บีบีซีนิวส์ - 6 หนังสือเชิงวิทยาศาสตร์ติดโผ “เอเวนทิส-ไพรซ์” ที่สตีเฟน ฮอว์กิงเคยได้รับ นับเป็นการมอบรางวัลให้แก่หนังสือที่มีความโดดเด่นด้านวิทย์โดยรอยัลโซไซตี้ที่ดำเนินมานับทศวรรษ ประกาศผลชนะเลิศ 15 พ.ค.นี้ พร้อมมอบเงินรางวัล 700,000 บาทแก่ผู้ชนะ
ราชบัณฑิตยสภาแห่งสหราชอาณาจักร (Royal Society) เผยรายชื่อหนังสือเชิงวิทยาศาสตร์จำนวน 6 เล่มที่เข้ารอบสุดท้ายรางวัล “เอเวนทิส-ไพรซ์” (Aventis Prize) ซึ่งเป็นผลงานของ 4 นักวิทยาศาสตร์และ 2 นักเขียนเชิงวิทยาศาสตร์ โดยครอบคลุมด้านภูมิอากาศ จิตวิทยา วิวัฒนาการมนุษย์ และการแพทย์
ทั้งนี้ จะประกาศผลหนังสือที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในวันที่ 15 พ.ค.นี้ ซึ่งเจ้าของหนังสือที่ได้รับรางวัลจะได้รับเงิน 700,000 บาท ส่วนเจ้าของหนังสือเล่มอื่นๆ ที่เข้ารอบสุดท้ายจะได้เงิน 70,000 บาท
ศ.คอลลิน พิลลินเจอร์ (Prof.Colin Pillinger) จากโอเพ่นยูนิเวอร์ซิตี้ ในมิลตัล เคนส์ (Open University in Milton Keynes) ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการคัดเลือกหนังสือกล่าวว่า รายชื่อหนังสือที่เข้ารอบสุดท้ายในปีนี้แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของสไตล์มากที่สุดเท่าที่หนังสือวิทยาศาสตร์จะสามารถครอบคลุมได้ และเขาชื่อว่าหนังสือทั้ง 6 เล่มที่ประกาศรายชื่อออกมานั้นเป็นหนังสือวิทยาศาสตร์ที่ดีที่สุดของปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้รางวัลเอเวนทิสเคยเป็นที่รู้จักกันในชื่อรางวัลโรน-เพาเลงซ์ (Rhone-Poulenc prize) ตั้งแต่ปี 2533-2542 แต่มาเปลี่ยนชื่อในภายหลัง ซึ่งเป็นรางวัลที่ไม่มีผู้สนับสนุนมายาวนานแล้วแต่อยู่ได้ด้วยชื่อของราชบัณฑิตยสภา โดยรางวัลนี้แบ่งเป็น 2 ระดับคือ 1.รางวัลหนังสือสำหรับเด็กต่ำกว่า 14 ปี และ 2.รางวัลสำหรับหนังสือทั่วไป ซึ่งรางวัลหลังนั้นเป็นที่รู้จักกันในฐานะรางวัลสำหรับหนังสือวิทยาศาสตร์ โดยมี สตีเฟน ฮอว์กิง (Stephen Hawking) นักฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (University of Cembridge) ก็เป็นนักเขียนที่เคยได้รับรางวัลนี้
สำหรับรายชื่อและรายละเอียดคร่าวๆ ของหนังสือที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายประจำปีนี้ มีดังนี้
1.โฮโม บริแทนนิคัส (Homo britannicus) โดย คริส สตริงเกอร์ (Chris Stringer)
หนังสือเล่มนี้บอกเล่าเรื่องราวเกียรติประวัติของชาวอังกฤษในการสร้างอาณานิคมจากจุดเริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน บรรยายถึงหลักฐานและเทคนิคในการสำรวจทั้งหมด พร้อมทั้งอธิบายช่วงเวลาที่ชาวอังกฤษอาศัยอยู่ท่ามกลางเหล่าฮิปโปและคมเขี้ยวเสือ ช่วงเวลาของความหนาวเย็นที่ชาวอังกฤษต้องแบ่งพื้นที่กับกวางเรนเดียร์และช้างแมมมอธ รวมถึงช่วงเวลาที่หนาวเย็นขึ้นซึ่งพวกเขาได้รวบรวมกำลังเพื่ออพยพ
2.ในการค้นหาความทรงจำ (In Search of Memory) โดย อิริค แคนเดล (Eric R Kandel)
