สำนวนไทยที่เกี่ยวกับเสือมีมากมาย เช่น เสือชุมเพราะป่าปก และป่ารกเพื่อเสือยัง ยุงร้ายกว่าเสือ ตีป่าให้เสือกลัว เขียนเสือให้วัวกลัว เสือหิว ปล่อยเสือเข้าป่า ฝากเนื้อไว้กับเสือ (ฝากปลาไว้กับแมว) ไม่รู้จักเสือเอาเรือเข้ามาจอด (ไม่รู้จักมอดเอาเรือเข้ามาขวาง) เสือในร่างสมัน เสือผู้หญิง เสื้อสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ เสือนอนกิน เสือลิ้นตวัก (สุนัขจนตรอก) และหันหน้าสู้เสือ เป็นต้น ทั้งนี้เพราะเรารู้จักเสือมานาน เคยได้ฆ่าเสือ และถูกเสือฆ่าจนนับครั้งไม่ถ้วน
คนชาติอื่นก็รู้จักและผูกพันกับเสือเช่นกัน เช่น มีเสืออินเดีย Parthere tigris tigris, เสือสุมาตรา Panthera tigris sumatrae เสือชวา Panthera tigris sondaica และเสือจีน Panthera tigris amoyensis บนผนังถ้ำที่อยู่ริมแม่น้ำ Amur ในรัสเซียมีภาพวาดของเสือโดยจิตรกรเผ่า Goldis ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ในสมัยเมื่อ 6,000 ปีก่อน เสือเป็นเทพเจ้าที่ชาวบ้านนับถือ เทพนิยายอินเดียกล่าวถึงเทพเจ้าประทับบนหลังเสือเวลาเดินทาง คนจีนโบราณนิยมใช้อวัยวะส่วนต่าง ๆ ของเสือเป็นยา เช่น ใช้กระดูกเป็นยารักษาโรคข้อ และเป็นยาอายุวัฒนะ ใช้หนวดเสือเป็นยาบำรุงร่างกายให้แข็งแรง และยาที่ทำจากตาเสือสามารถรักษาโรคลมชักได้ แม้อวัยวะเพศของเสือตัวผู้ คนจีนก็ใช้เป็นยาโป๊ว เพราะรู้ว่าเสือตัวผู้สามารถมีเพศสัมพันธ์กับเสือตัวเมียได้หลายครั้งในเวลาหนึ่งชั่วโมง และสำหรับหนังเสือนั้น ถ้ามีลวดลายสวยก็จะมีราคาแพง
เสือ (Panthera tigris) ที่นักชีววิทยารู้จักเป็นสัตว์จำพวกแมวที่มีลำตัวยาวตั้งแต่ 1.45 - 2.9 เมตร และอาจหนักถึง 260 กิโลกรัม ชอบกินเนื้อ เสือที่หนัก 225 กิโลกรัม อาจต้องการอาหารถึงวันละ 40 กิโลกรัม และนั่นหมายความว่า มันต้องล้มกวาง หรือวัวป่าอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ตัว ร่างกายมันจึงจะอ้วนท้วนสมบูรณ์ ขนเสือสีเทาแกมเหลืองหรือน้ำตาล โดยทั่วไปเสือเป็นสัตว์ขนาดใหญ่ที่มีขา และอุ้งเท้าที่แข็งแรง กรงเล็บโค้งแหลมและคมที่สามารถหดเก็บในอุ้งเท้าได้ หัวเสือมีลักษณะกลมและมีขากรรไกรใหญ่ เสือทุกชนิดมีหนวด เวลาเสือตะคอก ขู่ ใบหูจะลู่ไปข้างหลัง ปลายจมูกเป็นหนังเกลี้ยงที่ไม่มีขน ม่านตากลม ปากมีเขี้ยวยาวและฟันหน้ามี 6 ซี่
