นักศึกษา คปก. พัฒนาเทคนิคการผลิตผ้าฝ้ายหน่วงไฟ เผยยังคงคุณสมบัติเดิม ทั้งสัมผัสอ่อนนุ่ม สวมใส่เย็นสบาย แต่ทนไฟได้มากกว่าเดิม ชี้เป็นเทคนิคใหม่ที่ง่าย ประหยัด และไม่ปล่อยสารพิษสู่สิ่งแวดล้อม พร้อมขยายสู่ภาคอุตสาหกรรม
ความโปร่งสบายของผ้าฝ้าย เป็นคุณสมบัติที่ดีของผ้าฝ้าย ทำให้มันเป็นที่นิยมในการตัดเย็บเสื้อผ้า ชุดนอน ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าม่าน รวมไปถึงผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ และผ้าบุที่นั่งบนเครื่องบิน แต่ผ้าฝ้ายก็มักติดไฟง่าย หลายคนจึงไม่กล้าใช้
น.ส.อัมพรพรรณ ศิริวิริยานันท์ สาขาวิทยาศาสตร์พอลิเมอร์ วิทยาลัยปิโตรเลียมและปิโตรเคมี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวแต่ยังคงคุณสมบัติที่ดีของผ้าฝ้ายไว้ เธอจึงทำวิจัย “การผลิตผ้าที่มีคุณสมบัติในการหน่วงไฟ โดยใช้เทคนิคแอดไมเซลล่าพอลิเมอร์ไรเซชั่น” ขึ้นโดยการสนับสนุนจากโครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) มี รศ.ดร.นันทยา ยานุเมศ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาโครงการ
น.ส.อัมพรวรรณ เผยว่า ปัจจุบันการผลิตผ้าฝ้ายที่มีคุณสมบัติในการหน่วงไฟ ส่วนใหญ่ใช้เทคนิคที่เรียกว่า การจุ่ม-อัด-อบแห้ง (Pad-dry) โดยการนำผ้าฝ้ายไปจุ่มลงในน้ำที่มีสารหน่วงไฟละลายอยู่ แต่ก็เป็นวิธีที่ทำให้ผ้าฝ้ายเสียข้อดีไปจนไม่น่าใช้ แต่จากการวิจัยได้พบว่าการใช้เทคนิคแอดไมเซลล่าพอลิเมอร์ไรเซชั่นจะทำให้ผ้าฝ้ายหน่วงไฟได้ดีขึ้นแต่ยังคงข้อดีในการใช้งานไว้ทุกประการ
“การผลิตผ้าที่มีคุณสมบัติในการหน่วงไฟด้วยเทคนิคใหม่นี้ใช้หลักการเกิดปฏิกิริยาพอลิเมอร์ไรเซชั่นในชั้นของสารลดแรงตึงผิวซึ่งถูกดูดซับบนพื้นผิวผ้า เกิดเป็นแผ่นฟิล์มพอลิเมอร์ที่มีความบางระดับนาโนเมตรและมีสมบัติในการหน่วงไฟเคลือบอยู่บนพื้นผิวเส้นใย” นักวิจัยสาวกล่าว
ทั้งนี้ จากการทดสอบเผาผ้าฝ้ายหน่วงไฟที่ผลิตด้วยเทคนิคแอดไมเซลล่าพอลิเมอร์ไรเซชั่นเทียบกับผ้าฝ้ายธรรมดา เมื่อนำเปลวไฟไปจุดผ้าพบว่า ผ้าธรรมดาจะติดไฟทันทีและลุกไหม้จนหมด ขณะที่ผ้าฝ้ายหน่วงไฟเมื่อถูกจุด ผ้าจะติดไฟช้าลง ดับได้ง่าย และเกิดควันที่ทำให้ผู้สูดดมสำลักและมีผลส่งต่อสิ่งแวดล้อมในปริมาณที่น้อยมาก
น.ส.อัมพรพรรณ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันกระบวนการผลิตผ้าที่มีคุณสมบัติในการหน่วงไฟโดยใช้เทคนิคแอดไมเซลล่าพอลิเมอร์ไรเซชั่น จะมีการใช้สารเคมีในกระบวนน้อยมากเมื่อเทียบกับเทคนิคอื่น โดยกว่า 90% มีน้ำเป็นส่วนประกอบ
“หากขยายไปสู่ระดับอุตสาหกรรม เทคนิคนี้จะช่วยลดต้นทุนการผลิตด้านสารเคมีราคาแพง อีกทั้งเป็นวิธีที่ไม่ซับซ้อน และช่วยลดการปล่อยสารพิษออกสู่ธรรมชาติได้มาก ดังนั้นจึงเชื่อว่าจะมีความเป็นไปได้มากในการใช้งานของภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอไทยในอนาคต” นักวิจัยทิ้งท้าย


