นักเรียนชั้น ป.6 เจ้าของเหรียญทองคณิตศาสตร์ของ สสวท. เผยเทคนิคเรียนเลข “อยากเก่งต้องช่างสงสัย” ชี้เป็นการจุดประกายความคิด ถ้าคิดโจทย์ไม่ออกให้คิดต่อเรื่อยๆ เพราะเป็นเรื่องดีที่ได้ใช้ความคิด พร้อมแนะเรียนให้ชอบ เรียนให้เข้าใจ และเรียนให้สงสัย
ด.ช.ภควุฒิ จิรดิลก หรือ “น้องโปร” ซึ่งเป็นนักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนอัสสัมชัญ แผนกประถม กรุงเทพมหานคร และเป็นเจ้าของเหรียญทอง วิชาคณิตศาสตร์ ในโครงการพัฒนาอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ของสถาบันส่งเสริมการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) 4 ปีซ้อน เผยเคล็ดลับการเรียนว่าต้องเรียนให้เข้าใจและต้องช่างสงสัยด้วย
“การที่เราสงสัยอะไรมากๆ และไปถามคนอื่น คนอื่นอาจคิดว่าเราโง่ เราไม่ตั้งใจเรียน แต่สำหรับตัวผมเองแล้ว ผมคิดว่าการที่ไม่สงสัยเลยจะเก่งน้อยกว่า เพราะว่าการสงสัยเป็นเรื่องดี เป็นการจุดประกายความคิดที่จะคิดต่อว่าทำเป็นอย่างนี้ แล้วจะเป็นอย่างไร คิดต่อไปเรื่อยๆ โจทย์บางข้อเราคิดไม่ออก นั่นคือเรื่องดี เพราะว่าเราจะได้ใช้ความคิดของเราแก้ไปเรื่อย ๆ จนคิดออก เด็กส่วนใหญ่เมื่อคิดไม่ออกก็ถาม พอได้คำตอบไปก็จบแค่นั้น ที่ถูกคือเราต้องคิดต่อไปเรื่อยๆ”
“ถ้าคิดไม่ออกจริงๆ ก็ให้เก็บไว้ แล้วรอเรามีความรู้มากขึ้น ลองกลับมาแก้โจทย์ดูแล้วแก้ให้ออก โดยการเราต้องมองโจทย์ออกว่า มันติดตรงไหน ทำไมถึงคิดไม่ออก เมื่อทราบแล้ว ก็ไปหาความรู้เรื่องนั้น มาแก้โจทย์จนออก หรือถ้าไม่คิดจะทำ ก็นำเฉลยมาดูหรือไปถามผู้ปกครอง ครู อาจารย์ แล้วศึกษาวิธีทำให้เข้าใจ และ ต้องนำโจทย์ข้อนั้นมาดัดแปลง แล้วลองทำใหม่ดูด้วยครับ”
น้องโปรบอกว่าจริงๆ แล้วชอบเรียนทุกวิชา แต่ที่ชอบวิชาคณิตศาสตร์มากกว่าวิชาอื่นเพราะเป็นวิชาที่มีเหตุผลมีหลักการ ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ และมีข้อสังเกตว่าทุกครั้งที่เรียนวิชาคณิตศาสตร์ ผู้ที่มีใจรักวิชานี้ จะเกิดข้อสงสัยอยู่เสมอ การเรียนแต่ละครั้ง จะช่วยจุดประกายความคิดใหม่ๆที่ไม่เคยคิดมาก่อน ซึ่งเวลาว่างหลังจากเรียนเสร็จ ก็จะต้องไปหาความรู้เพิ่มเติม หรือ คิดต่อในส่วนที่ไม่เข้าใจ
