สดๆ ร้อนๆ กับข่าวคราวของผู้แทนประเทศไทยที่คว้า 1 เหรียญทอง และ 4 เหรียญเงินจากการแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ประจำปี พ.ศ. 2549 ณ ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 8 - 17 กรกฎาคม 2549 ซึ่งประกอบด้วย 1 เหรียญทองจากนายรณชัย เจริญศรี โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย กรุงเทพฯ และอีก 4 เหรียญเงินจากนายกษิดิศ โตประเสริฐพงศ์ โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ฝ่ายมัธยม) กรุงเทพฯ, นายชนปทิน ไพบูลย์พลาย้อย โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพฯ, นายสรวิศ แสงทวีสิน โรงเรียนเซนต์คาเบรียล กรุงเทพฯ และนายอำนวย พลสุขเจริญ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ จ.นครปฐม
ทั้งนี้ ความสำเร็จดังกล่าวส่วนหนึ่งก็มาจากการดูแลและกวดขันโดยคณาจารย์ด้วย อันได้แก่ รศ.สุวรรณ คูสำราญ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หัวหน้าทีม, ผศ.ดร.ปิยพงศ์ สิทธิคง มหาวิทยาลัยมหิดล รองหัวหน้าทีม, รศ.ดร.ณสรรค์ ผลโภค มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ผู้ช่วยหัวหน้าทีม, ดร.สิรพัฒน์ ประโทนเทพ ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ ผู้ช่วยหัวหน้าทีม และนางสาวนันท์นภัส ลิ้มสันติธรรม สสวท. ในฐานะผู้จัดการทีม
โดยภายหลังความสำเร็จนี้ ผู้แทนประเทศไทยฟิสิกส์โอลิมปิกทั้ง 5 ได้มาเล่าถึงช่วงเวลาคว้าชัยในสนามแข่งขันดังกล่าวอย่างเปิดอก ซึ่งต่างเห็นตรงกันว่าในการแข่งขันครั้งนี้ประเทศเจ้าภาพค่อนข้างเข้มงวดกับการแข่งขันมาก ทั้งในการตรวจข้อสอบและการกำหนดเวลาต่างๆ อย่างไรก็ดี แรงหนุนสำคัญที่ทำพวกเขามาถึงจุดนี้ได้ก็เพราะคณาจารย์ทั้งในอดีตและปัจจุบันที่สอนและให้กำลังใจพวกเขา
เริ่มตั้งแต่นายรณชัย เจริญศรี หรือ “เทียม” เจ้าของเหรียญทอง ที่กล่าวว่า คนที่จุดประกายให้ก็คือพ่อ ซึ่งเมื่อตอนอยู่ชั้น ม.1 พ่อจะสอนให้ต่อวงจรไฟฟ้า พร้อมทั้งจะคอยสนับสนุนเรื่องการเรียน ซึ่งปกติเขาจะชอบอ่านหนังสือแนวไซไฟ (Scientific Fiction: Sci-Fi) มาก ส่วนการแข่งขันครั้งนี้พบว่า สิงคโปร์ซึ่งเป็นประเทศเจ้าภาพทำงานกันอย่างเป็นระเบียบมาก โดยจะเก็บมือถือจากน้องๆ ทุกคนไปเพื่อป้องกันไม่ให้ติดต่ออาจารย์ โดยจะให้เก็บไว้ในซองแล้วเซ็นปิดผนึกลงไป นอกจากนั้นตารางเวลาต่างๆ ก็แน่นและตรงเวลามาก
“ประสบการณ์ที่ได้จากการแข่งขันครั้งนี้ดีมาก โดยเฉพาะในเรื่องการทำข้อสอบต้องคิดให้รอบคอบอย่างมากที่สุด เพราะว่าการผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ อาจทำให้ผิดพลาดครั้งต่อๆ ไปได้ ในเมื่อครั้งนี้เกิดความผิดพลาด ครั้งต่อไปเราก็ศึกษาว่าผิดพลาดอย่างไร มีแนวทางปรับปรุงเพื่อให้รุ่นต่อๆ ไปทำให้ดีขึ้น ผลฟิสิกส์โอลิมปิกปีที่แล้วได้ 2 ทอง 2 เงิน 1 ทองแดง ปีนี้ที่พลาดไปบ้างอาจเป็นเพราะสิงคโปร์ละเอียดมาก ผิดนิดหน่อยก็จะหักคะแนน เช่น ให้นิยามตัวแปรมาตัวหนึ่ง เราแทนค่าผิด กลับเศษเป็นส่วน ก็หักคะแนนเยอะ” นักเรียนเหรียญทองฟิสิกส์โอลิมปิก กล่าว
