สทอภ.ประชุมวิชาการนานาติด้านเทคโนโลยีอวกาศ คาดได้รับความรู้ใหม่ๆ เพื่อใช้จัดการทรัพยากรธรรมชาติและปัญหาอุทกภัยในยุค “สัตว์เล็กฆ่าสัตว์ใหญ่”
ระหว่างวันที่ 5-8 พ.ย.นี้ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (สทอภ.) จัดการประชุมนานาชาติด้านเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (International Conference on Space Technology and Geo-Informatics 2006) และการประชุมวิชาการแผนที่และภูมิสารสนเทศแห่งชาติ ประจำปี 2549 ณ โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ซิตี้ จอมเทียน พัทยา จ.ชลบุรี โดยมี ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประธานเปิดงานและนิทรรศการทางด้านเทคโนโลยีอวกาศ และมีผู้เชี่ยวชาญทั้งชาวไทยและต่างชาติร่วมประชุมประมาณ 300 คน
ด้าน ดร.สุรชัย รัตนเสริมพงศ์ รองผู้อำนวยการ สทอภ. และผู้รับผิดชอบจัดการประชุมครั้งนี้ กล่าวว่า การประชุมด้านแผนที่และภูมิสารสนเทศจัดต่อเนื่องเป็นประจำทุกปีได้ 7-8 ปีแล้ว โดยถือเป็นเวทีให้กับนักศึกษาระดับปริญญาโท-เอกที่ศึกษาทางด้านนี้ได้แสดงผลงานและงานวิจัย เนื่องจากปัจจุบันการเรียน-การสอนในระดับดังกล่าวนั้น นักศึกษาจะต้องเสนอผลงานผ่านเวทีวิชาการระดับประเทศด้วย
สำหรับปีนี้เป็นได้จัดการประชุมนานาชาติควบคู่ไปกับการประชุมประจำปีเพื่อเฉลิมพระเกียรติในวโรกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ทั้งนี้เขาเชื่อว่าการประชุมจะทำให้ได้ความรู้ใหม่ๆ ทางด้านเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศจากประเทศต่างๆ โดยประเทศที่เป็นผู้นำทางด้านนี้คือ ฝรั่งเศส สหรัฐและญี่ปุ่น ซึ่งมาร่วมประชุมด้วย
พร้อมกันนี้ ดร.สุรชัยได้กล่าวถึงการบรรยายพิเศษของ ศ.ดร.ชุนจิ มูไร (Prof.Dr.Shunji Murai) จากสมาคมการสำรวจระยะไกลแห่งอาเซียน (Asian Association on Remote Sensing) ซึ่งกล่าวถึงเรื่องโลกยุคโลกานุวัฒน์ ที่มีคนเยอะและสร้างมลพิษเยอะ อีกทั้งยังเรียกยุคนี้ว่าเป็นยุค “สัตว์เล็กทำลายสัตว์ใหญ่” เนื่องจากปัญหาสิ่งแวดล้อมทำให้มีเชื้อโรคใหม่ๆ เช่น ซาร์ เป็นต้น มาทำลายสัตว์ใหญ่ และแมลงเริ่มรุกรานในวงกลว้างมากขึ้น
ทั้งนี้เทคโนโลยีอวกาศจะใช้ดูการเปลี่ยนแปลงของโลก สภาพดินรวมทั้งประชากรในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งข้อมูลดาวเทียมนั้นถือเป็นข้อมูลเบื้องต้น และใช้ในการวางแผนและจัดการแก้ปัญหาต่างๆ ได้
ดร.สุรชัยยังได้กล่าวถึงดาวเทียม GPM ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น และอยู่ระหว่างการสร้างแลจะถูกส่งขึ้นไปโคจรในปี 2553 ดาวเทียมดังกล่าวมีความสามารถในการถ่ายภาพเมฆ ซึ่งจะใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์เมฆและคาดการณ์ปริมาณน้ำฝน หากมีแนวโน้มว่าเมฆจะทำให้ฝนตกมากก็จะได้เตรียมอพยพผู้คน เป็นการเตือนภัยล่วงหน้า
ทั้งนี้เรื่องการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหัวข้อที่จะมีการพูดถึงกันมากในการประชุมนี้ โดยอุทกภัยที่ไทยกำลังประสบอยู่นี้ ทาง สทอภ.ก็ได้ให้ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหา 20 หน่วยงาน โดยไม่มีการร้องขอและไม่คิดค่าใช้จ่าย
ส่วนดาวเทียมธีออส (THEOS) ซึ่งเป็นดาวเทียมสำรวจทรัพยากรธรรมชาติดวงแรกของไทยที่จะถูกส่งขึ้นไปโคจรกลางปีหน้านั้น ดร.สุรชัยกล่าวว่า จะได้ใช้ในการติดตามทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของไทย และได้เน้นว่าถ้ามีดาวเทียมเป็นของเราเองนั้นจะถ่ายที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ เนื่องจากระยะ 200 กิโลเมตรขึ้นไปเป็น “ห้วงอวกาศสันติ” ที่ทุกประเทศสามารถถ่ายภาพเพื่อใช้ในทางสันติได้ โดยอาศัยสถานีรับทั่วโลก ขณะที่ปัจจุบันมีสถานีรับภาพดาวเทียมจากการซื้อในระยะ 2,000 กิโลเมตรเท่านั้น