“แม่น้ำหวาน-พ่อคาราบาว” อูฐโหนกเดียวสมาชิกใหม่แห่ง “เขาดินวนา” สัตว์แสนทนจากทะเลทรายที่เด็กๆ อยากดู
ต้อนรับกันไปอย่างเป็นทางการในวันปิยมหาราช (23 ต.ค.) กับ “คาราบาว” และ “น้ำหวาน” 2 อูฐโหนกเดียวเพศผู้และเพศเมียของสวนสัตว์ดุสิตที่นำมาจากสวนสัตว์เชียงใหม่ ท่ามกลางบรรยากาศคึกคักของครอบครัวที่นำบุตรหลานมาเยี่ยมชมสมาชิกใหม่ของ “เขาดิน” เด็กๆ หลายคนตื่นเต้นกับอูฐ ขณะที่พ่อ-แม่ก็ชี้ชวนให้ลูกๆ หลานๆ ได้รู้จักกับสัตว์ชนิดใหม่
ตลอดเวลาที่มีคนมารุมล้อมอยู่รอบๆ คอก น้ำหวานและคาราบาวก็ไม่ได้แสดงอาการหงุดหงิดหรือตื่นกลัว ทั้งคู่ใส่ใจกับการกินหญ้าในกระบะ ผลัดกับการเดินไปรอบๆ คอกและหยอกเอินกัน ขณะที่บางครั้งก็เอาหน้ายืนออกมาหาคนที่ยืนมุงดู แม้อูฐโหนกเดียวจะไม่ใส่สัตว์แปลกใหม่แต่ก็เรียกความสนใจได้ทั้งจากเด็กและผู้ใหญ่เลยทีเดียว
“น้องกุ๊กไก่” นักเรียนชั้น ป.3 โรงเรียนเล็กโกเมศอนุสรณ์ ที่มากับคุณพ่อ-คุณแม่ กล่าวว่าตื่นเต้นที่ได้เห็นพ่อคาราบาวและแม่น้ำหวานเพราะไม่เคยเห็นมาก่อน และช่วงวันหยุดยาวปลายสัปดาห์ทางครอบครัวจึงพามาเที่ยวสวนสัตว์ และน้องกุ๊กไก่ก็ได้เห็นช้างไปแล้ว “น้องไก่” อีกคนเพิ่งเรียนอยู่ชั้น ป.1 แต่อายที่จะบอกชื่อโรงเรียน บอกแค่ว่ามาจากบางนาพร้อมคุณแม่และน้อง และไม่เคยเห็นอูฐมาก่อน มาเที่ยวสวนสัตว์คราวนี้ได้ดูลิง ดูนกไปแล้ว เล่าไปพร้อมชะเง้อคอดูอูฐไป
อูฐโหนกเดียว (Arabian camel) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า camelus dromedaries มีถิ่นอาศัยอยู่ทางตอนเหนือและตะวันออกของทวีปแอฟริกา รวมทั้งทางตะวันตกและทางใต้ของทวีปเอเชีย เป็นสัตว์ที่มีรูปร่างเพรียว ขายาว คอยาว ขนสั้น ริมฝีปากบนมีรอยผ่ากลาง รูจมูกปิดได้ ขนตายาว มี 1 โหนกที่ใช้สะสมไขมันซึ่งเป็นแหล่งพลังงาน เก็บไว้ใช้ยามที่ร่างกายต้องการ ขนาดความยาวของลำตัวประมาณ 30 เซนติเมตร หางยาว 50 เซนติเมตร ความสูงถึงช่วงไหล่ประมาณ 180-210 เซนติเมตร และมีน้ำหนักประมาณ 600-10,000 กิโลกรัม
ลักษณะนิสัยของอูฐโหนกเดียวชอบอยู่กันเป็นฝูง ตัวผู้เป็นจ่าฝูง แต่น่าเสียดายที่สัตว์ชนิดนี้สูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติแล้ว ปัจจุบันมีเพียงอูฐที่เป็นสัตว์เลี้ยงไว้ใช้เนื่องจากปรับตัวในทะเลทรายได้ดี ตัวเมียจะโตเต็มที่เมื่ออายุ 3-4 ปี ส่วนตัวผู้จะโตเต็มที่เมื่ออายุ 5-6 ปี อูฐมีอายุยืนโดยเฉลี่ย 40 ปี การขยายพันธุ์นั้นอูฐโหนกเดียวจะตั้งท้องนาน 12-13 เดือน ออกลูกครั้งละ 1 ตัว ส่วนอาหารคือหญ้าและใบไม้
น.สพ.กานต์ เลขะกุล นายสัตวแพทย์ประจำสวนสัตว์ดุสิตให้ข้อมูลว่าอูฐเป็นสัตว์ที่ทนมากอยู่แล้ว เพราะสามารถอยู่ท่ามกลางทะเลทรายได้ การให้อาหารจึงไม่ได้พิเศษอะไรมาก ให้ทั้งหญ้าสด หญ้าแห้ง และมีเผือก มัน ผลไม้อยู่ด้วย เนื่องจากเป็นสัตว์ที่มีประสิทธิภาพในการย่อยสูง อีกทั้งไม่เป็นสัตว์ที่มีมูลค่าสูงหรือหายาก แต่เป็นสัตว์ที่เด็กๆ อยากเห็น เพราะมีความโดดเด่น ทั้งนี้สัตว์ที่เด็กอยากเห็นหลักๆ ก็มี ยีราฟ ม้าลาย ช้าง ฮิปโป รวมทั้งอูฐ เหล่านี้เป็นสัตว์ที่เด็กรู้สึกคุ้นเคย ส่วนการส่งอูฐทั้ง 2 คืนสวนสัตว์เชียงใหม่นั้นยังไม่มีกำหนด และคงจะเลี้ยงไว้ที่เขาดินไปเรื่อยๆ
สำหรับวิธีแยกว่าอูฐตัวไหนคือน้ำหวานและตัวไหนคือคาราบาว น.สพ.กานต์บอกวิธีง่ายๆ ว่าให้สังเกตที่ลูกอัณฑะที่จะบ่งว่าเป็นอูฐตัวผู้ ส่วนสีขนนั้นเข้ม-จางนั้นไม่เกี่ยวกับเพศ ซึ่งจากการสังเกตของทีมงานผู้จัดการตามคำแนะนำของคุณหมอ จึงคาดว่าแม่น้ำหวานน่าจะมีสีเข้มกว่าพ่อคาราบาว ทั้งนี้ใครที่ไปเที่ยวชมสวนสัตว์ดุสิตก็ลองสังเกตตามคำแนะนำนี้
ทั้งนี้สวนสัตว์ดุสิตหรือเขาดินเป็นที่รู้จักของคนไทยมาถึง 65 ปี หากใครอยากไปพักผ่อนช่วงวันหยุด ท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ ก็ไปได้ทั้งรถส่วนตัว และหากจะนั่งรถโดยสารก็มีรถประจำทางที่ผ่านคือ 18 28 108 ปอ.528 ปอ.515 ปอ.539 และ ปอ.542 เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 8.00 – 18.00 น. โดยมีอัตราค่าเข้าชมสำหรับเด็ก-ปวช.คนละ 10 บาท, ปวช.-มหาวิทยาลัย คนละ 30 บาท, ผู้ใหญ่ 50 บาท, ครูและตำรวจในเครื่องแบบ คนละ 30 บาท ส่วนคนพิการ ภิกษุ สามเณร และผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เข้าชมได้ฟรี
