วงการคณิตศาสตร์มีเรื่องเล่าว่า เมื่อสมเด็จพระบรมราชินี Victoria แห่งอังกฤษทรงอ่านนวนิยาย เรื่อง Alice’s Adventures in Wonderland จบ พระนางทรงโปรดปรานบทประพันธ์ที่ Charles Lutwidge Dodgson แต่ง จนถึงกับทรงขอให้ Dodgson ผู้ใช้นามแฝงว่า Lewis Carroll ส่งเรื่องที่จะเขียนเล่มต่อไปมาถวายพระนางด้วย และ Dodgson ก็ได้ถวายหนังสือคณิตศาสตร์เรื่องที่เกี่ยวกับ determinant แด่พระนาง
ในสายตาคนทั่วไป การเป็นนักประพันธ์ที่มีอารมณ์อ่อนไหวกับการเป็นนักคณิตศาสตร์ที่มีบุคลิกแบบตรงไปตรงมา ดูไม่น่าจะอยู่ในคนคนเดียวกัน แต่ความสามารถทั้งสองด้านที่แตกต่างกันมากนี้ได้เกิดขึ้นแล้วในตัว Dodgson เพราะนวนิยายเรื่อง Alice’s Adventures in Wonderland ได้ กลายเป็นวรรณกรรมที่ไม่เพียงเด็กยุโรปจะรักและชอบเท่านั้น แม้แต่ผู้ใหญ่ก็รู้สึกชื่นชมในจินตนาการของผู้ประพันธ์เช่นกัน ส่วนความเด่นดังด้านคณิตศาสตร์ที่ Dodgson มีนั้นก็ไม่เบา
การสืบค้นหาที่มาของนวนิยาย เรื่อง Alice ทำให้เรารู้ว่า ในวันหนึ่งของเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2405 Dodgson กับเพื่อนชายชื่อ Robertson Duckworth ได้นำบุตรสาววัยรุ่น 3 คน ของตระกูล Liddell ลงเรือท่องแม่น้ำในเมือง Oxford และผลที่เกิดจากการล่องเรือครั้งนั้น คือ โลกมีวรรณกรรมล้ำค่าชื่อ Alice’s Adventures in Wonderland และในขณะเดียวกันวิถีชีวิตของ Dodgson ก็เริ่มตกต่ำเพราะถูกประชาชนติเตียนด้วยเสียงนินทาจากข้อกล่าวหาที่รุนแรงว่า Dodgson ผิดศีลธรรมเพราะได้หลงรัก Alice Liddell ผู้ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
Charles Lutwidge Dodgson เกิดเมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2375 (รัชสมัยพระพุทธเลิศหล้านภาลัย) ที่เมือง Darebury ในแคว้น Cheshire ของอังกฤษ บรรพบุรุษของวงศ์ตระกูลนี้นับตั้งแต่ ทวด ปู่ ฯลฯ ทุกคนมีอาชีพสอนศาสนา เมื่ออายุได้ 18 ปี Dodgson ได้ไปเรียนต่อที่วิทยาลัย Christchurch ของ Oxford และเรียนจบปริญญาตรีคณิตศาสตร์เกียรตินิยมอันดับ 1 เมื่ออายุ 22 ปี จากนั้นก็ได้รับทุนการศึกษาต่อ แต่ทุนนี้เป็นทุนศาสนา ซึ่งมีเงื่อนไขว่าผู้รับทุนต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับเพศตรงข้าม และต้องบวช
Dodgson เรียนคณิตศาสตร์ระดับปริญญาโทสำเร็จเมื่ออายุ 23 ปี และได้งานทำเป็นอาจารย์ช่วยสอนคณิตศาสตร์ให้นิสิตปริญญาตรี โดยมีที่พักในหอพักของมหาวิทยาลัย แต่ในเวลานั้น Dodgson ได้ตัดสินใจไม่บวชเพราะรู้ว่าตนพูดติดอ่างเล็กน้อย ดังนั้น ถ้าบวชแล้วเทศน์ คนที่มาโบสถ์จะมีปัญหาในการฟังธรรม
ในปี พ.ศ. 2398 มหาวิทยาลัย Oxford ได้ต้อนรับ Henry George Liddell เข้าเป็นคณบดีคนหนึ่งของวิทยาลัย Christchurch คณบดี Liddell มีภรรยาและบุตรสาว 3 คน ชื่อ Alice, Lorina และ Edith
