หมอศิริราชใช้ “สเต็มเซลล์” จากเม็ดเลือดรักษา “มะเร็งเม็ดเลือดขาว” แบบเฉียบพลันในผู้ป่วย 400 ราย หายขาดได้ 70% ภายใน 6 เดือน พร้อมประยุกต์ใช้กับโรคอื่นๆ อาทิ เบาหวาน โรคหัวใจ พาร์กินสัน อีกทั้งพบการใช้มือถือและอยู่ใกล้เสาไฟฟ้าแรงสูง รวมทั้งบริเวณที่มีรังสีแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นปัจจัยเสี่ยงโรค
ศ.นพ.สุรพล อิสรไกรศีล เมธีวิจัยอาวุโส สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) และอาจารยภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยถึงการรักษาผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือลิวคีเมียชนิดเฉียบพลันด้วยเซลล์ต้นกำเนิดหรือสเต็มเซลล์จากเม็ดเลือดว่า จากการรักษาผู้ป่วยกว่า 400 คนนั้น มีป่วยหายขาดจำนวน 70% โดยผู้ป่วยที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจะหายเป็นปกติภายใน 6 เดือน
โรคลิวคีเมียนั้นเกิดจากความผิดปกติของไขกระดูก ที่สร้างเม็ดเลือดขาวอย่างไม่จำกัดและไม่เจริญเป็นตัวแก่ ทำให้มีเม็ดเลือดขาวตัวอ่อนมากในไขกระดูกและเบียดบังการสร้างเม็ดเลือดแดง นำไปสู่ภาวะโลหิตจาง อีกทั้งเม็ดเลือดขาวตัวอ่อนยังไม่สามารถต้านทานเชื้อโรคได้ ทั้งนี้แบ่งลิวคีเมียเป็น 2 ชนิดคือ ชนิดเรื้อรังและชนิดเฉียบพลัน ซึ่งชนิดหลังนั้น ศ.นพ.สุรพลกล่าวว่าเป็นชนิดที่รุนแรง เพราะเม็ดเลือดขาวไม่มีโอกาสเป็นตัวแก่ หากรักษาไม่ดีโอกาสเสียชีวิตสูง
“ปกติการรักษาลิวคีเมียจะให้ยาบำบัด แต่ไม่หายขาดเพราะไม่สามารถฆ่าเซลล์ลิวคีเมียตัวสุดท้าย เนื่องจากยามีฤทธิ์เป็นกรดสูงแล้วจะไปทำลายเซลล์ดีของคนไข้ เท่ากับเป็นการฆ่าคนไข้ไปด้วย” ศ.นพ.สุรพลกล่าวว่าการรักษาด้วยสเต็มเซลล์จึงเป็นทางเลือกใหม่ โดยจะรักษาร่วมกับการให้ยาเคมีบำบัดและการฉายรังสีในปริมาณต่ำ (minitransplant) ซึ่งสเต็มเซลล์ที่ใช้นั้นมาจากเซลล์เม็ดเลือดที่ได้จาก 3 แหล่งคือ ไขกระดูก เลือด และเลือดจากสายสะดือ
ศ.นพ.สุรพลเผยว่าขั้นตอนการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์เริ่มจากการคัดเลือกผู้ให้เซลล์เม็ดเลือด ซึ่งควรเป็นญาติพี่น้องที่มีรหัสพันธุกรรมเหมือนผู้ป่วย แต่ถ้าไม่มีก็หาได้ที่สภากาชาดซึ่งมีการรับบริจาค หรืออาจใช้เลือดจากสายสะดือได้ จากนั้นเตรียมผู้ป่วยโดยให้ยากดภูมิคุ้มกัน และให้ยาเคมีบำบัดเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง แล้วจึงให้สเต็มเซลล์ร่วมกับการฉายรังสีในปริมาณไม่สูง หลังการปลูกถ่ายผู้ป่วยต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล 4-6 สัปดาห์ และต้องได้รับยากดภูมิคุ้มกันนาน 6 เดือน ตลอดระยะเวลาดังกล่าวหากไม่มีภาวะแทรกซ้อนผู้ป่วยจะหายเป็นปกติ
ในกรณีของ พะเยาว์ พูนธรัตน์ นักมวยโอลิมปิกที่เพิ่งเสียชีวิตไปนั้น ก็เป็นผู้ป่วยอีกคนที่ได้รับการรักษาด้วยสเต็มเซลล์ ซึ่ง ศ.นพ.สุรพลว่าได้พะเยาได้รับการรักษาโดยนำสเต็มเซลล์จากไขกระดูกฉีดเข้าไปในสมองซึ่งเป็นสาเหตุของโรคที่เขา และ 1 อาทิตย์หลังการรักษาพะเยาว์มีอาการดีขึ้น แต่เขาก็เสียชีวิตในภายหลังเนื่องจากภาวะแทรกซ้อน ทั้งนี้การรักษาด้วยสเต็มเซลล์ของทีมวิจัยยังมุ่งที่จะนำไปประยุกต์ใช้กับโรคอื่นๆ อาทิ โรค เบาหวาน โรคหัวใจ โรคพาร์กินสัน เป็นต้น โดยในการรักษาโรคหัวใจนั้นดีขึ้น 10% แต่ 3-4 เดือนอาการก็กลับมาแย่เหมือนเดิม จึงยังต้องศึกษาต่อไป
นอกจากนี้ทีมวิจัยยังพบว่ามีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคลิวคีเมียชนิดเฉียบพลันได้ โดยพบว่าการรับรังสีแม่เหล็กไฟฟ้า เช่น การอยู่ใกล้กับเสาไฟฟ้าแรงสูง หรือการใช้โทรศัพท์มือถือ มีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดโรคลิวคีเมียชนิดเฉียบพลันได้ แต่ทั้งนี้เป็นการศึกษาในเบื้องต้น ซึ่งอาจนำไปสู่ข้อระวังในการหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน และหลีกเลี่ยงการอยู่ในบริเวณที่มีรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าสูง เช่น บริเวณเสาส่งไฟฟ้าแรงสูง เป็นต้น
อย่างไรก็ตามแม้การรักษาด้วยสเต็มเซลล์จากเซลล์เม็ดเลือดจะประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่ ศ.นพ.สุรพลเห็นว่ายังจำเป็นต้องพัฒนาสเต็มเซลล์จากตัวอ่อน สร้างธนาคารเก็บสเต็มเซลล์ตัวอ่อน และรัฐบาลต้องมีนโยบายที่ชัดเจนว่าอนุญาตให้ทำ ส่วนเรื่อง "ชีวจริยธรรม" นั้น ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละศาสนามองจุดเริ่มต้นของชีวิตอย่างไร ซึ่งก็มีการพูดคุยกันบ่อยแล้วแต่ยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน