ในแวดวงของคนทำสื่อต่างรู้ดีว่าปัจจัยที่จะทำให้วารสารหรือนิตยสารอยู่รอดก็คือ “โฆษณา” แต่ดูเหมือนว่าสื่อสิ่งพิมพ์ทางด้านวิทยาศาสตร์จะพบอุปสรรคที่ไม่ต่างกันเท่าใดนัก นั่นคือหาโฆษณาสนับสนุนได้ยาก จึงมีโจทย์ที่น่าสนใจว่า คนโฆษณาจะทำอย่างไรให้สินค้าประเภทนิตยสารวิทยาศาสตร์กลายเป็นที่สนใจของคนทั่วไป
เริ่มต้นที่คนโฆษณาซึ่งคร่ำหวอดในวงการมากว่า 20 ปีอย่าง วิทวัส ชัยปาณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ครีเอทีฟ จูช/จีวันให้ความเห็นว่านิตยสารวิทยาศาสตร์ให้ความรู้สึกที่เป็นวิชาการ ดังนั้นจึงมีกลุ่มเป้าหมายที่จำกัด หากจะให้นิตยสารวิทยาศาสตร์เป็นที่นิยมของคนทั่วไปนั้น ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการเล่าเรื่องให้ “รีแลกซ์” และจัดรูปเล่มให้ดูน่าอ่าน มีความบันเทิงในลักษณะที่สอดแทรกเกร็ดที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์
ส่วนการจะทำโฆษณาให้คนสนใจในนิตยสารวิทยาศาสตร์มากขึ้นนั้น วิทวัสเน้นว่าขึ้นอยู่กับตัวนิตยสารเอง ซึ่งต้องหาวิธีสร้างให้เป็นเรื่องใกล้ตัว และทำให้อ่านง่ายขึ้น และโดยส่วนตัวเองเขาเคยอ่านนิตยสารวิทยาศาสตร์มาบ้างเมื่อครั้งยังศึกษาอยู่ อย่างนิตยสารชัยพฤกษ์วิทยาศาสตร์ เด็กก้าวหน้า เป็นต้น
ทางด้าน ปารเมศร์ รัชไชยบุญ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย มองว่าวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องไกลตัว และคนไทยไม่ค่อยชอบเรื่องพวกนี้ และหลายคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องน่าเบื่อเกินไป ปัญหาที่ต้องมองคือวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับเราแค่ไหน เพราะวิทยาศาสตร์ดูเป็นเรื่องห่างไกลตัวเรา คนทั่วไปเมื่อพ้นวัยเรียนก็ไม่ได้สนใจแล้ว ดังนั้นการประยุกต์ต้องทำให้คนเห็นว่าวิทยาศาสตร์ไม่ใช่เรื่องไกลตัว
ส่วน ตรง ตันติเวชกุล ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ บริษัท วาย แอนด์ อาร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่านิตยสารวิทยาศาสตร์ก็เหมือนกับผลิตภัณฑ์ทั่วไป ที่ต้องมองหาตำแหน่งทางการตลาด (Position) ซึ่งหนังสือวิทยาศาสตร์อาจจะดูไม่ค่อยดึงดูดนัก อีกทั้งยังที่เนื้อหาที่ค่อนข้างแคบและไกลตัว ดังนั้นหากจะทำให้นิตยสารวิทยาศาสตร์เป็นที่สนใจของคนทั่วไป ต้องทำเนื้อหาที่ร่วมสมัย ทำให้ชาวบ้านเข้าใจง่ายๆ ซึ่ง “เทคโนโลยีชาวบ้าน” และ “หมอชาวบ้าน” เป็นตัวอย่างที่ดี และอาจจะต้องทำการกำหนดตำแหน่งทางการตลาดครั้งใหม่ (Repositioning) ส่วนการออกแบบรูปเล่มก็น่าจะเกี่ยว โดยทำควบคู่กันไป
“ขณะที่การทำโฆษณาอาจจะช่วยเรียกความสนใจได้ แต่ก็บอกได้แค่ว่าเป็นหนังสืออะไร เกี่ยวกับอะไร ซึ่งการทำหนังสือถ้าไม่เสนอเนื้อหาที่โดนใจ คนก็ไม่ซื้ออ่าน ต่างจากหนังสือประเภทข่าว หนังสือสุดสัปดาห์ ซึ่งไม่ต้องทำโฆษณาก็ขายได้ เพราะมีเนื้อหาที่เกี่ยวเนื่องกับคนทั่วไป และหากเรียงลำดับหนังสือที่คนจะให้ความสนใจแล้ว ข่าวจะมาอันหนึ่ง ตามมาด้วยเรื่องแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ ส่วนวิชาการจะตามมาเป็นอันดับท้ายๆ”