ในระยะแรกครอบครัว Liddell รู้สึกว่า Dodgson เป็นนักคณิตศาสตร์ผู้มีวิถีชีวิตเรียบง่าย สมถะ และเป็นครูที่สอนหนังสืออย่างจริงจัง การเป็นคณบดี และอาจารย์ร่วมสังกัดในวิทยาลัยเดียวกันทำให้สมาชิกครอบครัว Liddell กับ Dodgson สนิทกันมาก แต่หลังจากที่หนังสือนวนิยายเรื่อง Alices Adventures ปรากฏในบรรณโลก โดยมีผู้เขียนชื่อ Lewis Carroll โลกของ Dodgson ก็เริ่มโกลาหลอลหม่าน เพราะเขาถูกบังคับให้เลิกติดต่อกับลูกสาวทั้ง 3 คนของครอบครัว Liddell ด้วยข้อกล่าวหาที่รุนแรงว่า พยายามพรากผู้เยาว์ การถูกปรักปรำเช่นนี้เพราะ Dodgson มีพฤติกรรมที่ชอบช่วยเด็กสาวทั้ง 3 คน ในเวลาเล่นเกม และชอบเล่านิทานต่างๆ ให้ฟัง ทั้งที่แต่งเองและที่จำเขามาเล่าต่อ ให้เด็กสาวทั้ง 3 คนสนุกเพลิดเพลิน จนวันหนึ่ง Alice Liddell ได้ขอให้ Dodgson เรียบเรียงเรื่องต่างๆ ที่เล่าออกมาเป็นหนังสือ เพราะทุกเรื่องที่ Dodgson เล่านั้นมีเธอเป็นตัวเอกทั้งสิ้น และเมื่อ Dodgson ปฏิบัติตามคำขอร้อง นวนิยาย Alices Adventures in Wonderland ก็ได้กลายเป็นเบสตเซลเลอร์ทันที และในขณะที่ชื่อเสียงของเขา Dodgson กำลังโด่งดังเป็นพลุแตก ครอบครัว Liddell ก็ได้ประกาศห้าม Dodgson พบปะสนทนากับ Alice อีกต่อไป และได้เผาจดหมายทุกฉบับที่ Dodgson เขียนถึง Alice ทั้งนี้เพราะบิดามารดาของ Alice ไม่พอใจที่ Dodgson สนใจและพอใจบุตรสาวของตนมากจนเกินไปนั่นเอง
ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองถูกตัดขาด แต่นักประวัติศาสตร์หลายคนสันนิษฐานว่าเพราะ Dodgson วัย 31 ปี ได้ขอ Alice วัย 11 ปี แต่งงาน แต่บางคนคิดว่าเมื่อแม่ของ Alice คาดคั้น Dodgson ว่าคิดอะไรกับลูกสาวของตน Dodgson จึงรู้สึกว่าแม่ของ Alice ดูถูกตนมาก ดังนั้น จึงต้องเลิกไปมาหาสู่ครอบครัว Liddell ตลอดไป แต่บางคนคิดว่า Dodgson เสียใจมากที่ถูก Alice ปฏิเสธความรัก เขาจึงตัดความสัมพันธ์แล้วหลบลี้หนีหน้า Alice ไปตลอดชีวิต
ความจริงเป็นเช่นไรไม่มีใครในโลกรู้ เพราะคู่กรณีได้ตายจากโลกไปแล้ว และเมื่อ Dodgson ตาย หลานของเขาก็นำจดหมายทุกฉบับที่ Dodgson ได้รับเผาทิ้งจนหมด
ถึงกระนั้นโลกก็มีหลักฐานอื่นที่ทำให้เราพอจะรู้ความจริงที่เกิดขึ้น เพราะได้มีการพบว่า Dodgson นอกจากจะเป็นนักประพันธ์แล้ว ยังเป็นนักถ่ายรูปสมัครเล่นด้วย และในช่วงหลังของชีวิต เขาหมกมุ่นกับการถ่ายภาพเด็กหญิงที่นุ่งน้อยห่มน้อย ดังนั้น เมื่อมีเสียงซุบซิบเกี่ยวกับความชอบอปรกติของเขาในด้านนี้ การนินทาทำให้เขาหยุดถ่ายภาพเด็กผู้หญิงที่ยังบริสุทธิ์ไร้เดียงสาทันที (ณ วันนี้โลกมีภาพเด็กหญิงที่ Dodgson ถ่ายเหลืออยู่ 4 ภาพ) ด้วยเหตุนี้ ความจริงจึงเป็นไปได้ว่า Dodgson มีนิสัยชอบเด็กผู้หญิงมากเกินปกติที่พ่อแม่ของครอบครัวที่มีลูกสาวจะรับได้ แต่โลกก็ไม่มีหลักฐานใดๆ ที่แสดงให้เรารู้ว่า Dodgson ล่วงเกินเด็กเหล่านั้น
ถึงแม้ Dodgson จะจากโลกไปตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2441 ซึ่งนับเป็นเวลานานถึง 108 ปี แล้วก็ตาม แต่วงการวรรณกรรมและวงการคณิตศาสตร์ก็ยังติดตามศึกษาและวิเคราะห์ผลงานของเขาอยู่ เพราะนวนิยายเรื่อง Alice ยังขายได้เรื่อยๆ โลกยังมีภาพยนตร์และ VDO ที่เกี่ยวกับ Alice ออกมาสม่ำเสมอ รวมทั้งมีสมาคม Lewis Carroll ที่มหาวิทยาลัย Harvard, Princeton ให้สมาชิกมาพบปะกันปีละ 2 ครั้ง อีกทั้งยัง มีการนำนวนิยายเรื่อง Alice มาแสดงเป็นละครโดยมีตัวเอก เช่น Red กับ White Queens, Jabberwocky และ Mock Turtle ด้วย เพราะคนอ่านรู้สึกประทับใจและติดใจเนื้อหา อีกทั้งพอใจที่หนังสือมีภาพประกอบมากมาย นอกจากนี้ในปี 2494 บริษัท Walt Disney ก็ได้นำการ์ตูน เรื่อง Alice ออกฉาย และในภาพยนตร์เรื่อง The Martix กับ Jurassic Park ก็มีการเอ่ยถึง Alice ด้วย
