xs
xsm
sm
md
lg

"ภูมิยศ-ธนิษฐ์" ถอดรหัส “อัจฉริยะข้ามคืน” เก่งอย่างเดียวไม่พอต้องมี "ไหวพริบ"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แจกล้านกันไปแล้ว 2 คืนกับรายการใหม่กล่อง “อัจฉริยะข้ามคืน” ของ “เสี่ยตา” ซึ่งหลายคนได้ทึ่งในการชิงไหวชิงพริบของผู้เข้าแข่งขัน 8 คนที่มีความโดดเด่นในหลากหลายสาขา และที่น่าชื่นใจคือเยาวชนที่มีความโดดเด่นในสายวิทยาศาสตร์ก็ได้แสดงความฉลาดในรายการนี้ด้วย แต่ความรู้ของพวกเขานั้นจะทำให้ได้เปรียบในการแข่งขันแค่ไหน

“อัจฉริยะข้ามคืน” เป็นรายการเรียลลิตี้เกมโชว์ ของค่ายเวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ โดยถ่ายทอดทุกคืนวันจันทร์ เวลา 22.30 น. ทางช่อง 3 และมี ปัญญา นิรันดร์กุล เป็นพิธีกรในห้องส่งที่รอถามปัญหาลุ้นล้านกับผู้เข้าแข่งขันในรอบสุดท้าย ขณะที่ อี้-แทนคุณ จิตต์อิสระ รับบทพิธีกรภาคสนาม และพาผู้เข้าแข่งขันที่ได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะในด้านต่างๆ ไปวัด “กึ๋น” กันในสถานที่ซึ่งจะเปลี่ยนไปทุกสัปดาห์

สำหรับสนามประลองของเทปที่ 2 ซึ่งออกอากาศไปเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา (10 ก.ค.) อยู่ที่ “พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ คลอง 5 ปทุมธานี” ซึ่ง ภูมิยศ วิมลกิตติวัฒน์ ผู้ทำคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยเป็นอันดับ 1 ของประเทศปี 2547 ปัจจุบันเป็นนิสิตชั้นปีที่ 3 คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยอมรับว่าในเรื่องสถานที่เขาค่อนข้างได้เปรียบ เพราะเขาเคยเข้าค่ายในพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์มาก่อน แต่การที่เขาได้ครองตำแหน่ง “อัจริยะข้ามคืน” และคว้าเงินล้านมาได้นั้น เขาเชื่อว่าส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับคู่ที่ร่วมเล่นเกมด้วย

คิดว่าเพราะดวงด้วยครับ เพราะว่าแล้วแต่ว่าคู่เราจะเข้าทางเราหรือเปล่า หรือเข้ากับสถานการณ์อย่างนั้นหรือเปล่า ถ้าเกิดคู่บางคนที่ค่อนข้างหัวแข็งก็คุยกันยาก แต่ผมโชคดีที่เข้าล็อก 2 ครั้งเลย ตอนแรกได้คู่กับพี่โจ (เทวัญ สุทธศีล แชมป์สแครปเบิ้ล เจ้าของสถิติอันดับ 1 ตลอดกาล) ในภารกิจแรกสบายมาก ได้อาศัยบุญบารมีของพี่โจ ส่งสัญญาณ พี่โจความคิดเร็วมาก ตอนนั้นผมยังคิดไม่ทัน พี่เขาบอกเชื่อพี่น้อง” ภูมิยศอธิบายว่าเมื่อได้คู่แล้วจะถูกจับแยกออกจากกันทันทีโดยไม่ทันได้ตกลงอะไรกันทั้งสิ้น ทำได้แค่ “สบตา” เท่านั้น และไม่ทราบว่าคือภารกิจอะไร ซึ่งจะทราบอีกทีตอนแข่งขัน

