เอพี/เอเอฟพี/เอเจนซี - การกลายพันธุ์ของยีนเพียงตัวเดียว คือเบื้องหลังที่ทำให้สุนัขมีขนาดต่างๆ กัน ตั้งแต่ระดับจิ๋วอย่าง ชิฮัวฮัว ไปจนถึงตัวใหญ่โตอย่าง เกรตเดน ซึ่งการค้นพบคราวนี้น่าจะช่วยไขความกระจ่างให้แก่การมีขนาดรูปร่างแตกต่างกันของมนุษย์อีกด้วย
นักวิทยาศาสตร์มีความข้องใจมานานแล้วว่าทำไมสายพันธุ์สุนัขจึงมีขนาดแตกต่างหลากหลาย ยิ่งกว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมด้วยกันอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมื่อสัตว์สายพันธุ์นี้เพิ่งมีการกระจายตัวในช่วงระยะเวลาค่อนข้างหลังๆ มานี้เอง หากพิจารณาจากสายธารแห่งการวิวัฒนาการโดยรวมแล้ว
รายงานการศึกษาชิ้นใหม่นี้ชี้ว่า ปริศนานี้อาจอธิบายได้ด้วย 2 ปัจจัย อย่างแรกคือ อุบัติเหตุทางพันธุกรรมที่ได้สร้างสุนัขขนาดเล็กขึ้นมา และอีกอย่างหนึ่งคือ ระยะเวลาหลายหมื่นปีที่มนุษย์มีการคัดเลือกเพาะพันธุ์สุนัข จนชิ้นส่วนพิเศษของดีเอ็นเอซึ่งทำให้เกิดสุนัขตัวเล็กนี้ มีการแพร่ขยายไปอย่างรวดเร็ว
คณะนักวิจัยนานาชาติ ซึ่งส่วนใหญ่ทำงานอยู่ตามสถาบันในสหรัฐฯและอังกฤษหลายๆ แห่ง ได้ตรวจสอบดีเอ็นเอของสุนัขรวมกว่า 3,000 ตัวจาก 143 สายพันธุ์ ตั้งแต่ตัวที่มีขนาดจิ๋วอย่างพันธุ์ ชิฮัวฮัว, มัลทีส, ปอมเมอเรเนียน, ปั๊ก, และ ปักกิ่ง ไปจนถึงขนาดยักษ์อย่างพันธุ์ เกรตเดน, เซนต์เบอร์นาร์ด, และ ไอริชวูลฟ์ฮาวด์
พวกเขาพบว่า สุนัขทั้งหมดที่มีน้ำหนักต่ำกว่า 9 กิโลกรัม และในทางเป็นจริงแล้วก็คือสุนัขพันธุ์เล็กทุกพันธุ์ที่ทำการศึกษา ต่างมีความผันแปรทางพันธุกรรมเล็กๆ น้อยๆ ในยีนตัวที่ชื่อว่า IGF-1 ซึ่งย่อมาจาก insulin-like growth factor 1 (ปัจจัยทำให้เจริญเติบโตที่มีลักษณะคล้ายสารอินซูลิน หมายเลข 1)
ฮอร์โมนของ IGF-1 นั้น ช่วยให้สุนัขตลอดจนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ รวมทั้งมนุษย์ด้วย เจริญเติบโตในช่วงตั้งแต่กำเนิดจนถึงวัยรุ่น แต่ในสุนัขขนาดเล็ก มีการกลายพันธุ์อย่างสองอย่างในดีเอ็นเอถัดจากยีนตัวนี้ จึงกลายเป็นการบั่นทอนกิจกรรมของมันไป และทำให้สุนัขตัวเล็กไม่เติบโตตัวใหญ่ขึ้นไปอีก คณะนักวิจัยรายงานไว้ใน "ไซแอนซ์" วารสารทางวิทยาศาสตร์ชื่อดังในสหรัฐฯ
นักวิจัยเหล่านี้ได้พบลักษณะทางพันธุกรรมเช่นนี้ ในบรรดาสุนุขสายพันธุ์ที่เกี่ยวข้องแค่เป็นญาติห่างๆ กัน ตลอดจนในภูมิภาคต่างๆ ซึ่งอยู่ห่างไกลกันด้วย อันเป็นการบ่งชี้ว่า ยีนกลายพันธุ์ทำให้เกิดสุนัขตัวเล็กนี้ อาจจะเกิดขึ้นเมื่อราว 12,000 ปีที่แล้ว
"มันเก่าแก่โบราณพอๆ กับการมีสุนัขตัวเล็ก" เป็นคำอธิบายของ กอร์ดอน ลาร์ก (Gordon Lark) นักชีววิทยาแห่งมหาวิทยาลัยยูทาห์ (University of Utah) ในนครซอลต์เลค ซึ่งร่วมทำงานในโครงการนี้
"สุนัขนั้นมีต้นกำเนิดจากสุนัขป่า เนื่องจากสิ่งนี้ (ลักษณะการแปรปรวนทางพันธุกรรมของ IGF-1) ถูกพบในสุนัขพันธุ์เล็กทุกๆ พันธุ์ ดังนั้นมันจึงอาจเข้าไปในตัวสุนัขตั้งแต่ตอนที่มันถูกมนุษย์ทำให้เชื่องครั้งแรกๆ หรือไม่มันก็อาจจะมาจากสุนัขป่าตัวเล็ก ซึ่งสุนัขสืบทอดต่อมา"
เมื่อเวลาผ่านไป และภายใต้การบริหารจัดการของมนุษย์ สัตว์พันธุ์นี้ก็มีการแตกพันธุ์ย่อยๆ อย่างรวดเร็ว กลายเป็นสายพันธุ์สุนัขเลี้ยงที่มีลักษณะต่างๆ นานา ทั้งนี้คณะนักวิจัยเชื่อว่า มนุษย์มีความนิยมที่จะเพาะพันธุ์สุนัขตัวเล็ก เนื่องจากง่ายต่อการเลี้ยงในท่ามกลางพื้นที่แออัดของนครและหมู่บ้านซึ่งขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังสะดวกต่อการขนส่งในเวลาทำการค้าหรือต้องอพยพ
คณะนักวิจัยเชื่อว่า การค้นพบของพวกเขามีนัยสำคัญยิ่งกว่าแค่โลกของสุนัขเท่านั้น
ด้วยการเรียนรู้เรื่องยีนที่ควบคุมขนาดร่างกายในสุนัข พวกเขาคิดว่าจะเป็นประโยชน์ในการทำความเข้าใจขนาดโครงร่างของมนุษย์ ตลอดจนอาจนำไปสู่ความรู้เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับบทบาทของยีนในโรคร้ายต่างๆ อย่างเช่นมะเร็ง ซึ่งลักษณะสำคัญของโรคคือการสูญเสียความสามารถในการควบคุมการเติบโตของเซลล์