xs
xsm
sm
md
lg

นักวิจัยชี้เทรนด์อันตราย “ยาถ่ายลดอ้วน” วัยรุ่น “คลั่งผอม”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ค่านิยมผอม ที่หลายครั้งนำไปสู่การลดน้ำหนักที่ผิดวิธี
นักวิจัยชี้ “ยาถ่ายลดอ้วน” เทรนด์ใหม่กำลังมาของวัยรุ่นคลั่งผอม เพราะหาซื้อง่าย ราคาถูก บางคนกินยาถ่ายเป็นกำมือจนระบบขับถ่ายเสียยังไม่คิดว่าอันตราย มองเรื่องเป็นลมบ่อยแค่อาการปกติ

ผศ.ดร.จุลนี เทียนไทย อาจารย์ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ปัจจุบันค่านิยมในการรับประทาน “ยาถ่าย” เพื่อลดความอ้วนของวัยรุ่นเป็นอันตรายที่กำลังเข้ามา เพราะวัยรุ่นสามารถหาซื้อรับประทานได้ง่าย และราคาถูกกว่ายาลดความอ้วน โดยยาถ่ายที่ผลิตในไทยมีราคาเม็ดละ 50 สตางค์เท่านั้น ส่วนยาถ่ายที่นำเข้าจากต่างประเทศก็มีราคาเพียงเม็ดละ 2 บาท และวัยรุ่นบางคนกินยาถ่ายเป็นกำมือจนระบบขับถ่ายเสียหายก็ยังไม่เห็นว่าเป็นอันตราย บางคนพูดถึงอาการเป็นลมที่เป็นบ่อยๆ เหมือนเป็นเรื่องปกติ

ทั้งนี้ ผศ.ดร.จุลนีได้ทำการวิจัยเชิงคุณภาพกับวัยรุ่นทั้งหญิงชายในช่วง 16-19 ปี ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 400 คน โดยให้เหตุผลที่เลือกวิจัยในกลุ่มดังกล่าวว่า เป็นช่วงวัยที่เสี่ยงในการสนใจรูปร่างมากที่สุด และยังเป็นกลุ่มที่มีอำนาจในการซื้อยาและผลิตภัณฑ์ลดความอ้วน ทั้งนี้ได้ใช้กระบวนการศึกษา 3 วิธีคือ 1.จะเข้าไปสังเกตการณ์อย่างมีส่วนร่วม เช่น ไปเดินห้างพร้อมวัยรุ่น หรือเข้าไปสถานลดความอ้วนพร้อมกัน เพื่อจะได้รู้สึกถึงความกดดันในเรื่องรูปร่าง 2.สัมภาษณ์แบบเจาะลึก และ 3.สนทนากลุ่ม

ผศ.ดร.จุลนีค้นพบว่ากระบวนการเพื่อให้วัยรุ่นได้รูปร่างที่ต้องการนั้น การอดอาหารเป็นวิธีที่ได้ความนิยมมากที่สุด ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพทำให้กลายเป็นพฤติกรรมการกินที่ผิดปกติ (Eating disorders) แต่เมืองไทยยังไม่มีแพทย์ที่รักษาอาการดังกล่าวโดยตรง ขณะที่ต่างประเทศจะมีสถานบำบัดสำหรับคนที่มีอาการเหล่านี้ วิธีต่อมาคือการปรับปรุงสูตรอาหาร การออกกำลัง และการใช้ยา ทั้งยาลดความอ้วนและยาถ่าย แม้ว่าจะเป็นตัวเลือกที่ไม่ใช่อันดับต้นๆ แต่ก็กำลังเป็นภัยที่เข้ามา เพราะวัยรุ่นไม่เห็นถึงอันตราย

อย่างไรก็ตามไม่เพียงแค่วัยรุ่นเท่านั้นที่วิตกกังวลกับรูปร่าง ผู้หญิงในวัยทำงานก็อาจมีอาการคล้ายๆ กันได้ โดย ผศ.ดร.จุลนีได้ยกตัวอย่างที่มีคนมาปรึกษาเกี่ยวกับอาการกินผิดปกติทั้งที่เป็นมีอายุเกือบ 40 ปีแล้ว เป็นต้น และแม้ว่าวัยรุ่นทั้งหญิงและชายจะมีความพอใจในรูปร่างของตัวเองเหมือนกัน แต่ในรายของผู้หญิงนั้นจะไม่พอใจสรีระของตนอย่างละเอียดมากว่าวัยรุ่นชาย เช่น มองว่าต้นแขน-ต้นขาใหญ่เกินไป ตาตี่ นิ้วมือ-นิ้วเท้าไม่สวย ขณะที่วัยรุ่นชายมองแค่ภาพรวม เช่น อยากสูงกว่าเดิม อยากมีหน้าตาหล่อเหลา เป็นต้น

อิทธิพลที่กลายเป็นแรงกดดันในเรื่องรูปร่างมีหลายปัจจัย สิ่งที่มีอิทธิพลอันดับแรกคือภาพและบทความจากนิตยสารต่างประเทศ ที่หาได้ง่ายตามแผงหนังสือ ซึ่งมีภาพของนางแบบที่สวยงามทั้งที่มาจากการตกแต่ง ตามมาด้วยสื่อวิทยุโทรทัศน์ และรายการแฟชั่น 24 ชั่วโมง ทำให้วัยรุ่นอยากมีหุ่นเหมือนดารา-นางแบบ รวมทั้งความกดดันจากเพื่อนๆ ที่เปรียบเทียบรูปร่างกัน คำพูดล้อเลียนจากคนในครอบครัว และความกดดันจากความรู้สึกตัวเอง เช่น กระโปรงตัวเก่าไม่สามารถใส่ได้ หรือเสื้อผ้าที่มีขายกันนั้นมีขนาดเล็ก จนกดดันให้วัยรุ่นต้องมีรูปร่างผอมเพื่อจะแต่งตัวได้สวย

แนวทางในการแก้ไขที่ ผศ.ดร.จุลนีเสนอคือ ต้องฟังความต้องการของวัยรุ่นด้วยว่าวิธีไหนที่เหมาะกับเขา เพราะบางทีวัยรุ่นอาจไม่ฟังคำแนะนำของนักวิชาการ และอยากให้การศึกษาทุกระดับบรรจุเนื้อหาเกี่ยวกับวิธีให้วัยรุ่นมีรูปร่างที่ต้องการและบรรจุลงในหลักสูตร รวมทั้งทำให้วัยรุ่นและวงการแพทย์ได้เห็นภัยของการกินที่ผิดปกติ ขณะที่สื่อก็ควรเสนอให้วัยรุ่นเห็นว่ารูปร่างที่พวกเขามีนั้นคือเอกลักษณ์และไม่ได้ผิดปกติ ส่วนหน่วยงานเอกชนที่ออกผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับรูปร่างก็ควรคำนึงถึงความเหมาะสมกับวัยรุ่น ไม่เห็นแก่กำไรมากเกินไป เช่น ออกแบบเสื้อให้เหมาะกับรูปร่างของวัยรุ่น เป็นต้น
ผศ.ดร.จุลนี เทียนไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น