ส่วนสิ่งที่อยากจะแนะนำน้องๆ ในปีต่อๆ ไป เทียมเสริมว่าคือ ต้องมีใจรักแล้วความพยายามจะตามมาเอง ซึ่งความสำเร็จครั้งนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ถ้าขาดการสนับสนุนจากหลายๆ ฝ่าย โดยเฉพาะอาจารย์จากที่โรงเรียน และอาจารย์จากค่ายโอลิมปิก อาจารย์จากมหาวิทยาลัยโดยเฉพาะมูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการและพัฒนามาตรฐานวิทยาศาสตร์ศึกษา ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (สอวน.) ที่เป็นพื้นฐานทำให้เรามีไฟในการศึกษาเล่าเรียนฟิสิกส์ หรือวิชาต่างๆ หลังจากนั้นเข้าสู่กระบวนการของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ที่ส่งพวกเขาไปแข่งขัน ซึ่งหลังจากนี้แล้ว ตัวเขาเองต้องกลับไปเรียน ม.6 ให้จบ โดยตอนนี้ได้ทุนเรียนต่อต่างประเทศจาก สสวท.แล้ว ส่วนอาชีพที่อยากเป็นคือนักฟิสิกส์
ด้านนายกษิดิศ โตประเสริฐพงศ์ หรือ "แชมป์" เจ้าของเหรียญเงิน บอกว่า สำหรับเขาแล้ว อาจารย์ฟิสิกส์ในค่ายโอลิมปิกที่ประทับใจมาก คือ อ. สุวรรณ คูสำราญ ที่สอนเก่งและสอนสนุก หนังสือที่เขาชอบอ่านมักเป็นหนังสือรวบรวมโจทย์ปัญหา ส่วนการแข่งขันครั้งนี้เขาเห็นว่า ข้อสอบไม่ยากจนเกินไปแต่คนตรวจเข้มงวดมาก และสิ่งที่ประทับใจก็คือ เพื่อนๆ ที่ไปด้วย ช่วยเหลือกัน
“ประทับใจการบริหารของสิงคโปร์ที่เมื่อเกิดปัญหาสามารถประสานงานได้เร็ว คิดว่าถ้าเราเรียนรู้ระบบของเขา น่าจะนำมาเป็นตัวอย่างที่ดีในการจัดการแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกที่เรากำลังจะเป็นเจ้าภาพได้ อยากจะแนะนำน้องๆ ที่จะมาสอบเข้าโครงการโอลิมปิกว่าอย่าท้อถอย ถ้าเราผิดพลาดครั้งหนึ่ง เราอย่าท้อถอย สามารถแก้ตัวได้ แต่ถ้าไม่มีเวลาแล้วก็ถือได้ว่าทำดีที่สุดแล้ว” แชมป์กล่าว
ส่วยนายอำนวย พลสุขเจริญ หรือ "ตี๋" ที่ได้เหรียญเงินมาเช่นกัน เล่าว่า สำหรับเขา สาเหตุที่ชอบฟิสิกส์เป็นเพราะเรียนแล้วเข้าใจได้ดี
“วิชาฟิสิกส์มันสวย ถ้าเราได้เรียนอะไรสักอย่าง เข้าใจธรรมชาติของมัน เราก็ชอบมัน นอกจากวิชาฟิสิกส์แล้วก็ยังชอบวิชาคณิตศาสตร์ และวิชาอื่นบ้างนิดหน่อย ครูวิทยาศาสตร์ที่ประทับใจนั้นมีหลายคน เช่น อ.ดร.ธงชัย ชิวปรีชา ผอ.ร.ร.ที่ได้ปลูกฝังให้นักเรียนมีความรักในวิทยาศาสตร์ มีความคิดวิเคราะห์วิจัย ที่จะเป็นนักวิทยาศาสตร์ในอนาคต, รวมถึง อ.อภิสิทธิ์ ซึ่งสอนชีววิทยาที่ให้แนวทางว่าจะเป็นนักวิจัยเป็นอย่างไร ก็คอยให้กำลังใจ แต่ตอนนี้ อ.อภิสิทธิ์ ได้ไปสอนที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แล้ว” ตี๋เล่าอย่างมีความสุข ซึ่งโดยปกติแล้ว เขาจะเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือมาก โดยเฉพาะนิยายแนวสอบสวนสืบสวนและแนวแฟนตาซี
