xs
xsm
sm
md
lg

William Hogarth

เผยแพร่:   โดย: สุทัศน์ ยกส้าน


William Hogarth เกิดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2222 ที่กรุง London ในประเทศอังกฤษ บิดาเป็นครูที่ยากจน ในวัยเด็ก Hogarth มีนิสัยช่างสังเกต และชอบสเกตช์ภาพของสิ่งที่เห็นตลอดเวลา เมื่อเติบโตได้งานทำเป็นช่างแม่พิมพ์โลหะ ในยามว่าง Hogarth สนใจวาดภาพชีวิตของคนทั่วไปตามท้องถนน เมื่อบิดาถูกตัดสินให้ต้องโทษจำคุกเป็นเวลา 5 ปี เพราะติดหนี้สินมากมาย Hogarth รู้สึกสะเทือนใจมากจึงมักไม่ชอบเอ่ยถึงเรื่องนี้ เพราะถือว่าเป็นปมด้อยของชีวิตที่ตนพยายามลืม

เมื่ออายุได้ 23 ปี Hogarth ได้สมัครเรียนศิลปะที่ Vanderbank’s Academy และที่ Thornhill’s art school เมื่ออายุ 32 ปี ได้พาลูกสาวของ Thornhill หนี เพราะ Thornhill ไม่เห็นความดีใด ๆ ในตัว Hogarth เลย ในเวลาต่อมา Hogarth จึงได้พยายามทำให้พ่อตาเห็นความสามารถด้านดีของตน โดยสร้างชื่อเสียงในฐานะจิตรกรภาพเหมือน และเมื่อสังคมยอมรับความสามารถของ Hogarth มากขึ้น พ่อตาจึงยอมยกโทษการกระทำล่วงเกินของลูกเขย ตามปกติ Hogarth มิได้รู้สึกเป็นสุขในการวาดภาพเหมือนเลย เพราะเขาคิดว่า การวาดภาพเหมือนน่าเบื่อหน่าย เขาต้องการวาดภาพแนวใหม่ที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน นั่นคือ ภาพที่เกี่ยวกับจริยธรรม และความน่าขันในสังคม ผลงานสำคัญในช่วงนี้ คือ ภาพ The Harlot’s Progress ในปี 2275 และภาพ The Rake’s Progress ที่วาดเสร็จในอีก 3 ปีต่อมา

ในปี 2277 เมื่อ Thornhill เสียชีวิต Hogarth ในฐานะบุตรเขยได้โรงเรียนศิลปะของ Thornhill เป็นมรดก การเป็นคนทำงานจริงจัง ทำให้โรงเรียนของ Hogarth ประสบความสำเร็จสูงในการสอนจิตรกรรม ซึ่งโรงเรียนนี้เกิดก่อนที่อังกฤษจะมี Royal Academy ในปี 2311 เสียอีก ในเวลาต่อมา Hogarth ได้ลองวาดภาพประวัติศาสตร์ดูบ้าง แต่สังคมไม่ได้ให้ปฏิกิริยาตอบสนองในทางบวก ดังนั้น Hogarth จึงหันกลับมาวาดภาพเหมือนอีก

เมื่ออายุได้ 46 ปี Hogarth เริ่มวาดภาพล้อเลียนสังคมซึ่งมีผลทำให้คนหลายกลุ่มไม่พอใจ เขาจึงถอยหนีสังคม ประจวบกับขณะนั้นจิตรกรอังกฤษอีกท่านหนึ่งชื่อ Joshua Reyonlds กำลังมีชื่อเสียงมาก

ในปี 2297 Hogarth ได้เริ่มวาดภาพชุดการเลือกตั้ง เพื่อล้อสังคมภาพเหล่านี้ ทำให้โลกรู้ว่า งานจิตรกรรมสามารถแสดงอารมณ์ขัน และล้อเลียนสังคมได้ Hogarth เสียชีวิตเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2307 ในสภาพของคนที่ผิดหวังในชีวิต

เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมานี้ พิพิธภัณฑ์ Louvre ในกรุงปารีสได้เปิดงานแสดงผลงานของ Hogarth เพื่อให้โลกตระหนักในความยิ่งใหญ่ของจิตรกรอังกฤษผู้นี้ โดยมีภาพที่สำคัญ คือ ภาพ Election Entertainment ขนาด 102 x 127 เซนติเมตร ที่ Hogarth วาดเสร็จในปี 2297 อันเป็นสมัยของกษัตริย์ George ที่ 2 แห่งกรุงอังกฤษ ซึ่งทรงมีเชื้อพระราชวงศ์เป็นชาวเยอรมัน เพราะประเทศอังกฤษในสมัยนั้นกำลังเริ่มมีการปกครองแบบประชาธิปไตย ภาพแสดงงานเลี้ยงในร้านขายอาหารที่มีสุราจำหน่าย เจ้าภาพของงานนั่งอยู่ทางซ้ายของภาพ ทางขวา คือ บรรดาผู้มีเกียรติที่ได้รับเชิญ และคนเหล่านี้กำลังนั่งฟุบในเก้าอี้ เพราะบริโภคมากจนเกินไป นอกร้านมีฝูงชนกำลังประท้วงโดยการขว้างปาก้อนหินที่กระจกหน้าต่างร้าน มุมล่างซ้ายของภาพแสดงของขวัญที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทน นำมาให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเป็นสินบน

ในวันเลือกตั้ง งานนี้มีวงดนตรี และนักดนตรีกำลังเป่าปี่สกอตอย่างสนุกสนาน และมีสตรีสีไวโอลินคลอ นี่คือเหตุการณ์งานเลี้ยงก่อนการเลือกตั้ง ส.ส. ในแคว้น Oxfordshire ภาพที่แขวนบนผนังเป็นภาพของกษัตริย์ William ที่ 3 ซึ่งมีรอยกรีดที่พระพักตร์ เพราะเมื่อพระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์ในปี 2233 นั้น เป็นเวลา 64 ปีก่อนที่ Hogarth จะวาดภาพ Election Entertainment เพราะ William ที่ 3 ทรงถูกทูลเชิญให้เสด็จจากเมือง Hanover ในเยอรมนีมาเป็นกษัตริย์อังกฤษ ประชาชนอังกฤษจึงต้องการให้พระองค์ทรงรู้ว่า กษัตริย์ต้องทรงงานเพื่อประชาชน มิใช่ประชาชนต้องทำงานเพื่อรับใช้กษัตริย์ และหลังจากที่กษัตริย์ William ที่ 3 เสด็จขึ้นครองราชย์แล้ว พระองค์ได้ทรงประทานกฎหมายให้คนอังกฤษมีการเลือกตั้งอย่างเสรี และไม่ทรงถือว่า การวิพากษ์วิจารณ์กษัตริย์เป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอีกต่อไป และสำหรับเรื่องสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น พระองค์ก็ทรงกำหนดให้ประชาชนเป็นผู้เลือกแทนการทรงแต่งตั้งโดยกษัตริย์ นอกจากนั้นรัฐสภาของอังกฤษก็ไม่ยินยอมให้กษัตริย์ทรงมีกองทัพประจำพระองค์อีกต่อไป การลิดรอนพระราชอำนาจลงเช่นนี้ ทำให้กษัตริย์ William ที่ 3 ทรงคัดค้าน มีผลทำให้ประชาชนหลายกลุ่มไม่พอใจ จึงแสดงออกด้วยการใช้มีดกรีดพระสาทิสลักษณ์จนขาด

Oxfordshire ในสมัยนั้น มีผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งเพียง 16,000 คนเท่านั้นเอง และผู้มีสิทธิทั้งหมดเป็นผู้ชาย สำหรับเกณฑ์การมีสิทธิเลือกตั้งถือผู้มีสิทธิ์ต้องมีกรรมสิทธิ์ที่ดินของตนเอง ในภาพวาดเราจะเห็นชายหนุ่มคนที่นั่งทางซ้ายเป็นผู้สมัคร ส.ส.ที่กำลังถูกหญิงอ้วนโอบกอด และกำลังรู้สึกอึดอัด ผมวิกปลอมของเขากำลังถูกคนจุดไฟเผา เด็กหญิงที่ยืนซ้ายสุดของภาพกำลังพยายามถอดแหวนที่นิ้วของเขาออก เหตุการณ์เหล่านี้แสดงให้เรารู้ว่า ใครที่ต้องการให้ประชาชนเลือกต้องยอมให้ประชาชนแกล้งได้สารพัดรูปแบบเพื่อจะได้คะแนนนิยม

