xs
xsm
sm
md
lg

เกาหลีใต้ล้ำอีกก้าวโชว์ “หมาป่าโคลนนิง”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หมาป่าโคลนนิงตัวแรกของโลกอยู่ในกรง ในโรงพยาบาลสัตว์ระหว่างนำมาโชว์สู่สาธารณะ โดยทีมวิจัยของอดีตนักวิทยาศาสตร์จอมฉาวแห่งเกาหลีใต้ แม้จะถูกดำเนินคดีมากมายฐานปลอมแปลงงานวิจัย แต่การโคลนนิงหมากลับเป็นสิ่งเดียวที่เขาทำได้จริงและมีการพัฒนาต่อยอด
ยอนฮัพ/เอเอฟพี/เอพี – แม้คดีโคลนนิงฉาวยังสะสางไม่ทันจบ แต่นักวิทยาศาสตร์เกาหลีใต้ทีมเดิมที่เคยร่วมโคลนสุนัขตัวแรกของโลกสำเร็จกับ “หวาง” ก็ได้แสดงความสามารถอีกครั้ง ด้วยการทำสำเนาสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์เต็มทีอย่าง “หมาป่า” ขึ้นเป็นครั้งแรก

ระหว่างที่ หวาง วู-ซก (Hwang Woo-suk) นักวิทยาศาสตร์ฉาวแห่งเกาหลีใต้กำลังอยู่ระหว่างถูกพิจารณาคดีข้อหาฉ้อโกงงบประมาณรัฐบาล และปลอมแปลงงานวิจัยลงตีพิมพ์วารสารวิทยาศาสตร์ชั้นนำของโลกนั้น อดีตลูกทีมของหวางที่เคยร่วมกันสร้าง “สนัปปี” (Snuppy) หมาโคลนนิงตัวแรกของโลกได้สำเร็จในปี 2005 ก็สร้างผลงานอีกครั้งด้วยการเปิดตัว “หมาป่าโคลนนิง”

ทีมวิจัยที่นำโดยลี บุง-ชุน (Lee Byung-Chun) ผู้ช่วยหลักที่พัวพันกับคดีของหวาง และชิน นัม-ซิก ( Shin Nam-Shik) ศาสตราจารย์สัตวแพทย์จากมหาวิทยาลัยแห่งเกาหลีใต้ในกรุงโซล (Seoul National University) สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการ นำหมาป่าเพศเมีย 2 ตัวอันเป็นผลิตผลจากการโคลนออกสู่สายตา ณ สวนสัตว์ในกรุงโซล เมื่อวันที่ 26 มี.ค.

หมาป่าทั้ง 2 มีชื่อว่า “สนูวอลฟ์” (Snuwolf) และ “สนูวอลฟฟี” (Snuwolffy) เป็นชื่อย่อมาจาก หมาป่าของมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล (Seoul National University wolf) ทั้งคู่เกิดวันที่ 18 และ 26 ตุลาคมปี 2005

หลังจากที่ “สนัปปี” สุนัขโคลนนิงพันธุ์ผสมอัฟกันฮาวน์ดปรากฏสู่สาธารณะ ดร.หวางผู้นำทีมวิจัยก็ถูกจับกุม จากนั้นลีก็สามารถโคลนนิงสุนัขพันธุ์อาฟกันฮาวน์ดออกมาได้อีก 4 ตัว (เพศผู้ 1 เพศเมีย 3) พร้อมทั้งปรับปรุงกระบวนการโคลนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

“หมาป่า” ก็เหมือนกับ “หมา” ที่ติดอันดับสัตว์ที่โคลนนิงยาก เพราะระบบการสืบพันธุ์ และกว่าจะได้หมาป่าทั้ง 2 ตัวออกมานั้น ทีมวิจัยต้องนำเซลล์ของหมาป่าพันธุ์ผสมจากสวนสัตว์ทางตอนใต้ของกรุงโซล สร้างเป็นตัวอ่อนหรือเอ็มบริโอ 251 ตัวและนำไปปลูกถ่ายในหมาเพศเมีย 12 ตัวให้รับหน้าที่อุ้มบุญ จนเหลือรอดสามารถคลอดออกมาเพียงแค่ 2 ตัว

