วันนี้ ก่อนที่จะถึงเวลาเลิกงาน ลองหลับตาลงสักเล็กน้อย จินตนาการถึงอาหารจานร้อนที่รอเราอยู่บนโต๊ะอาหารที่บ้านเพื่อรอให้เรากลับไปลิ้มลอง ซึ่งแน่นอนว่าหนึ่งในอาหารจานโปรดที่ยั่วน้ำลายเราอยู่นั้นจะต้องมี “ต้มยำกุ้ง” รวมอยู่ด้วย อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะเราได้กลับไปลิ้มลองเมนูเด็ดนี้จริงๆ เราลองว่าดูข้อมูลความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงกุ้งที่กว่าจะมาเรียงรายในจานหรูเพื่อรองสมองกันเสียสักหน่อย
รศ.ดร.สาวิตรี ลิ่มทอง ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นักวิจัยจากโครงการพัฒนาการผลิตสารเบต้า-กลูแคน (Beta-glucan) จากผนังด้านในเซลล์ยีสต์เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันของกุ้งกุลาดำ เล่าว่า แต่เดิม การเลี้ยงกุ้งกุลาดำ ผู้เลี้ยงจำเป็นต้องผสมอาหารกุ้งด้วยสารเบต้า-กลูแคนก่อน เพื่อช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของกุ้งไม่ให้ป่วยหรือตายได้ง่ายนัก
ที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องนำเข้าสารเบต้า-กลูแคน จากออสเตรเลียในราคาที่แพงมากๆ เพื่อใช้ทดแทนยาปฏิชีวนะที่จะทำให้มีสารพิษตกค้างในเนื้อกุ้ง ขณะที่จริงๆ แล้ว เราสามารถสกัดสารเบต้า-กลูแคนจำนวนมากๆ ได้เองจากยีสต์ชนิดที่ใช้ทำสุราและขนมปัง ทำให้ทางคณะวิจัยริเริ่มทำโครงการดังกล่าวขึ้นเพื่อทดแทนการนำเข้า โดยได้รับการสนับสนุนงบการวิจัยจากแผนงานวิจัยแบบบูรณาการทางด้านยาและเคมีภัณฑ์ ประจำปี พ.ศ. 2548 สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
สำหรับสารเบต้า-กลูแคน เป็นสารประกอบที่พบได้ในธรรมชาติ ในธัญพืช เช่น ข้าวโอ๊ต ข้าวบาเลย์ และในจุลินทรีย์ พบในยีสต์ แบคทีเรีย สาหร่าย และเห็ด มีประโยชน์ใช้ทำอาหารเสริมในสัตว์และมนุษย์ มีคุณสมบัติกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อการเกิดโรคจากไวรัส รา แบคทีเรีย และปรสิต ช่วยยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเซลล์มะเร็ง หักล้างความเป็นพิษจากแบคทีเรีย ป้องกันรังสีอัตราไวโอเลต และส่งเสริมการซ่อมแซมเซลล์ผิวเก่า โดยยังอาจช่วยลดไขมันได้ด้วย
ทั้งนี้ ในการวิจัย ทางคณะวิจัยได้อาศัยอุปกรณ์ที่มีอยู่ในประเทศ มาประยุกต์และปรุงแต่งเสียใหม่ให้สอดคล้องกับการใช้งาน เช่น ถังหมักยีสต์ ที่ประยุกต์มาจากถังพลาสติกขนาดใหญ่ หรือถัง 100 ลิตร ที่เราพบเห็นกันทั่วไป ซึ่งเมื่อดัดแปลงเพียงเล็กน้อย ก็จะนำมาใช้แทนถังหมักระบบอากาศแบบลอยตัวที่มีราคาแพงได้แล้ว
ด้านการเพาะเชื้อยีสต์เพื่อใช้เป็นประหนึ่งโรงงานเพาะสารเบต้า-กลูแคนนั้น พบว่าสามารถผลิตและควบคุมได้ง่าย ใช้เวลาเพียง 3 วันก็จะได้ยีสต์เพิ่มขึ้นถึง 1 พันเท่า ทว่าในขั้นตอนการทำให้เซลล์แตกเพื่อสกัดสารเบต้า-กลูแคนออกมาให้ได้ความบริสุทธิ์สูงนั้น ถือเป็นขั้นตอนที่ยากอยู่สักหน่อย
ส่วนความคืบหน้าในขณะนี้ ยังอยู่ในขั้นวิจัยพัฒนาการผลิตสารเบต้า-กลูแคนในห้องแล็บ หากทำได้ผลดี ก็จะขยายไปสู่การนำสารเบต้า-คลูแคนเหลวไปผสมอาหารอัดเม็ดเลี้ยงกุ้งกุลาดำ เพื่อเพิ่มความต้านทานโรคในกุ้ง ทว่าจะไม่ใช่วิธีการรักษาโรค แต่เป็นมาตรการป้องกันโรคตั้งแต่กุ้งยังไม่เป็นโรค ซึ่งคาดว่าในอีก 1-2 ปี งานวิจัยทั้งหมดจะแล้วเสร็จ และนำมาใช้ประโยชน์ในการเลี้ยงกุ้งกุลาดำ ซึ่งเป็นสัตว์เศรษฐกิจของไทยได้
สุดท้ายนี้ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการรับประทานกุ้งก็สามารถไว้ใจได้ว่า สารเบต้า-กลูแคนที่ใช้ผสมอาหารกุ้งจะไม่ทำให้เกิดผลเสียตกค้างในเนื้อกุ้งแต่อย่างใด เราจึงสามารถสนุกกับอาหารจานโปรดของเราๆ ท่านๆ ได้ต่อไปอย่างสบายใจ เชื่อว่าหากผลการวิจัยสำเร็จเมื่อใดแล้ว เราก็จะได้ทั้งอิ่มท้องและอิ่มใจเพราะไม่ต้องเสียสตางค์ไปกับการนำเข้าสารตัวนี้อีก