ส่วนเรื่องวันการเลือกตั้ง หน่วยเลือกตั้งแต่ละหน่วยจะจัดไม่พร้อมกัน ในลอนดอนตามปกติจะมีการเลือกตั้งทุก 7 ปี ในขณะที่ Oxfordshire มีการเลือกตั้งครั้งสุดท้ายเมื่อ 40 ปีก่อน และมีบ่อยครั้งที่บรรดาเจ้าของที่ดินทำความตกลงกันเองว่า จะให้ใครเป็น ส.ส. โดยไม่แยแสกับกฎหมายที่กำหนดไว้ บางการเลือกตั้งมีการประมูลเก้าอี้ของ ส.ส.ให้แก่ลูกชายของขุนนางชั้นสูง ซึ่งตามปกติเป็นคนหนุ่มที่ยังไม่มีงานทำ เช่นในปี 2310 Lord Chesterfield ได้เคยซื้อเก้าอี้ ส.ส.ให้บุตรชายในราคา 2,500 ปอนด์

สำหรับเรื่องสินบนในการหาเสียงนั้น ในบางครั้งเจ้าหน้าที่เลือกตั้งก็บังคับให้คนที่ต้องการเป็น ส.ส.จ่ายเงิน ซึ่งถ้าจ่ายไม่ครบ เจ้าหน้าที่ก็อาจประกาศให้ฝ่ายตรงข้ามชนะหน้าตาเฉย เหตุการณ์ซื้อขายเสียงเช่นนี้ทำให้อดีตนายกรัฐมนตรี Robert Walpole ของอังกฤษกล่าวว่า ส.ส.อังกฤษทุกคนมีราคาค่าตัว Walpole เองก็เคยทุ่มเงินซื้อเสียง แต่ลงทุนน้อยเพียง 900 ปอนด์เท่านั้นเอง เหตุการณ์การใช้เงินซื้อเสียงจึงเป็นเรื่องปกติจนมีคนกล่าวว่า เวลาฟังการอภิปรายในสภา ความคิดผมเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหลายครั้ง แต่เวลาลงคะแนน ผมไม่เคยเปลี่ยนใจเลย

ชายคนที่นั่งอยู่ด้านหน้าของภาพกำลังถือตะบอง และมีชายอีกคนรินเหล้า gin (ซึ่งเป็นเหล้าราคาถูกสำหรับคนจน) ลงบนศีรษะที่มีบาดแผล ชายคนนี้เป็นชนชั้นกรรมาชีพ (นักเลง) ที่ไม่มีสิทธิ์
ออกเสียงลงคะแนนแต่เป็นบุคคลสำคัญ เพราะการเลือกตั้งทุกครั้งต้องมีเขาสำหรับข่มขู่ผู้ออกเสียงลงคะแนน

ในเวลาต่อมาเมื่อระบบการสาธารณสุขดีขึ้น และผลิตผลการเกษตรเพิ่มขึ้น ชาวบ้านจึงได้อพยพเข้าเมืองมากขึ้น การกดขี่แรงงานจึงเพิ่มขึ้นด้วย เช่น นายจ้างบังคับให้คนงานทำงานวันละ 14 - 16 ชั่วโมง และสัปดาห์ละ 6 วัน เหล่ากรรมกรจึงลุกขึ้นต่อสู้ และเมื่อความกดดันจากประชาชนมีมากขึ้น ๆ รัฐสภาอังกฤษจึงต้องออกกฎหมายให้การอภิปรายการเมืองเป็นเรื่องไม่ปกปิดอีกต่อไป และตั้งแต่ปี 2314 เป็นต้นมาหนังสือพิมพ์ในอังกฤษก็ได้รับอนุญาตให้รายงานการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกครั้งไป และนี่ก็คือการตรวจสอบการปฏิบัติงานของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดยประชาชน และเมื่อ ส.ส.ไม่มีคุณภาพ กฎหมายที่ออกจึงสร้างปัญหามากมาย

