอียิปต์ Josephine ได้มีชู้หลายคน ดังนั้น เมื่อ Napoleon รู้ เขาจึงเริ่มตีตัวออกห่าง นี่เป็นเหตุผลหนึ่ง แต่อีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญมาก คือ Josephine ให้กำเนิดทายาทไม่ได้ และ Napoleon ทรงต้องการรัชทายาทเพื่อปกครองฝรั่งเศส เขาจึงถูกบรรดาญาติและคนสนิทเสนอแนะให้หย่า Josephine แต่ Josephine มิยินยอมและก็ได้หวังให้ Napoleon นำ Charles Napoleon (เด็กชายในภาพ) ผู้เป็นบุตรของ Hortense มาเป็นบุตรบุญธรรม แล้วแต่งตั้งให้เป็นรัชทายาทในภายหลัง ดังนั้น เมื่อ Napoleon สถาปนา Josephine ขึ้นเป็นจักรพรรดินี เธอจึงรู้สึกมั่นใจว่า แผนของเธอจะลุล่วง แต่ในความเป็นจริง Napoleon ทำเรื่องนี้เพราะต้องการแสดงความกตัญญูต่อเธอในฐานะที่ได้อุ้มชูเขาให้ตั้งตัวได้เท่านั้นเอง
ดังนั้น เมื่อ Charles Napoleon เสียชีวิตในปี 2350 Josephine ทรงเสียพระทัยมาก เพราะนางไม่มีพระนัดดาใดๆ ให้ Napoleon สามารถเลือกได้อีก และ Napoleon ก็ทรงหย่านาง เพื่อไปสมรสกับ Marie Louise วัย 18 ปี ผู้เป็นบุตรสาวของจักรพรรดิแห่งออสเตรีย และให้กำเนิดบุตรหนึ่งคน คือ Napoleon น้อย ซึ่ง Napoleon ได้ทรงแต่งตั้งให้เป็นกษัตริย์แห่งออสเตรีย แต่เมื่ออายุ 21 ชันษา ก็เสียชีวิตด้วยวัณโรค เหตุการณ์หย่าทำให้ Josephine ต้องหนีออกจากปารีส และเสียชีวิตในเวลาต่อมาอีกไม่นาน
พระราชพิธีราชาภิเษกครั้งนั้นจึงจัดขึ้นท่ามกลางความวุ่นวายในใจของทุกคน ดังนั้น จึงไม่เป็นที่น่าสงสัยเลยว่า บัลลังก์ของ Napoleon อยู่ได้ไม่นาน และ Napoleon เองก็รู้ว่า บัลลังก์ก็คือ เก้าอี้ไม้ที่มีกำมะหยี่บุเท่านั้นเอง
สุทัศน์ ยกส้าน ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สสวท