สำหรับภารกิจที่ 2 คือภารกิจปล่อยไข่ที่ความสูง 40 ฟุตโดยไม่ให้แตก ภูมิยศกล่าวว่าเขาได้ประโยชน์จากอุปกรณ์ของคู่ตัวเองค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ได้จากการตอบคำถามชิงของ โดยที่เขาไม่ทราบว่าทีมงานจะให้เอาทำอะไร และเขาได้เลือกลวดกับกระจก เนื่องจากคาดหวังว่าจะได้ใช้ประโยชน์ได้เยอะ แต่ก็ไม่ได้ใช้อะไร และได้ใช้ของจาก “เทพธิดาพยากรณ์” หรือ อุมาวดี ศิริอักษร ซึ่งเป็นคู่ในภารกิจนี้ และกลายมาเป็นผู้ร่วมชิงเงินล้านร่วมกับเขา ทั้งนี้เขาบอกว่าเทพธิดาพยากรณ์เองก็ไม่สามารถรู้คำตอบล่วงหน้า เพราะเธอต้องใช้ไพ่ยิปซีในการทำนาย

ส่วนที่ภูมิยศเข้ามาแข่งขันในรายการได้อย่างไรนั้น เขาเล่าว่าทางทีมงานของรายการติดต่อเข้ามา โดยอธิบายว่าเป็นรายการใหม่ ซึ่งต้องการคนหลากหลายด้านที่มีความอัจฉริยะหรือโดดเด่นอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งตอนแรกเขาก็งงๆ แต่เมื่อทีมงานบอกว่าได้อัดเทปไปก่อนหน้านี้แล้ว เขาจึงตกลงเล่นเกมด้วยคิดว่าไม่มีอะไรเสีย เพราะเห็นว่ามีคนไปแข่งก่อนหน้า พร้อมกล่าวอย่างติดตลกว่ารุ่นพี่ที่แข่งโอลิมปิกวิชาการก็รอดชีวิตกลับมา เขาเองก็คงทำได้

“เขาโฆษณาประมาณว่าแฟนพันธุ์แท้นอกสถานที่ เขาจะเป็นคนให้ความรู้ มีเอกสารให้อ่าน ผมคิดว่ายังไงก็เริ่มต้นที่ศูนย์ทุกคน จะกลัวอะไร เอกสารเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์ เกี่ยวกับประวัตินักวิทยาศาสตร์ มีแนะนำสถานที่ ถึงคราวต้องแก้ปัญหา ถ้ามีอะไรนิดนึงแวบเข้ามา ถ้าใช้ได้ก็เอาเลย เพราะว่าก็คงไม่มีเวลามากในการตัดสินใจ ตามคอนเซ็ปต์รายการ คือ ใช้ไหวพริบ เพราะคงไม่มีเวลาได้คิดอะไร เนื่องจากเขาให้เวลานิดเดียว”

ทั้งนี้ภูมิยศให้ความเห็นว่า “อัจฉริยะ” คือคนที่สามารถนำความรู้ที่มีอยู่ในตัวเองมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์นั้นๆ และทุกคนก็สามารถมาแข่งขันรายการนี้ได้ เพราะจริงๆ แล้วทุกคนก็อัจฉริยะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าจะไปเจอกับสถานการณ์อะไร และหากมีการเปลี่ยนแปลงการแข่งขัน เขาก็อาจจะเป็นคนแรกที่ตกรอบได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับจังหวะ และสถานการณ์ตรงนั้น ทุกคนมีโอกาสตกรอบเท่ากัน

“แววอัจฉริยะแต่ละคนที่เห็น บางคนก็แบบ...คิดได้ไง ตอนส่งสัญญาณครั้งแรกก็ทึ่งพี่โจมาก เขาใช้วิธีเคาะ บางทีคนชอบคิดว่าอัจฉริยะต้องทำอะไรยากๆ ยิ่งเขาให้ของเยอะยิ่งคิดซับซ้อน แต่มีวิธีที่ง่ายๆ แทบไม่ต้องใช้อะไรเลย สิ่งง่ายๆ ที่ทุกคนมองข้ามไป ภารกิจที่ 2 ผมก็เกือบไม่รอด แต่พี่รุ่ง (หนูหิ่น-รุ้งลาวัลย์ โทนะหงษา) -พี่เล็ก หนองปรือ (สุมาศ เมืองยศ แชมป์วิ่งควาย) เนียนมาก ใช้ร่มปล่อยไข่...คิดได้ไง ตอนนั้นถ้าผมมีของเหมือนเขา ผมก็อาจคิดไม่ได้อย่างนี้” ภูมิยศกล่าว

