กู่ร้อง “โลกร้อน” หาคนเยียวยาผ่านละคร เมื่อ “ผู้สร้าง” ลงมาเตือนมนุษย์ให้ช่วยกันแก้วิกฤติสิ่งแวดล้อม ด้าน “ครูช่าง” เชื่อละครเปลี่ยนใจคนได้หากใช้ถูกที่ถูกเวลา พร้อมสมน้ำหน้าคนที่ไม่พร้อมใจแก้ปัญหาจึงต้องรับผลกระทบภัยธรรมชาติ
ในงาน “ถนนสายวิทยาศาสตร์” ระหว่างวันที่ 9-13 ม.ค.นี้ ซึ่งจัดขึ้นโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไม่ได้มีเพียงกิจกรรมวิทยาศาสตร์สนุกๆ การทดลองแปลกๆ มาเรียกความสนใจเด็กๆ และผู้ปกครองเท่านั้น แต่ยังมีละครสอดไส้ความรู้วิทยาศาสตร์เรื่อง “โลกร้อน...ให้ใครช่วยเยียวยา” จากกลุ่ม “มรดกใหม่” ลูกศิษย์ “ครูช่าง” หรือชนประคัลภ์ จันทร์เรือง ที่จะมาปลูกฝังแนวคิดพิทักษ์โลกในภาวะที่สิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมแล้วเรากำลังทยอยได้รับผลกระทบ
หากคุณคิดว่าลำพังแค่การประหยัดน้ำประหยัดไฟของคนๆ หนึ่งไม่สามารถที่จะเยียวยาโลกจากวิกฤตโลกร้อนได้ ก็เป็นความคิดที่ไม่ต่างจาก “บาแซฟ” วัยรุ่นยุคใหม่ที่อยู่ท่ามกลางกระแสทุนนิยมโดยไม่สนใจว่าได้ทิ้งปัญหาอะไรให้โลก กับ “นักวิชาการ” ที่ทรงความรู้แต่ไม่สนใจลงมือแก้ปัญหาโลกร้อนอย่างจริงจัง และเกือบจะสายเกินไปพวกเขาก็ได้สัมผัสความน่าสยดสยองของผลกระทบจากโลกร้อน
แต่เพียงเพื่อให้ใครสักคนได้เข้าไปเห็นของโลกอนาคตที่น้ำท่วมเขาใหญ่และมีศพลอยเกลื่อนกราดและกระตุกสำนึกรับผิดชอบที่ฝังลึกในจิตออกมา “ผู้สร้าง” จากเบื้องบนที่รับเอาคำขอร้องจาก “ผู้ทำลาย” ให้ลงมาเตือนมนุษย์เพื่อช่วยกันพิทักษ์ดาวเคราะห์สีน้ำเงิน (ขุ่นๆ) นี้ก็สูญเสียอำนาจของความเป็นผู้วิเศษกลายเป็นเพียงตาแก่ที่ไร้พลัง
“โลกถูกทำลาย ต้นไม้แห้งตาย น้ำแข็งละลายแต่ไม่มีน้ำกิน...” บทเพลงระหว่างละครชวนให้สะท้อนใจ ขณะที่เนื้อเรื่องก็ดำเนินต่อไปพร้อมสอดแทรกความรู้ว่าเราจะกู้วิกฤตโลกร้อนได้อย่างไร เพียงแค่แก้วเครื่องดื่ม 1 ใบที่เราใช้แล้วทิ้ง หากนำมาใช้ใหม่ก็ช่วยประหยัดไฟได้ 90 นาที ซึ่งเป็นเวลาที่จะชมฟุตบอลนัดหยุดโลกได้ 1 คู่ หรือต้นไม้ที่โตเต็มที่จะช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึงปีละ 8 กิโลกรัม เหล่านี้เป็นวิธีการง่ายๆ ที่คนๆ หนึ่งจะหยุดคิดเพื่อเยียวยาโลก
