xs
xsm
sm
md
lg

สมาคมนิวเคลียร์ฯ ชี้ไทยจำเป็นต้องมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ภายใน 30 ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อุปนายกสมาคมวิทยาศาสตร์ฯ ชี้ประเทศไทยต้องมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เป็นของตัวเองอย่างช้าภายใน 30 ปีต่อจากนี้ ระบุอีก 15 ปี ก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยจะถูกใช้จนหมด แนะรัฐบาลต้องออกนโยบายที่มีความชัดเจนและแน่นอน พร้อมให้ความรู้แก่ประชาชนได้เห็นคุณ-โทษ รวมถึงการสร้างความพร้อมแก่โครงการฯ เตรียมรับมือหากได้ฤกษ์สร้างจริง

ภาควิชานิวเคลียร์เทคโนโลยี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดการอบรมความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขึ้นเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมี ผศ.ปรีชา การสุทธิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของคณะอนุกรรมการความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์และอุปนายกสมาคมนิวเคลียร์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงความจำเป็นของประเทศไทยในการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เพื่อเป็นแหล่งพลังงานในอนาคตอันใกล้นี้ว่า เป็นเรื่องที่สมควรต้องทำและไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ โดยเฉพาะในอีก 20-30 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้ เนื่องจากแหล่งพลังงานที่ประเทศไทยมีอยู่คือก๊าซธรรมชาติจะถูกใช้หมดไปภายใน 15 ปีต่อจากนี้ และจะเหลือทางเลือกด้านพลังงานเพียงถ่านหินและพลังงานนิวเคลียร์เท่านั้น ซึ่งโลกของเรายังมีถ่านหินเหลือพอใช้ได้อีกกว่า 200 ปี ขณะที่มีธาตุยูเรเนียมที่ใช้ในปฏิกิริยานิวเคลียร์กระจายอยู่บนพื้นดินและในน้ำทะเลทั่วโลก เพียงพอต่อการนำไปใช้ได้นานนับร้อยๆ ปี และจะไม่มีความผันผวนด้านราคาเหมือนกับที่เกิดขึ้นกับเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างน้ำมัน

อย่างไรก็ตาม ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ยังมีปัจจัยสำคัญที่เกี่ยวข้องอยู่หลายประการคือ ความต้องการใช้พลังงานจากนิวเคลียร์ ซึ่งประเทศไทยมีความต้องการใช้พลังงานนิวเคลียร์แล้ว ส่วนในด้านการลงทุนก็อาจเป็นการดำเนินการโดยภาคเอกชนทั้งหมด โดยไม่จำเป็นต้องให้ภาครัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนของเม็ดเงินลงทุนและวิทยาการความรู้ เพราะภาคเอกชนจะมีความสามารถในดำเนินการมากกว่า ดังนั้นภาครัฐจึงมีเพียงหน้าที่ออกกฎหมายควบคุมการใช้งานแก่ภาคเอกชน โดยมีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) จัดทำกฎหมายดังกล่าวอยู่เพื่อให้ครอบคลุมเรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในลักษณะที่เหมาะสมกับประเทศไทยต่อไป

ไม่เพียงเท่านั้น การสร้างความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ก็มีความจำเป็นเช่นกัน อาทิ การผลิตชิ้นส่วนและวัสดุอุปกรณ์บางอย่างในประเทศเอง ขณะเดียวกันก็มีบางส่วนที่ต้องซื้อจากประเทศอื่นๆ เช่น ธาตุยูเรเนียม ซึ่งไทยผลิตเองไม่ได้ นอกจากนี้ยังรวมถึงการพัฒนาบุคลากรที่ต้องทำไว้แต่เนิ่นๆ และการกำหนดสถานที่ก่อสร้างซึ่งประเทศไทยมีพื้นที่ติดทะเลมาก ทำให้หากมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จริงก็จะง่ายต่อการระบายความร้อนด้วยน้ำทะเล ไม่จำเป็นต้องสร้างปล่องระบายไอน้ำร้อนเหมือนในกรณีที่มีพื้นที่ไม่ติดกับแหล่งน้ำ อีกทั้งเชื่อว่า การก่อสร้างจะใช้พื้นที่ไม่มากนักเหมือนดังที่เคยมีผู้กล่าวไว้ว่า การก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อาจต้องใช้พื้นที่มากเทียบได้กับสนามบินสุวรรณภูมิเลยทีเดียว