ส่วนเด็กเก่งอีกคนที่ได้เข้าชิงแชมป์อัจฉริยะข้ามคืนในเทปแรก ธนิษฐ์ ปราณีนรารัตน์ ผู้ได้รับเหรียญทองจากการแข่งขันโอลิมปิกวิชาการ สาขาเคมี และปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำให้หลายคน “ทึ่ง” ไปกับการส่งสัญญาณบอกรหัสโดยใช้อวัยวะภายในร่างกาย ในการแข่งขันบนเรือหลวงจักรีนฤเบศร์ ทั้งนี้เขากล่าวว่าเป็นความคิดของเพื่อนร่วมทีม

“ใช้ทริกอะไรในการส่งสัญญาณ อันนี้เป็นคำถามยอดฮิต ผมโดนถาม 20 กว่ารอบ จริงๆ คือ ไล่ตามร่างกาย ศีรษะคือ 1 ซ้ายคือ 2 ขวาคือ 3 ไล่ลงมาเรื่อยๆ ถ้าเป็นศูนย์ก็นั่งลง ซึ่งต้องยกเครดิตให้เพื่อนอีกคน เพราะเขาเป็นคนบอกผม แต่เราก็ยกเครดิตให้ตัวเองเหมือนกันว่า ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะไม่เข้าใจก็ได้ แต่ผมยกเครดิตให้เขาเพราะเป็นคนที่ทำให้ผมเข้ารอบลึก เขาบอกผมมาแล้วผมก็ฟัง และมันเป็นลอจิก (ตรรกะ) เป็นเหตุเป็นผล เพราะถ้าเขาบอกศีรษะ 1 แล้วไปยกขาซ้าย 2 ผมก็รับไม่ได้หรอก”

อย่างไรก็ดี ธนิษฐ์ กล่าวว่าการที่เขากับคู่แอบส่งสัญญาณกันนั้น จริงๆ ไม่ถูก แต่ก็เป็นความผิดพลาดของทีมงานที่ปล่อยให้พวกเขามีโอกาสตกลงกัน และก็ต้องปล่อยให้เกมเดินหน้าต่อไป และทางทีมงานก็เรียกไปคุยเพื่อจะได้ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องให้เครดิตพวกเขาด้วย เพราะพวกเขาสามารถตกลงกันได้เร็ว ซึ่งนับว่าเป็นอัจฉริยะส่วนหนึ่งเช่นกัน

ขณะเดียวกันก็ได้ให้ความเห็นว่าเทปที่ 2 ก็มีจุดพลาด ในส่วนของการส่งสัญญาณ ซึ่งจะเห็นว่าระยะสั้นกว่าเทปแรกมากและสว่างกว่า แต่เสียตรงที่มีราวซึ่งทำให้ผู้แข่งขันใช้วิธีเคาะ และถ้าทุกคนเคาะกันหมดจะทำให้เกมไม่สนุก แต่เนื่องจากยังเป็นเทปแรกๆ ทีมงานก็ต้องแก้ปัญหาไปเรื่อยๆ

สำหรับข้อมูลที่ได้รับมานั้น ธนิษฐ์กล่าวว่าได้รับข้อมูลจากทีมงานเยอะมาก เป็นเอกสาร 3 เล่ม และมีเล่มหนึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับกฎบนเรือหลวงฯ ซึ่งเขาคิดว่าทางทีมงานเอามาทำให้ผู้เข้าแข่งขันป่วนเล่น แต่เขาก็อ่านระหว่างรอบันทึกรายการและเล่นเกม เนื่องจากต้องใช้เวลารอการจัดแสง-จัดฉากค่อนข้างนาน ซึ่งเขาใช้เวลาเล่นเกมทั้งหมด 38 ชั่วโมงโดยได้นอนช่วงสั้นๆ ขณะเดินทางเข้าห้องอัดในการแข่งขันรอบสุดท้าย

ส่วนกรณีที่ผู้ร่วมชิงเงินล้านในรอบสุดท้ายคือ นาวาอากาศโทระวิน ถนอมสิงห์ ผู้บังคับฝูงบินเอฟ 16 นั้นจะได้เปรียบหรือไม่ ฐนิษฐ์กล่าวว่าทีมงานอาจจะลืมไป เนื่องจากต้องการให้เทปแรกเปิดตัวมาดี จึงเลือกสถานที่เป็นเรือหลวงจักรีนฤเบศร์ ซึ่งมีความยิ่งใหญ่ แต่อาจจะลืมคิดไปว่านักบินจะได้เปรียบ