พร้อมกันนี้ ตี๋ได้เล่าถึงการแข่งขันครั้งนี้ด้วยว่า ในส่วนของการสอบทฤษฏีคิดว่าตัวเองทำได้พอสมควร แต่ก็มีข้อผิดพลาดบ้าง ส่วนภาคปฏิบัติเป็นการศึกษาการใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าซึ่งทำผิดเยอะมาก ด้านเทคนิคด้านการเรียนฟิสิกส์ในแบบฉบับของเขานั้น ตี๋บอกว่า โดยส่วนตัวก็ไม่มีอะไรมาก คือ ตั้งใจเรียน รักเรียน ต้องรู้ว่าเราจะเรียนฟิสิกส์ไปทำไม เพื่อจะได้รู้ว่าการเรียนฟิสิกส์มีคุณค่าและชอบมันซึ่งจะทำให้เรียนได้ดี โดยจากนี้ไปก็จะเรียนต่อทางด้านฟิสิกส์ที่รับทุนโอลิมปิกของ สสวท.ไปเรียนต่อต่างประเทศ
ขณะเดียวกัน อีกหนึ่งคนเก่งของเราคือ นายสรวิศ แสงทวีสิน หรือ “พีท” เจ้าของรางวัลเหรียญเงินอีกราย ก็บอกด้วยว่า สำหรับเขา ข้อสอบที่ทำได้ดีที่สุดคือภาคทฤษฎี สิ่งที่ประทับใจในการแข่งขันครั้งนี้ คือ ได้พบกับเพื่อนๆ ได้เรียนรู้ ทฤษฎีใหม่ๆ ที่ไม่เคยเรียน และการทำข้อสอบ ทั้งนี้เขาคิดว่าตัวเขาเองจะต้องตั้งใจเรียนมากกว่านี้ มีสมาธิมากกว่านี้ ซึ่งในการแข่งขันที่ผ่านมา ทางฝ่ายสิงคโปร์จะมีการตรวจให้คะแนนด้วยเกณฑ์ต่างๆ อย่างละเอียดมาก เป็นระบบระเบียบ ถ้าเราทำพลาดส่วนไหน เราจะถูกตัดคะแนนในส่วนนั้น โดยสุดท้ายนี้ พีทบอกว่า การเรียนฟิสิกส์ควรตั้งใจเรียน มีการฝึกฝนบ่อยๆ ซึ่งในอนาคต เขาตั้งใจศึกษาต่อทางด้านฟิสิกส์ด้านไฟฟ้า สำหรับความสำเร็จในครั้งนี้นั้น อาจารย์ทุกคนมีส่วนเหมือนกันหมด ที่ทำให้เขาสนในด้านฟิสิกส์ เพราะชอบด้านคำนวณอยู่แล้ว ประทับใจอาจารย์ทุกคน
ส่วนคนเก่งของเราอีกราย คือ นายชนปทิน ไพบูลย์พลาย้อย หรือ "ไบร์ท" ที่ได้เหรียญเงินจากการแข่งขัน ตั้งข้อสังเกตว่า ในการแข่งขันครั้งนี้ประเด็นหลักที่ทำให้พลาดเหรียญทอง น่าจะเกิดจากความผิดพลาดจากตัวเราเอง ไม่ใช่เราไม่รู้หรืออะไร อย่างเช่นเขียนสูตรถูก แต่คำนวณผิด ทั้งๆ ที่เขียนสูตรถูก อาจเป็นเพราะความตื่นเต้น ถ้าเราลดการตื่นเต้นจากการสอบ สามารถทำคะแนนได้มากขึ้นบวกกับ การที่เจ้าภาพตรวจข้อสอบเข้ม ถ้าถูกก็เต็ม ถ้าแทนค่าผิดไปตัวหนึ่งก็หักไปครึ่งหนึ่ง ทำให้เป็นความผิดพลาดที่เสียหายมาก เราจึงเรียนรู้ว่าในการทำข้อสอบควรทำละเอียด ไม่ใช่ทำเสร็จๆ ไป ถ้าเป็นประเทศอื่นที่ไม่เข้มงวดมากก็อาจจะเปลี่ยนแผนการ ส่วนในจุดอ่อนของตัวเองคือตอนที่สอบภาคทฤษฎีเสร็จก็รู้ตัวทันทีว่าทำได้ไม่ค่อยดี ซึ่งจากคะแนนที่เราเห็น รู้ว่ามันไม่ดีจริงๆ แต่ในภาคปฏิบัติสามารถทำคะแนนจนได้รับเหรียญเงินได้ ไม่ถือว่ายาก แต่จากความผิดพลาดส่วนตัวก็ทำให้คะแนนลดลงไปเยอะ
