“การแข่งขันหุ่นยนต์ ส.ส.ท.ชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2549” สุดคึกคัก ทีม “กล้วยทอด” จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ หอมสุดๆคว้าแชมป์ไปครองอย่างขาดลอย ลูกทีมเผยใช้เทคนิคขับเคลื่อนล้อเร็ว-เตรียมตัวดี ด้านแข่งขันหุ่นยนต์ กรังปรีซ์ ยุวชนปีนี้ มีทั้ง หุ่นยนต์ดับเพลิง และหุ่นยนต์เตะฟุตบอล แถมพิเศษประเดิมแข่งขันหุ่นยนต์โปรกอล์ฟเป็นปีแรก
สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี(ไทย-ญี่ปุ่น)(ส.ส.ท.) ได้จัด “การแข่งขันหุ่นยนต์ ส.ส.ท.ชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2549” รอบชิงชนะเลิศ ระดับอุดมศึกษา และยุวชน ณ MCC Hall เดอะมอลล์ บางกะปิ โดยมี ผศ.ประยูร เชี่ยววัฒนา รองผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และนายกสมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น)และรศ.กฤษดา วิศวธีรานนท์ ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นประธานการจัดงาน
สำหรับการแข่งขันในครั้งนี้ ส.ส.ท.ได้จัดประเภทการแข่งขันไว้ 4 ประเภท ระดับอุดมศึกษาและยุวชน คือ การแข่งขันหุ่นยนต์ ส.ส.ท. ชิงแชมป์ประเทศไทย ระดับอุดมศึกษา การแข่งขันหุ่นยนต์กรังปรีซ์ ยุวชน การแข่งขัน TPA PLC Competition และการประกวดกองเชียร์ ซึ่งบรรยากาศภายในงานคึกคักไปด้วยเสียงเชียร์จากแต่ละสถาบัน นอกจากนี้ ยังมีบรรดาผู้ปกครองที่ให้ความสนใจต่างจูงบุตรหลานเข้ามาชมการแข่งขันหุ่นยนต์กันอย่างหนาแน่น
“การแข่งขันหุ่นยนต์ ส.ส.ท.ชิงแชมป์ประเทศไทย ระดับอุดมศึกษา” ภายใต้ชื่อเกมการแข่งขัน “ตึกแฝดเสียดฟ้า ท้าพิชิต” หรือ Building the Worlds Tallest Twin Tower ถือว่าเป็นไฮไลท์ของงาน เนื่องจากเป็นการตัดสินเพื่อหาทีมตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันเวทีระดับนานาชาติ ABU ROBOT CONTEST ทึ่ประเทศมาเลเซีย ทั้งนี้ ทีมที่ผ่านเข้ารอบและเข้าแข่งขันในรอบรองชนะเลิศมีทั้งหมด 63 ทีม โดยเกมการแข่งขันจะเป็นการสร้างสะพานเชื่อมตึกแฝด “ปิโตนาส” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของประเทศมาเลเซีย ที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ABU ROBOT CONTEST 2006 ได้กำหนดเกมขึ้นมา
ในเกมการแข่งขันเป็นการประชันการประดิษฐ์คิดค้นสร้างหุ่นยนต์ที่ประกอบด้วย หุ่นยนต์อัตโนมัติ และหุ่นยนต์ Manual ที่ควบคุมด้วยมือ โดยทีมที่แข่งขันจะต้องประชันความเร็วและความเที่ยงตรง เพื่อสร้างสะพานเชื่อม 2 ตึก โดยกำหนดเวลาไว้ 3 นาที ซึ่งทีมใดเสร็จก่อนและทำเวลาได้ดีที่สุดจะเป็นทีมชนะ ทั้งนี้ ทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ทีม “กล้วยทอด” โดยนายบุญฤทธิ์ แก้วประชุม คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาการผลิต และนายกสิณ สุขภู่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาการบินและอวกาศ จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