นายพรานล่าเสือทุกคนรู้ดีว่า เสือมีหูและประสาทที่ใช้ในการรับเสียงได้ดีเยี่ยม เพราะมันสามารถรับฟังเสียงที่มีความถี่สูงได้สบาย ตาขนาดใหญ่ช่วยให้มันสามารถเห็นเหยื่อได้ดีในเวลากลางคืน ทั้งนี้เพราะม่านตาของเสือสามารถขยายกว้าง หรือหดแคบได้ มันจึงเห็นได้ดีแม้ในที่มีแสงน้อย จมูกเสือดมกลิ่นได้ดีกว่าจมูกคน แต่สู้จมูกสุนัขไม่ได้ การมีกล่องเสียงขนาดใหญ่ทำให้มันคำรามได้ดี
เสือชอบอาศัยในบริเวณที่ราบ ที่เป็นทุ่งหญ้า หรือป่าพรุ มันไม่ชอบอากาศร้อน แต่ชอบน้ำและสามารถว่ายน้ำได้ดีอีกทั้งปีนต้นไม้ก็เก่ง เวลาล่าเหยื่อมันสามารถกระโจนได้ไกล 5 - 6 เมตร และได้สูงถึง 2 เมตร ชอบกินสัตว์ป่า เช่น เก้ง กวาง หมูป่า ปลาหรือวัวป่า เป็นต้น เวลาล่าเหยื่อมันจะย่องคลานเข้าหาเหยื่ออย่างเงียบ ๆ ไม่ให้เหยื่อรู้ตัว แล้วจู่โจมโดยการกระโจนเข้าตะครุบทันทีอย่างรวดเร็ว และรุนแรงด้วยกรงเล็บที่แหลมคม ถ้าเหยื่อมีขนาดเล็กมันจะกัดตรงบริเวณคอก่อน แต่ถ้าเหยื่อมีขนาดใหญ่ มันจะใช้เท้าตบที่บริเวณเอ็นร้อยหวายตรงเท้าหลังของเหยื่อเพื่อให้เหยื่อล้ม จากนั้นก็จะใช้ปากกัดที่คอจนเหยื่อขาดใจตาย
ตามปกติเสือจะกลัวคน และไม่ชอบเข้าใกล้คน สถิติของอินเดียแสดงให้เห็นว่า เสือฆ่าคนประมาณ 30 - 40 คน/ปี และคนอินเดียถูกงูกัดตายปีละ 20,000 คน ดังนั้น ในอินเดียจึงมีสำนวน งูร้ายกว่าเสือ (สำหรับคนไทยบางคนคิดว่า ถึงกระนั้นแขกก็ยังร้ายกว่างู) เสือชอบโจมตีเหยื่อทางด้านข้างหรือด้านหลัง ดังนั้น ชาวอินเดียจึงนิยมปกป้องตนเองโดยการสวมหน้ากากที่ท้ายทอย เพื่อให้เสือไม่กล้ากระโจนใส่
ณ วันนี้นักอนุรักษ์เสือรู้ดีว่า เสือพันธุ์ต่างๆ กำลังใกล้สูญพันธุ์ เช่น เสือบาหลีซึ่งได้สูญพันธุ์ไปเมื่อ 60 ปีก่อนนี้ เสือ Caspian ก็ได้สูญพันธุ์เมื่อ 30 ปี ก่อนเช่นกันและเสือชวาตัวสุดท้ายก็ได้ตายจากโลกไปเมื่อ 25 ปีก่อนนี้เอง สำหรับในอินเดียเมื่อ 100 ปีก่อน นักอนุรักษ์เสือเคยคาดคะเนป่าอินเดียมีเสือประมาณ 100,000 ตัว แต่เมื่อปี 2545 รัฐบาลอินเดียได้แถลงว่า เสืออินเดียมีเพียง 3,600 ตัวเท่านั้นเอง แต่บรรดานักวิชาการคิดว่า ตัวเลขจริงน่าจะอยู่ระหว่าง 1,200 - 2,000 ตัว และนั่นก็หมายความว่าเสืออินเดียก็กำลังสูญพันธุ์เช่นกัน (อ่านต่ออังคารหน้า)
สุทัศน์ ยกส้าน ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สสวท