อิริค แคนเดล นักเขียนรางวัลโนเบลได้ทำแผนภูมิของประวัติศาสตร์ทางปัญญาแห่งชีววิทยาอุบัติใหม่ของจิตใจ โดยมุ่งเน้นไปที่จิตวิทยาแห่งพฤติกรรม จิตวิทยาแห่งการรับรู้ ประสาทวิทยา และชีววิทยาโมเลกุล ที่รวมเข้ามาเป็นวิทยาศาสตร์แขนงใหม่อันทรงพลัง ซึ่งเขากล่าวว่าการทดลองอันยากลำบากนี้ได้นำไปสู่ความเข้าใจอันลึกซึ้งถึงการทำงานปกติของจิตใจและความเจ็บป่วย และในเวลาเดียวกันก็เปิดหนทางในการรักษาที่ได้ผล
3.เต่า “จอร์จ” ผู้โดดเดี่ยว (Lonesome George) โดย เฮนรี นิคอลส์ (Henry Nicholls)
โลนซัม จอร์จ (Lonesome George) เป็นเต่าขนาด 1.5 เมตร หนัก 90 กิโลกรัม และคาดว่ามีอายุระหว่าง 60 – 200 ปี ซึ่งเชื่อว่าจอร์จคือเต่าตัวเดียวในเผ่าพันธุ์ของมันที่รอดชีวิต ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์อาจจะเนรมิตหนทางเพิ่มจำนวนและคืนชีพให้กับเผ่าพันธุ์ของเจ้าเต่านี้ได้ ทั้งนี้นิคอลส์ให้รายละเอียดในความยากลำบากของนักอนุรักษ์ที่จะรักษาความหลากหลายทางชีวภาพที่เป็นเอกลักษณ์ของหมู่เกาะกาลาปากอสนี้ไว้ และยังแสดงให้เห็นอีกว่าประสบการณ์ของเหล่านักอนุรักษ์และการค้นพบของพวกเขานั้นส่งเสียงก้องไปทั่วโลกได้อย่างไร นิคอลส์ยังวินิจฉัยข้อถกเถียงในการหาคู่ให้กับจอร์จและความเสี่ยงในการปล่อยลูกที่เกิดจากการผสมข้ามพันธุ์สู่ธรรมชาติ
4.หนึ่งในสาม (One in Three) โดย อดัม วิชาร์ท (Adam Wishart)
เมื่อพ่อของวิชาร์ทถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง เขาไม่สามารถหาหนังสือที่จะตอบคำถามให้กับเขาได้ว่า โรคดังกล่าวคืออะไร มันเกิดขึ้นได้อย่างไรและมันหมายความว่าอย่างไร ชีววิทยาของมะเร็งคืออะไรจึงทำให้ทำลายมันไม่ได้ แล้วเราจะได้รับการรักษาจริงๆ อย่างไร เพราะไม่มีหนังสืออย่างที่กล่าวไปแล้ว เขาจึงลงมือเขียนด้วยตัวเอง หนังสือเล่มนี้ผสมผสาน 2 เรื่องราวที่มีพลัง นั่นคือเรื่องของเขากับพ่อและการค้นคว้าย้อนหลัง 200 ปีเพื่อหาวิธีรักษา
5.สะดุดความสุข (Stumbling on Happiness) โดย แดเนียล กิลเบิร์ต (Daniel Gilbert)
แดเนียล กิลเบิร์ตเป็นนักจิตวิทยาที่อธิบายว่าทำไมคนจำนวนมากจึงไม่มีความคิดที่จะทำให้ตัวเองมีความสุข การขับเคลื่อนเพื่อความสุขนั้นเป็นสัญชาติญาณและเป็นแรงบันดาลใจพื้นฐานของมนุษย์ การเผยเรื่องราวและการวินิจฉัยที่ชาญฉลาดนี้กิลเบิร์ตใช้การวิจัยที่เป็นวิทยาศาสตร์ จิตวิทยาและกรณีศึกษาในชีวิตจริงเพื่อแสดงให้เห็นว่า แรงผลักดันที่นำไปสู่การตอบสนองความต้องการพื้นฐานของเราไม่ได้เป็นเพียงสิ่งที่นำไปสู่ทางที่ผิดเท่านั้น แต่ยังนำไปสู่การเชื่อมผลภายในที่คงอยู่ยาวนานกับบางคำถามเกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์
6.แนวทางคร่าวๆ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (The Rough Guide to Climate Change) โดย โรเบิร์ต เฮนสัน (Robert Henson)
โรเบิร์ต เฮนสัน เขียนหนังสือเล่มนี้เพื่อเผยแพร่สถานการณ์ที่โลกกำลังเผชิญ ซึ่งบ่งถึงอาการที่สามารถสังเกตได้จากภาวะโลกร้อน และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นอย่างไร วิวัฒนาการของชั้นบรรยากาศโลกตลอด 4.5 พันล้านปี และการจำลองของคอมพิวเตอร์แสดงให้เห็นอดีตที่ผ่านมา ปัจจุบันและอนาคตของเรา และมุ่งไปที่หลักฐานอันชวนสงสัยของการไม่เห็นด้วย เรื่องราวเกี่ยวภาวะโลกร้อนในสื่อ และรัฐบาลกับนักวิทยาศาสตร์ทำงานกันอย่างไรเพื่อแก้ปัญหานี้