“พวกเรารู้สึกดีใจมากที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ซึ่งพวกผมใช้เวลา 2 เดือนในการสร้างหุ่นยนต์และฝึกซ้อม ส่วนเทคนิคที่สามารถเอาชนะคู่แข่งได้ น่าจะเป็นการขับเคลื่อนล้อด้วยระบบลมมีความเร็วที่ดี ไม่ค่อยติดขัด ทำให้สามารถเคลื่อนที่หยิบบล็อกมาใช้งานได้อย่างรวดเร็วและมีความแม่นยำ นอกจากนี้ ยังมีเวลาในการฝึกซ้อมมาก ทำให้เอาชนะคู่แข่งได้ ส่วนการแข่งขันที่ประเทศมาเลเซีย พวกเรามั่นใจและจะทำอย่างเต็มที่แน่นอนครับ” สมาชิกในทีม “กล้วยทอด” กล่าว
ด้านการแข่งขันหุ่นยนต์ ส.ส.ท. กรังปรีซ์ ยุวชน ก็ได้รับความสนใจจากทีมระดับยุวชนจากโรงเรียนทั่วประเทศ โดยผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศมาทั้งหมด 24 ทีม โดยแบ่งเป็น การแข่งขันหุ่นยนต์ Robo Soccer ซึ่งหุ่นยนต์จะต้องเต้นและเตะฟุตบอล ทีมที่ชนะเลิศได้แก่ ทีม “ลูกพระพรหม เอ” โดยนายวชิระ มงคลสุขสิริ นายเกรียงไกร ภัทรพรไพศาล นายปรุฬห์ จันทร์เจริญ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการบางใหญ่ ส่วนการแข่งขันหุ่นยนต์ดับเพลิง หรือ Fire Fighting ซึ่งหุ่นยนต์จะต้องดับไฟนั้น ทีมที่ชนะเลิศได้แก่ ทีม “ Cb Robot” โดย นายนวกานต์ ประจงจิตร นายณัฐชัย ชัยยุทธ และนายสร้างสรรค์ สรงโท จากโรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล จ.ชัยภูมิ
ทีม“ Cb Robot” กล่าวว่า เดิมที่โรงเรียนมีชมรมหุ่นยนต์อยู่แล้ว จึงได้ศึกษาและประดิษฐ์หุ่นยนต์ลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ เมื่อทราบว่ามีการแข่งขันก็ใช้เวลาเตรียมตัวเพียง 1 วัน ในการฝึกซ้อม โดยมีอาจารย์ที่ปรึกษาให้คำแนะนำ ซึ่งขณะแข่งขันก็ได้พยายามทำอย่างเต็มที่ เพราะอยากได้รางวัลชนะเลิศ เนื่องจากปีที่แล้วก็มีรุ่นพี่จากสถาบันมาร่วมแข่งขัน แต่ได้รางวัลรองชนะเลิศ
ด้านการแข่งขัน TPA PLC Competition ซึ่งเป็นการจัดการแข่งขันครั้งแรกในปีนี้ เป็นการแข่งขันประดิษฐ์หุ่นยนต์โปรกอล์ฟนั้น ทีมที่ชนะเลิศได้แก่ทีม “TURNPRO EN” โดนนายยุทธกิจ จันทร์ธิมา นายปรเมษฐ์ คุณวัลลี นายบุญส่ง โกสินทร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ส่วนสถาบันที่ได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดกองเชียร์ ได้แก่ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
สำหรับทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ“การแข่งขันหุ่นยนต์ ส.ส.ท.ชิงแชมป์ประเทศไทย ระดับอุดมศึกษา” นอกจากจะได้รับเงินรางวัล 50,000 บาท โล่เกียรติยศ พร้อมเหรียญรางวัลแล้ว ยังเข้าร่วมการแข่งขัน ABU ROBOT CONTEST 2006 ทึ่ประเทศมาเลเซีย ในวันที่ 10 กันยายนนี้ด้วย