ในปี พ.ศ. 2538 Morton N.Cohen แห่ง City College of New York ได้เรียบเรียงหนังสือชื่อ Lewis Carroll ; A Biography หนังสือราคา $ 35 นี้ ได้อธิบายว่า Dodgson เป็นคนเคร่งศาสนา หยิ่ง เก็บตัว มีอารมณ์ขัน และเอาใจยาก บุคลิกต่างๆ เหล่านี้มีส่วนทำให้ Dodgson เป็นคนมีอารมณ์สร้างสรรค์ ทั้งในด้านการประพันธ์และคณิตศาสตร์ เพราะผลงานด้านตรรกวิทยา (logic) ของ Dodgson นั้น ก็ได้ทำให้วงการคณิตศาสตร์ชื่นชมพอสมควรในประเด็นที่ผลงานมีปริศนา โจทย์ มุกตลก การเล่นคำและข้อขัดแย้งเชิงคณิตศาสตร์มากมาย โดยเฉพาะในหนังสือเรื่อง A Tangled Tale กับ Pillow Problems และ Euclid and His Modern Rivals หรือใน An Elementary Treatise of Determinants (ตำราเล่มที่นำถวายพระราชินี Victoria) และ Symbolic Logic กับ The Game of Logic การค้นพบเอกสารคณิตศาสตร์ของ Dodgson ทำให้เรารู้ว่าเขารู้ตรรกวิทยาลึกซึ้งยิ่งกว่านักคณิตศาสตร์ร่วมรุ่นมากมาย แต่เมื่อเอกสารดังกล่าวไม่ได้รับการตีพิมพ์ ความสามารถด้านคณิตศาสตร์ของ Dodgson จึงไม่มีใครเห็นอย่างสมบูรณ์
ในขณะที่มีชีวิตอยู่ Dodgson ชอบเขียนบทความคณิตศาสตร์ แผ่นปลิว ซึ่งมีเนื้อหาที่ให้ความบันเทิงและแนะนำเกม การเล่นคำ เช่น กำหนดคำขึ้น 1 คำ แล้วเปลี่ยนตัวอักษร 1 ตัว ในคำที่กำหนดมานั้น ให้เป็นตัวอักษรใหม่ที่แปลได้ คนที่ทำได้มากที่สุดจะเป็นผู้ชนะ ยกตัวอย่าง เช่น คำ HEAD ซึ่งถ้าเปลี่ยน D เป็น L ก็ได้คำ HEAL แล้วเปลี่ยน L เป็น T ก็จะได้ HEAT แล้วเปลี่ยน H เป็น M ได้ MEAT...เป็นต้น
ผลงานคณิตศาสตร์อื่นๆ ที่ Dodgson ชอบ ได้แก่ การสร้างระบบการจำวันต่างๆ กฎการหาระบบการออกเสียงเลือกตั้งที่ดี กฎการแข่งขันเทนนิส การเล่นบิลเลียดบนโต๊ะกลม และวิธีบอกวัน (อาทิตย์...จันทร์..) เมื่อกำหนดวันที่มาให้อย่างรวดเร็ว
ในด้านศาสนา Dodgson เชื่อว่าพระเจ้าสร้างโลกและสร้างสรรพสิ่ง และเขาไม่ศรัทธาทฤษฎีวิวัฒนาการของ Darwin และเป็นคนที่ไม่เคยรู้สึกเคียดแค้นใคร เพราะเขาคิดว่าคนชั่วไม่ควรถูกลงโทษซ้ำ ถ้าซาตานสำนึกผิด หากสารภาพผิดก็ควรได้รับอภัยเช่นกัน
ในด้านการประชาสัมพันธ์ Dodgson เป็นคนชอบเล่นคำ (pun) เช่น Dodgson เขียนว่า “How does a doll know that a hand which came off is her right hand” ตุ๊กตารู้ได้อย่างไรว่าแขนที่หลุดออกมานั้นเป็นแขนขวา เขาก็จะตอบว่า “Because the other was left” เพราะข้างที่เหลือเป็นข้างซ้าย คำ left ในที่นี้หมายถึงเหลือ และ ซ้าย
ในหนังสือชื่อ The Lives of the Muses โดย Francine Prose เธอได้กล่าวไว้อย่างน่าคิดว่า โลกมีสตรีหลายคนที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ชายประสบความสำเร็จ โดยยกตัวอย่างตั้งแต่ Samuel Johnson, Charles Dodgson จนกระทั่งถึง John Lennon และในกรณีของ Dodgson นั้น Prose ย้ำว่า เขามิใช่ Michael Jackson ของยุคนั้นครับ
สุทัศน์ ยกส้าน ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สสวท