xs
xsm
sm
md
lg

บริษัทไบโอเทคอินเดียกำลังโตเร็วน่าจับตา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซี - บรรดาบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของอินเดีย กำลังทำท่าจะเป็นผู้ชนะสามารถช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดโลกในผลิตภัณฑ์จำพวกยาและวัคซีนได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งอาจจะเป็นการเจริญรอยตามความสำเร็จของเหล่าบริษัทเทคโนโลยีสารสนเทศของแดนภารตะก็เป็นได้

นั่นเป็นความเห็นสรุปของรายงานการวิจัยที่จัดทำโดยศูนย์กลางแมคลัฟลิน-รอตแมนเพื่อการสาธารณสุขแห่งโลก ซึ่งตั้งสำนักงานอยู่ในนครโตรอนโต ประเทศแคนาดา ภายหลังการศึกษาบริษัทไบโอเทคของอินเดียราว 21 แห่ง

รายงานชิ้นนี้แจงว่า พวกบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของอินเดียเหล่านี้ ซึ่งได้เปรียบสำคัญตรงที่ต้นทุนด้านค่าจ้างแรงงานต่ำมาก สามารถยึดที่มั่นได้อย่างมั่นคงอยู่แล้วในการผลิตยาชื่อสามัญทางยา เมื่อสิทธิบัตรของบรรดายาของพวกบริษัทใหญ่ในโลกตะวันตกสิ้นสุดอายุคุ้มครองลงไป ทว่าไม่เพียงเท่านั้น กิจการไบโอเทคแดนภารตะยังกำลังพยายามกันมากขึ้นที่จะผลิตยาใหม่ๆ ซึ่งสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้

การศึกษาวิจัยชิ้นนี้ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร เนเจอร์ ไบโอเทคโนโลยี บอกว่า อินเดียนั้นต้องใช้ฝีก้าวที่ทำให้แน่ใจว่า อุตสาหกรรมไบโอเทคของตนยังคงโฟกัสที่การหาทางบำบัดรักษาโรคภัยซึ่งแพร่ระบาดกันอยู่ในมาตุภูมิ ตั้งแต่วัณโรคไปจนถึงมาลาเรีย แม้ในยามที่บริษัทเหล่านี้มุ่งหาทางขยายการส่งออกผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีชีวภาพ

"ในขณะนี้เรานึกถึงไบโอเทคในอินเดีย เหมือนกับว่าเป็นลูกช้าง ขณะที่เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นช้างที่โตเต็มที่แล้ว" ปีเตอร์ ซิงเกอร์ หนึ่งในผู้ทำวิจัยชิ้นนี้กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทไอทีของแดนภารตะในปัจจุบันชิงส่วนแบ่งตลาดมาได้ในแทบจะทุกด้าน ตั้งแต่เรื่องการวิเคราะห์ข้อมูล ไปจนถึง ศูนย์คอลล์เซนเตอร์

"แต่ลูกช้างตัวนี้ก็กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ " ซิงเกอร์บอก

"ผู้เล่นทางด้านไบโอเทค หรือ ไบโอฟาร์มา ในโลกอุตสาหกรรมรายไหนก็ตามที ที่ไม่คอยใส่ใจให้ดีถึงนวัตกรรมซึ่งกำลังเกิดขึ้นมาในอินเดีย ... ถือได้ว่าไม่ได้กำลังพิจารณาในเชิงยุทธศาสตร์มากๆ และในระดับทั่วโลกต่อธุรกิจของพวกตน" เขาย้ำว่า บริษัทอินเดียนั้นสามารถที่จะเป็นคู่แข่งขัน หรือไม่ก็กลายมาเป็นหุ้นส่วน

อย่างไรก็ตาม รายงานวิจัยชิ้นนี้ชี้จุดอ่อนว่า บริษัทพวกนี้ "ยังมิได้มีการผลิตผลิตภัณฑ์สาธารณสุขที่ถือเป็นนวัตกรรมอย่างแท้จริง โดยสามารถตีตราประทับว่า 'เมดอินอินเดีย'"

ถึงแม้ ซารา ฟริว ผู้ร่วมเขียนรายงานชิ้นนี้บอกว่า ไม่ใช่เรื่องที่จะตั้งคำถามว่า อินเดียจะสามารถเสนอผลิตภัณฑ์ล้ำหน้าออกมาได้หรือไม่ หากต้องถามว่า "เมื่อใด" ที่จะมีออกมาให้เห็นมากกว่า

อันที่จริง รายงานชิ้นนี้ก็ได้ยกตัวอย่างความสำเร็จที่น่าภาคภูมิไม่น้อยให้ปรากฏ เช่น ในปี 1997 ชันธา ไอบเทคนิกส์ เปิดตัววัคซีนป้องกันไวรัสโรคตับอักเสบชนิดบี ซึ่งเป็นเหตุให้ราคาวัคซินชนิดนี้ลดฮวบลงเหลือราวโดสละ 0.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ จากที่ผลิตภัณฑ์นำเข้าเคยขายกัน 15 ดอลลาร์

เวลานี้วัคซีนของชันธา มีส่วนแบ่งเกือบ 40% ของวัคซีนโรคตับอักเสบชนิดบีที่กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) ใช้แจกจ่ายทั่วโลกกำลังพัฒนา

สำหรับ เดอะ เซรุ่ม อินสติตัว ออฟ อินเดีย ถือเป็นผู้ซัปพลายและผู้ส่งออกวัคซีนรายใหญ่ที่สุดของอินเดีย โดยมีผลิตภัณฑ์ซึ่งขายกันใน 138 ประเทศ บริษัทคุยว่าตนเองเป็นผู้ผลิตวัคซีนโรคหัดรายใหญ่ที่สุดในโลก

รายงานชิ้นนี้บอกว่า บางครั้งพวกคู่แข่งต่างชาติก็พยายามตัดราคาผลิตภัณฑ์ของบริษัทอินเดีย เช่น สารอินซูลินซึ่งผลิตโดยบริษัทไบโอคอน แต่แล้วกลับพบว่าบริษัทแดนภารตะนั้นสามารถตัดราคาสินค้าของตนได้ต่ำยิ่งกว่านั้นอีก

กำลังโหลดความคิดเห็น