“แก้ว” หรืออนงนาถ สุวรรณมาจง หนึ่งในสมาชิกกลุ่มมรดกใหม่และนักแสดงในเรื่องเผยถึงแนวคิดของละครว่า ต้องการจะสื่อให้คนเราได้ทำเพื่อสิ่งแวดล้อมและทำเพื่อคนมากขึ้น เพราะสิ่งแวดล้อมแย่ก็มาจากความเห็นแก่ตัวของคน ทั้งนี้พวกเขาได้ “พลัง” ที่จะทำละครจากการไปอุทยานแห่งชาติห้วยขาแข้งและได้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนมี “สืบ นาคะเสถียร” อยู่ในใจ ทำให้ทางกลุ่มอยากจะทำอะไรเพื่อสิ่งแวดล้อมบ้าง
“มีความรู้สึกว่าทำไมคนช่างเห็นแก่ตัว แต่เป็นความคิดที่เป็นนามธรรมมากและมองไม่เห็น แต่หากถอยออกมาเราจะเห็น อย่างประเทศไทยปีที่ผ่านมาน้ำท่วม 43 จังหวัด เกินครึ่งประเทศแล้ว ก็เป็นผลมาจากโลกร้อน เมื่อถึงภาวะหนึ่งที่คนไม่ทำเพื่อคนอื่นแล้วธรรมชาติก็จะเอาคืน” แก้วกล่าว
ด้าน “ครูช่าง” ให้ความเห็นต่อประเด็นโลกร้อนว่าเป็นผลที่เกิดจากเหตุที่มนุษย์ได้ทำมานานแล้ว อีกทั้งศาสนาต่างๆ ก็ได้ทำนายไว้นานแล้วว่าจะเกิด “ไฟประลัยกัลป์” มาล้างโลก ซึ่งโลกร้อนก็เปรียบเหมือนไฟและเป็นอนิจจังที่ต้องเกิดอยู่แล้ว แต่คนเท่านั้นที่เดือดร้อนที่สุด
“มันยังไม่สายเกินไปที่จะร่วมแรงร่วมใจกัน ถ้าพร้อมใจกันก็เปลี่ยนแปลงวิกฤตได้จากหน้ามือเป็นหลังมือ แต่มันไม่พร้อมใจกัน เพราะมีผลประโยชน์ กิเลสมาเกี่ยวข้องก็สมน้ำหน้ามนุษย์แล้ว หากคนเพิกเฉยไม่สนใจ (โลกร้อน) ก็มีคนได้ประโยชน์ แต่การที่มีคนรู้มากขึ้นก็มีคนเสียประโยชน์” ครูช่างกล่าว พร้อมทั้งเชื่อมันว่าละครจะช่วยให้คนหันมาสนใจและมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาโลกมากขึ้น โดยหากใช้ละครให้ถูกที่ ถูกเวลาก็จะสามารถเปลี่ยนใจคนได้
อ่านข่าวอื่นๆ บน "ถนนสายวิทยาศาสตร์"
- รวมโปรแกรมวันเด็ก สไตล์สนุกคิดกับวิทยาศาสตร์
- เยี่ยม "สถานีของเล่นวิทยาศาสตร์" มีทั้งความรู้และความสนุก
- ต่อกล้องสำรวจขั้วโลกใต้ เยาวชนไทยกลุ้มอากาศโลกเข้าขั้นเลวร้าย
- “ภาพนูนต่ำ” ศิลป์บนฐานวิทย์จาก “กระดาษรีไซเคิล”
- แนะเที่ยวถนนสายวิทย์ให้สุขใจ "มาตัวเปล่า-เที่ยวเป็นกลุ่ม"
- วันเด็ก! อย่าปล่อยให้ลูกเหงาพาลัดเลาะไปบน “ถนนสายวิทยาศาสตร์”
- เปิดแล้วมหกรรมสาระบันเทิง “ถนนสายวิทยาศาสตร์” รับวันเด็กปีนี้
คลิกที่ไอคอน Manager Multimedia
เพื่อรับชมภาพ "ถนนสายวิทยาศาสตร์" เพิ่มเติม