ส่วนปัจจัยเรื่องเทคโนโลยีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ผศ.ปรีชา ได้ยกตัวอย่างประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีว่า ทั้ง 2 ประเทศนี้ต่างเคยซื้อวิทยาการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จากสหรัฐอเมริกาเพื่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรกของประเทศมาก่อน ทว่า จากนั้นก็ได้ศึกษาจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่มีอยู่เพื่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งใหม่ด้วยตัวเอง ซึ่งประเทศไทยก็สามารถใช้วิธีดังกล่าวได้

อย่างไรก็ดี การประชาสัมพันธ์โครงการฯ ให้ความรู้ และชี้คุณชี้โทษของการมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ให้สาธารณชนได้รับทราบก็เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก พร้อมทั้งจัดให้การทำประชาพิจารณ์ฟังเสียงประชาชน เพราะหากไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชนแล้วก็ย่อมทำให้โครงการสำเร็จลุล่วงไปไม่ได้ โดยสมาคมนิวเคลียร์ฯ เองก็เป็นกลุ่มอาสาสมัครที่จัดตั้งขึ้นเพื่อให้ความรู้ทางวิชาการด้านนิวเคลียร์แก่สาธารณชนโดยเฉพาะ และอาจมีสมาชิกบางคนอยู่ร่วมในคณะกรรมการออกกฏหมายโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ด้วย ทว่า ทางสมาคมฯ ก็ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการผลักดันนโยบายแต่อย่างใด

ส่วนปัจจัยประการสุดท้ายที่ดูจะเป็นตัวกำหนดว่าจะมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศไทยหรือไม่ คือ การกำหนดนโยบายของภาครัฐ ซึ่งจะต้องมีความชัดเจน แน่นอน และไม่มีการเปลี่ยนแปลงกลางคัน ที่สำคัญคือต้องดำเนินการอย่างจริงจัง จากในอดีตที่มักมีการหยิบยกมาพูดคุยกันเป็นระยะๆ แต่ก็ไร้ผล เพราะขาดนโยบายภาครัฐที่ชัดเจนหรือบางทีรัฐบาลก็มีนโยบายไม่เห็นด้วยกับการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์

ทั้งนี้  สำหรับโอกาสที่ประเทศไทยจะมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หรือไม่อย่างไรนั้น ผศ.ปรีชา ยืนยันว่าคงต้องขึ้นกับรัฐบาลเพียงผู้เดียว ซึ่งหากมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศไทยจริง ก็เชื่อว่าน่าจะมีความปลอดภัยมาก โดยในการก่อสร้างครั้งแรกนี้ ประเทศไทยจะยังคงต้องนำเข้าวิทยาการจากต่างชาติมาใช้ก่อนซึ่งจะยึดถือมาตรฐานสากลที่ให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยอย่างมากในทุกๆ ขั้นตอน จึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุน้อยมาก ส่วนที่มีการนำกรณีของศูนย์วิจัยนิวเคลียร์ อ.องครักษ์ จ.นครนายก ซึ่งมีปัญหาอยู่มาเปรียบเทียบนั้น คิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันเพราะเป็นคนละเรื่องกัน โดยได้มีมติแล้วว่าให้ทางศูนย์วิจัยนิวเคลียร์ฯ มีหน้าที่ด้านการวิจัยนิวเคลียร์เพื่อประโยชน์ด้านการเกษตร การแพทย์ และอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ แต่จะไม่เกี่ยวข้องกับการผลิตไฟฟ้าแต่อย่างใด

สำหรับการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์โดยทั่วไปจะมีระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 10 ปี โดยโรงไฟฟ้านิวเคลียร์กำลังการผลิตไฟฟ้า 1,000 เมกกะวัตต์ จะมีมูลค่าการก่อสร้างประมาณ 5-6 หมื่นล้านบาท เมื่อเดินเครื่องแล้วจะสามารถคืนทุนได้ในเวลาประมาณ 10 ปี โรงไฟฟ้านิวเคลียร์โรงหนึ่งจะมีอายุการใช้งาน 40 ปี

ปัจจุบันมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อยู่ทั่วโลก 443 แห่ง ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ราว 370,000 เมกกะวัตต์ และกำลังมีโครงการก่อสร้างใหม่อีก 27 แห่งทั่วโลก รวมกำลังการผลิตอีกกว่า 22,000 เมกกะวัตต์ โดยพลังงานนิวเคลียร์ถูกนำมาใช้เป็นพลังงานในอัตราส่วน 17% ของปริมาณความต้องการพลังงานทั่วโลก


กำลังโหลดความคิดเห็น