ในภาพเราจะเห็นกลุ่มคนที่เดินขบวนและขว้างปาก้อนหินกำลังถูกสาดด้วยน้ำ หรืออาจจะเป็นปัสสาวะจากกระโถน เพราะคนกลุ่มนั้นกำลังประท้วงกฎหมายที่อนุญาตให้คนยิวแปลงสัญชาติได้ ดังนั้น เราจึงเห็นตุ๊กตาที่หน้าต่างมีตัวอักษร No Jews ปรากฏที่หน้าอก

สำหรับเรื่องประเพณีสมรสในสมัยนั้นก็มีปัญหา เพราะเพียงให้ฝ่ายชายและฝ่ายหญิงสาบานตนต่อหน้าพยานและแลกเปลี่ยนแหวนเท่านั้น พิธีสมรสก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว แต่กฎหมายใหม่ได้กำหนดว่า การสมรสทุกกรณีจะถูกต้องตามกฎหมาย ถ้ามีบาทหลวงมาทำพิธีทางศาสนาให้ และบาทหลวงจะต้องประกาศอนุญาตให้ใครก็ตามคัดค้านการสมรสได้ถ้าเขาคนนั้นมีเหตุผลเพียงพอ ซึ่งก็ไม่ค่อยได้ผล เพราะบาทหลวงหลายคนเป็นพระโดยไม่ได้ผ่านการบวชอย่างถูกต้อง และบาทหลวงบางคน เมื่อได้รับเงินเพียง 2 - 3 ชิลลิงก็ประกอบพิธีให้คู่บ่าวสาวแล้ว

ด้วยเหตุนี้ ในถนนจึงมีฝูงชนที่ประท้วงกฎหมายนี้ ผลที่เกิดตามมาจากการมีกฎหมายนี้คือ สังคมยุคนั้นมีการแต่งงานลับ ๆ กันมาก Hogarth เองก็เคยพาภรรยาหนี และปัญหาที่จะเกิดในอนาคต คือ การแย่งชิงมรดกระหว่างลูก ๆ ของภรรยาหลายคน เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยจนนวนิยายในประเทศอังกฤษสมัยนั้นมีแต่เรื่อง การละเมิดศีลข้อสาม และปัญหาลูกไม่มีพ่อ จนสถาบันครอบครัวได้รับการกระทบกระเทือนมาก

อีกภาพหนึ่งที่ถูกนำมาแสดงในงาน คือ ภาพ ‘O 7th Roast Beef of old England’ ที่ Hogarth วาดในปี 2291 ซึ่งแสดงให้เห็นทหารฝรั่งเศสในเมือง Calais กำลังมองดูเนื้อวัวย่างที่นักทัศนาจรอังกฤษกำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย ภาพนี้จึงเป็นภาพที่ ‘ดูถูก’ ฝรั่งเศส ที่คนฝรั่งเศสในสมัยนั้นรับมุก ‘ตลก’ นี้ไม่ได้ แต่คนฝรั่งเศสยุคนี้รับได้ เพราะภาพนี้ได้ถูกนำออกแสดงที่ Louvre และสำหรับเหตุผลที่ Hogarth วาดภาพนี้ก็เพราะ เขาถูกตำรวจฝรั่งเศสจับด้วยข้อหาเป็นพวกสอดแนมเขาจึงโกรธแค้นมาก และก็ได้ใช้ศิลปะด้านจิตรกรรมแสดงออกซึ่งอารมณ์ดูแคลน และอารมณ์การเมืองที่จิตรกรคนอื่นๆ ไม่ได้ทำ หรือทำไม่ได้ งานแสดง Hogarth จะมีที่ Louvre จนกระทั่งถึงวันที่ 6 มกราคม 2550 ครับ

สุทัศน์ ยกส้าน ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สสวท




กำลังโหลดความคิดเห็น