“เกณฑ์การตรวจของเจ้าภาพค่อนข้างโหด ถ้าถูกก็จะได้คะแนนเยอะ ถ้าไม่ถูกก็จะหักคะแนน แม้ว่าวิธีทำหรือคอนเซ็ปท์จะถูกก็ตาม ประเทศที่เก่งเป็นตัวเต็งมาทุกปีคือประเทศจีน เพราะได้เหรียญทองทุกปี ครั้งนี้ได้ 5 เหรียญทอง อีกประเทศคือฮังการี คนที่ได้รองรางวัลรวมสูงสุดครั้งที่แล้วก็มาแข่งครั้งนี้ด้วย ทว่าเราทำของเราให้ดีที่สุด การจัดงานของเจ้าภาพสิงคโปร์ จัดได้ดีมาก อาจเป็นเพราะมีงบประมาณมาก ทั้งอาหาร สถานที่ดูยิ่งใหญ่ สถานที่มีความอลังการ นอกจากจะได้เหรียญรางวัลแล้วยังได้เพื่อนจากประเทศต่างๆ ทั้งอินเดีย จอร์แดน ปากีสถาน สิงคโปร์ ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ สร้างความสนิทสนม สร้างความสัมพันธ์ จนสามารถเผยแพร่วัฒนธรรมไทย อย่างเช่นไหว้ ชวนเขามาเที่ยวประเทศไทย เป็นอีกหน้าที่หนึ่งของผู้แทนประเทศไทยจะต้องเผยแพร่วัฒนธรรม”
ทั้งนี้ ไบรท์ เล่าด้วยว่าตอน ม.3 เริ่มเรียนเนื้อหาฟิสิกส์เป็นครั้งแรก อ.เศรษฐวุฒิ และ อ.พงศธร ที่อยู่ที่โรงเรียนสาธิต มศว.ปทุมวัน ทำให้เริ่มชอบทางด้านคำนวณ พอถึงมัธยมปลาย อาจารย์ในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เช่น อ.บัวแก้ว รัตนโกมุท อ.ปริศนา และยังมีอาจารย์วิทยาศาสตร์อื่นๆ คือ อ.สถาพร อ.ฝน อ.สมศักดิ์ อ.กฤช ทำให้เริ่มชอบวิชานี้มา จนมีแรงบันดาลใจให้มาถึงจุดนี้ และอาจารย์ในค่ายโอลิมปิกวิชาการที่มาจากมหาวิทยาลัยต่างๆ เช่น อ.ปิยะพงศ์ อ.วุฒิพันธ์ อ.สุวรรณ อ.พิเชษฐ์ อ.สุจินต์ และอ.สิรพัฒน์ ก็มีส่วนมากในการให้ความรู้
“หนังสือเล่มแรก ๆที่ทำให้ผมมาถึงจุดนี้ได้ คือ General Problem in Physics เป็นหนังสือที่เพื่อนนิยม เป็นหนังสือที่ดี โดยเทคนิคการเรียนฟิสิกส์ของผมต้องอ่านทฤษฎีให้เข้าใจก่อนแล้วมาทำโจทย์ ใช้เวลากับมันเท่าที่จะมากได้ ไม่ใช่คิดว่าทำไม่ได้ ทำแค่ 5 นาที แล้วเปิดเฉลย ต้องฝึกคิด ไม่ใช่ฝึกจำคำตอบ ต้องฝึกทำ แล้วคิดว่าทำไม่ได้จริงๆ แล้วจึงเปิดเฉลยดู แล้วดูอย่างละเอียดรอบคอบ ทำไมเราถึงทำไม่ได้ ผมเป็นคนที่ชอบวิชาท่องจำ และเป็นคนที่รักวิทยาศาสตร์คิดว่าวิชาฟิสิกส์เป็นวิชาที่เหมาะกับตัวเองที่สุด” ไบร์ทกล่าวและว่า ในด้านการศึกษาต่อ เขามีแผนจะไปเรียนต่อปริญญาตรีที่สหรัฐอเมริกาทุนของบริษัท ปตท. สผ. ในด้านวิศวกรรมปิโตรเลียม เพราะประเทศไทยเสียดุลการค้าทางด้านปิโตรเลียมสูง ก็คิดว่าจะนำความรู้มาพัฒนาในจุดนี้มากขึ้น
ฟิสิกส์เป็นวิทยาศาสตร์แขนงหนึ่งที่ศึกษาการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว ศึกษาองค์ประกอบของความสัมพันธ์ของสสารกับพลังงาน รวมทั้งเป็นความรู้พื้นฐานที่นำไปใช้ในการพัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับการผลิตและการใช้สิ่งต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่มนุษย์ นักฟิสิกส์ศึกษาธรรมชาติตั้งแต่สิ่งที่เล็กมาก เช่น อะตอม และอนุภาคย่อย ไปจนถึงสิ่งที่มีขนาดใหญ่มหาศาล เช่น จักรวาล ซึ่ง สสวท.ได้ต่อยอดให้ทุนเด็กเก่งเหล่านี้ไปร่ำเรียนต่อจนถึงปริญญาเอก เพื่อสร้างนักฟิสิกส์ชั้นนำให้ประเทศไทยได้กลับมาช่วยพัฒนาบ้านเมืองของเราต่อไป