xs
xsm
sm
md
lg

“ชิเซโด” ตั้งศูนย์ค้นสมุนไพรไทยลงเครื่องสำอาง-ดึงไบโอเทคร่วมวิจัย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ชิเซโด” ตั้งศูนย์วิจัยในเมืองไทย ร่วมมือกับไบโอเทคหาสมุนไพรออกฤทธิ์ด้านความงาม พร้อมใช้ใช้ไทยเป็นแหล่งปลูกสมุนไพร เผยกำลังศึกษาเรื่อง “สิว” พร้อมหาสารไวเทนนิงและแอนตี้ออกซิแดนซ์ คาดใช้เวลาอีก 1-2 ปีได้สารสมุนไพรสำหรับเครื่องสำอาง

ดร.โยชิมารุ คุมาโน (Dr.Yoshimaru Kumano) ผู้บริหารระดับสูงของศูนย์วิจัยและพัฒนาระดับโลกและศูนย์วิจัยในประเทศจีนของชิเซโด (Shiseido) เปิดเผยถึงการตั้งศูนย์ปฏิบัติการวิจัยแห่งภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Shiseido Southeast Asia Research Center: SSARC) ในเมืองไทย ซึ่งมีพื้นที่อยู่ในอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี ว่าเพื่อบรรลุยุทธศาสตร์การเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาระดับโลกในศตวรรษที่ 21 ขณะเดียวกันก็ได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการวิจัยแห่งภาคพื้นยุโรป (Shiseido Europe Research Center) ด้วย

สำหรับศูนย์วิจัย SSARC นั้นก่อตั้งเมื่อเดือน ต.ค.2549 โดยเป็นความร่วมมือวิจัยระหว่างศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ซึ่งเหตุผลที่ชิเซโดตัดสินใจตั้งศูนย์วิจัยเครื่องสำอางที่เมืองไทยนั้น ดร.คุมาโนกล่าวว่า เพราะไทยอุดมด้วยทรัพยากรธรรมชาติและมีศูนย์วิจัยที่มีศักยภาพอย่างไบโอเทค อีกทั้งยอดขายชิเซโดในเมืองไทยอยู่ในอันดับ 1 จึงเชื่อว่าไทยจะเป็นผู้นำการวิจัยเครื่องสำอางในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และไทยกับญี่ปุ่นยังมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน โดยศูนย์วิจัยเครื่องสำอางชิเซโดในเมืองไทยมีงบวิจัยประมาณ 12 ล้านบาท

ทั้งนี้ ดร.คุมาโนเผยว่าชิเซโดให้ความสนใจในการนำสมุนไพรไทยมาใช้ในเครื่องสำอาง แต่ไม่ได้สนใจสมุนไพรใดเป็นพิเศษ เนื่องจากกำลังอยู่ในระหว่างทดสอบการออกฤทธิ์ของสมุนไพรทางคอสเมติกส์ โดยสนใจในส่วนของการออกฤทธิ์ด้านไวท์เทนนิง (Whitening) และแอนตีออกซิแดนท์ (Anti-oxidant) ซึ่งวาดโครงการไว้ว่าจะให้มีการปลูกสมุนไพรที่ให้ผลดังกล่าวในเมืองไทย นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยเกี่ยวกับสิวของคนไทยโดยจะศึกษาว่าจุลินทรีย์ที่อยู่บนผิวหน้าชนิดใดที่ทำให้เกิดสิวและจะใช้สมุนไพรใดให้ได้ผล

ด้าน ศ.ดร.มรกต ตันติเจริญ ผู้อำนวยการไบโอเทคกล่าวว่า การหันมาทำวิจัยด้านเครื่องสำอางนั้นไม่ได้ฉีกแนวไปจากการศึกษาทางด้านเกษตรที่ไบโอเทคให้สำคัญ เพราะนักวิจัยของศูนย์ได้ศึกษาเรื่องสารออกฤทธิ์อยู่แล้ว ทั้งนี้สารออกฤทธิ์ในสมุนไพรสามารถนำไปใช้ในการเกษตรและสารตัวเดียวกันอาจนำไปใช้ในเครื่องสำอางได้ อีกทั้งไบโอเทคยังมีความโดดเด่นในการศึกษาจุลินทรีย์บนผิวหน้าโดยใช้ดีเอ็เอในการแยกชนิดของจุลินทรีย์

“เราอยากผลิตความรู้ที่นำไปสู่ผลิตภัณฑ์ มิใช่เพียงผลิตผลิตภัณฑ์ขายอย่างเดียว เราศึกษาวิจัยเครื่องสำอางก็อยากให้ผลเกิดกับเกษตรกรด้วย ถ้าสารตัวไหนในสมุนไพรใดดีก็จะส่งเสริมให้เกษตรกรปลูก อีกหน่วยก็ไม่ต้องขายพืชทั้งต้น แต่ขายเฉพาะสารที่มีอยู่ในต้นนั้น หากเรามีความรู้ว่าสารอะไรอยู่ในนั้นโดยมีผลงานตีพิมพ์ทางวิชาการก็จะช่วยเพิ่มราคาให้สมุนไพรนั้น” ศ.ดร.มรกตชี้แจง

ในส่วนของ นายชิเงยูกิ โอกาวา (Shigeyuki Ogawa) ผู้จัดการทั่วไปของศูนย์ SSARC กล่าวถึงภาพรวมที่ได้มาทำงานวิจัยในเมืองไทยว่า ก่อนหน้านี้ทางชิเซโดได้มีความร่วมมือกับไบโอเทคประมาณ 2 ปีก่อนที่จะจัดตั้งศูนย์วิจัยขึ้น โดยได้ทดสอบสมุนไพรอยู่หลายครั้ง แต่กว่าจะนำไปใช้ในเครื่องสำอางได้นั้นคงใช้เวลาอีกนานโดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1-2 ปี และเห็นว่าไบโอเทคมีเครื่องมือวิจัยครบครันและนักวิจัยที่ดี จึงเป็นเหตุผลที่เข้ามาร่วมทำวิจัย

โอกาวากล่าวว่าระยะเวลา 3 เดือนที่ร่วมวิจัยกับคนไทยนั้นเห็นว่าไทยมีศักยภาพในการวิจัยเครื่องสำอางในระดับที่ดีมาก การได้ทำงานกับคนไทยนับว่าสนุก ทั้งนี้ศูนย์วิจัยจะตั้งอยู่ถาวรแต่ก็ขึ้นอยู่กับผลการวิจัยด้วย โดยมีงานวิจัยเป็นโครงการที่ร่วมมือกันเป็นรายปี

กำลังโหลดความคิดเห็น