อันนี้วิจารณ์ตรงๆ ถ้าพูดถึงเรื่องเก่ง พี่เขาเก่งอยู่แล้วล่ะ คนที่เรียนนายเรือ นายร้อย เขาต้องเก่งเพราะว่าเขาสอบเข้าฟิสิกส์ เคมี ชีวะ เหมือนเด็กทั่วไป แต่เขาต้องทดสอบสมรรถภาพร่างกายด้วย คนที่เก่งทั้งบู๊ ทั้งบุ๋น เขาเก่งอยู่แล้วเพราะได้ทั้ง 2 ด้าน แต่ว่าในกรณีนี้ทำให้เขาสู้กับคนอื่นได้ไม่เต็มที่ ถามว่าสิ่งที่รู้อยู่แล้วอย่างเปิดกล่องแล้วตอบยศ ก็เหมือนรู้ว่ากินข้าวต้องใช้ช้อน ไม่ได้ใช้ความเป็นอัจฉริยะ

“แต่เทปที่สอง โอเค น้องภูมิยศเขาเด็กวิทย์จริง แต่ถามเรื่องประวัติว่าใครประดิษฐ์อะไร เมื่อไหร่ เป็นประวัติศาสตร์ ไม่ถือว่าได้เปรียบ แล้วทุกคนต้องไปหาข้อมูล อย่างนี้ยุติธรรม เป็นพัฒนาการของเกม ผมว่าเขารู้ เพราะต้องมีคนวิพากษ์วิจารณ์ เขารู้เขาก็ต้องปรับปรุง ยิ่งคำถามสุดท้ายยิ่งปรับปรุงเห็นได้ชัดเลย เพราะบอกว่า อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ใครก็รู้จัก แต่เพราะรู้จักดีนั่นแหละ ถามได้ตั้งหลายอย่าง ถามว่าระเบิด 2 ลูกชื่ออะไรก็ได้ 'จินตนาการสำคัญกว่าความรู้' ก็เอามาถามก็ได้ อย่างนี้ถึงจะถูก เป็นคำถามที่ดี ไปได้หลายอย่าง คำถามก็ดีขึ้นด้วย”

“เทียบเทปแรกกับเทปที่สอง ประโยคเท่ากัน จำนวนคำเท่ากัน เทปที่สองยังไม่มีคำว่าไอน์สไตน์ออกมาเลยนะ ในขณะที่เทปแรก 'นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีเพลง...' มันจบแล้ว คนดูชอบคิดว่าเขา 'เตี๊ยม' แต่ผมคิดว่าเขาตอบได้จริง เพราะเขารู้อยู่แล้วแหละ มันไม่ยาก พอบอกว่าเพลง ในข้อมูลก็มีเพลงอยู่ 2 เพลงจริงๆ ซึ่งมีโอกาสถูก 50:50 แคบไปนิดหนึ่ง มันพลิกไม่ได้ ตอนไปแข่ง ผมไม่รู้จักหรอก เพลงดอกประดู่ แต่เขาเป็นทหาร เขาต้องรู้”

“อย่างไรก็ตามเขาสมควรได้เพราะว่าสิ่งที่เขาตอบคือเขาเสี่ยง ผิดพลาดไม่ได้ ถ้าเสี่ยงแล้วไม่ได้ก็ให้ล้านผมไปเลย แต่ผมไม่เลือกที่จะเสี่ยง ผมชอบการแข่งขันเพราะผมชอบบรรยากาศของ 'สปิริต' การที่ทุกคนทำเต็มที่ แล้วมีผู้ชนะเป็นช่วงเวลาที่งดงามที่สุด ทุกคนมาอย่างขาวสะอาด ต่างคนต่างทำอย่างเต็มที่เลยแล้วมีคนชนะ ถ้าผมแพ้ ผมไม่เสียใจ ซึ่งกรณีนี้เป็นอย่างนี้จริงๆ เขาเสี่ยง เขาสมควรได้

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-เคทีซีจับมือเวิร์คพอยท์ เปิดตัวรายการ “อัจฉริยะข้ามคืน” เรียลลิตี้ ควิซ โชว์
-เครื่องมือสื่อสารการตลาดใหม่…สไตล์เรียลิตี้โชว์
กำลังโหลดความคิดเห็น