“ตอนที่ผมเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 คุณครูได้สังเกตจากคะแนนปลายปีว่า ผมมีความสามารถในวิชานี้ พอมาถึงในชั้น ป.3 โรงเรียนก็ได้คัดให้ผมไปสอบโครงการพัฒนาอัจฉริยภาพ ฯ จึงตั้งใจอ่านหนังสือหาความรู้เพิ่มเติมในส่วนที่สงสัย และสอบได้เหรียญทอง 4 ปีติดต่อกัน”
นอกจากความเก่งกาจในการคำนวณแล้ว น้องโปรยังมีความสามารถในการเล่นหมากรุกจีนและพูดภาษาจีนด้วย น้องโปรมีพี่น้อง 4 คน โดยตัวเองเป็นคนที่ 4 แต่ละคนชอบต่างกัน จึงถนัดต่างกัน พี่คนโตถนัดทางภาษา ส่วนโปรถนัดคณิตศาสตร์ พี่คนอื่นก็ถนัดคนละอย่าง จึงช่วยมีการติวการบ้านให้กัน
เวลาว่างน้องโปรจะชอบอ่านหนังสือหาความรู้เพิ่มเติม และเล่นหมากรุกจีน โดยให้ความเห็นว่าการเล่นหมากรุกจีนนี้เพียงแค่เราดูออกว่าหมากตัวไหนคืออะไร มีหน้าที่อะไร ก็เล่นได้แล้ว พร้อมทั้งอธิบายว่าการเล่นหมากรุกจีน เป็นการฝึกเชาว์ปัญญาที่มีเคล็ดลับไม่กี่วิธีเท่านั้นที่จะทำให้เราชนะคู่ต่อสู้ได้ ซึ่งหมากทุกตัวจะมีความสัมพันธ์กันมากมาย โดยที่เราต้องมองความสัมพันธ์เหล่านั้นออก เช่นถ้าเราเดินตัวหมากตัวนี้จะมีผลกระทบต่อตัวหมากตัวใดบ้าง และมีผลกระทบต่อเกมเท่าใด ซึ่งเป็นการฝึกการคิดที่พลิกแพลงไปในตัว
ส่วนหนังสือที่น้องโปรสนใจอ่านจะเป็นหนังสือในแนวให้ความรู้เสียเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้ได้ฝากท้วงติงไปถึงผู้ปกครองของเพื่อนคนอื่นๆ ว่า ผู้ปกครองส่วนใหญ่จะคิดว่าถ้าอ่านหนังสือมากมากจะทำให้เก่งขึ้น จริงๆแล้ว การที่อ่านหนังสือแล้วจะเก่งหรือมีความรู้มากขึ้นได้ ต้องขึ้นอยู่กับความชอบของเด็กด้วย เพราะว่าถ้าเด็กไม่ชอบอ่านหนังสือเล่มนั้นแล้ว เขาก็ไม่สนใจที่จะท่องจำ การที่เด็กอ่านแล้วไม่ชอบแล้วก็ไม่อ่านนั้น ไม่ใช่ว่าเขาดื้อหรือขี้เกียจ แต่เป็นเพราะว่าเขาไม่ชอบ
“ที่ผมชอบอ่านหนังสือนั้นคือผมสนใจหนังสือทางคณิตศาสตร์ ผมจะสนใจเป็นพิเศษ แต่ถ้าผมถูกบังคับให้อ่านหนังสือที่ไม่ชอบ ผมก็จะอ่านเท่าที่จำเป็นและจำได้เท่านั้น”
เมื่อถามถึงเป้าหมายในอนาคต น้องโปรคิดว่าน่าจะ เป็นนักวิทยาศาสตร์ แต่ยังไม่เน้นสาขาใดเป็นพิเศษ พร้อมกับทิ้งท้ายว่า อยากให้เพื่อนๆ สนใจไปในทางวิชาที่ชอบ ถ้าใครไม่ชอบคณิตศาสตร์ ก็ไม่ต้องมาเน้นวิชานี้ แต่ถ้าใครชอบก็ให้ตั้งใจเรียน โดยเรียนให้ชอบ เรียนให้เข้าใจ เรียนให้สงสัย และไม่หยุดแค่นั้น เรียน ให้ได้ความรู้ และเรียนให้เป็นคนดี และเราต้องสนุกกับวิชาที่เรียนให้ได้ จึงจะเป็นจุดกำเนิดของความเก่ง