“นับเป็นการโคลนนิงหมาป่าที่สำเร็จครั้งแรกของโลก แต่พวกเราก็ตัดสินใจอุบความสำเร็จครั้งนี้ไว้ก่อน จนกว่าหมาป่าเหล่านี้จะเติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแรง” ชินกล่าว

ส่วนลี เผยว่า การโคลนนิงหมาป่าเกาหลีจะช่วยดำรงสายพันธุ์นี้ให้คงอยู่ต่อไป เพราะที่เกาหลีใต้ไม่มีหมาป่าปรากฏตัวมาแล้วกว่า 20 ปี จะมีก็แค่เพียงกลุ่มเล็กๆ ประมาณ 10 ตัวในสวนป่าทางตอนใต้ของกรุงโซล ซึ่งความสำเร็จในการโคลนนิงสัตว์ที่กำลังสูญพันธุ์จะช่วยเหลือธรรมชาติได้อย่างยิ่ง

งานวิจัยที่เป็นผลสำเร็จครั้งนี้จะตีพิมพ์เผยแพร่ผ่านวารสารโคลนนิงและเสต็มเซลล์ (Cloning and Stem Cells) ฉบับต่อไป

“รายงานวิจัยที่เราจะนำเผยแพร่นั้น มีชื่อของหวางร่วมเป็นหนึ่งในผู้เขียนรายงานด้วย เพราะเขาเป็นคนทำให้เกิดการโคลนนิงสุนัขตั้งแต่เริ่มแรก” ชินกล่าว และหลังจากหวางถูกจับได้ว่าปลอมแปลงงานวิจัย ทีมงานของลีและชินได้ส่งเปเปอร์ที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัย (จริงๆ) ของพวกเขาไปยังวารสารทางวิทยาศาสตร์หลายฉบับเพื่อให้เผยแพร่ แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ

ผลกรรมของการโกหกไว้ก่อนหน้าทำให้งานวิจัยทุกอย่างจากอดีตทีมของหวางได้รับการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ไม่เว้นแม้แต่สนัปปีที่แม้ได้รับตำแหน่งสุดยอดนวัตกรรมแห่งปี 2005 โดยนิตยสารไทม์ แต่สนัปปีก็ต้องผ่านการตรวจสอบ จนในที่สุดก็ระบุได้ว่าเป็นสุนัขที่มาจากการโคลนนิงจริง นับเป็นความสำเร็จเดียวที่ ดร.หวางกล่าวอ้างได้

ทว่าในการเปิดตัวสนูวอลฟ์และสนูวอลฟฟีครั้งนี้ ลีก็ต้องเปิดเผยพร้อมกับดีเอ็นเอที่ระบุว่า สิ่งมีชีวิตทั้ง 2 เกิดจากการโคลนจริง

“ก่อนหน้านี้ คงไม่จำเป็นต้องนำหลักฐานที่พิสูจน์ในระดับดีเอ็นเอถึงการแบ่งเซลล์ว่ามาจากโคลนนิงจริงหรือไม่ แต่เพราะปัญหาก่อนหน้านี้จึงทำให้ต้องนำหลักฐานมาแสดง” ลีหัวหน้าทีมโคลนนิงครั้งนี้กล่าว ซึ่งเขาก็ถูกพักงานไป 3 เดือนจากคดีฉาวคราวนั้น เพราะร่วมกันทำให้ผู้อื่นเข้าใจว่าสามารถสร้างสเต็มเซลล์มนุษย์จากการโคลนนิงได้จริง อีกทั้งยังต้องคดีร่วมกับ ดร.หวางและเพื่อนร่วมทีมในข้อหาใช้งบประมาณวิจัยที่ได้จากรัฐไปในทางที่ผิด

ส่วน ดร.หวางรับข้อหาหนักกว่าใครๆ ทั้งฉ้อโกง ยักยอกและฝ่าฝืนกฎหมายชีวจริยธรรมของประเทศ ซึ่งคดีกำลังอยู่ในศาล ทว่าหวาง ก็ยืนยันตลอดว่าเขาเป็นคนแรกที่สามารถสร้างสเต็มเซลล์มนุษย์จากการโคลนนิงได้จริง และพร้อมพิสูจน์ทุกเมื่อ เพียงแต่ ณ ตอนนี้ไม่มีใครให้โอกาสเขาอีกแล้ว
สนูวอลฟ์และสนูวอลฟฟีอายุขวบครึ่ง ร่างกายแข็งแรง




กำลังโหลดความคิดเห็น