เอ็มเทคเผยผลแล็บที่แท้แกนกลางวัตถุประหลาดก็เป็นแค่พลาสติกทำขวดน้ำ ส่วนวุ้นใสก็เป็นเพียงเจลดูดน้ำ กระทรวงวิทย์ฯ ได้บทเรียนจากความไม่รู้สู่กระแสฮือฮา พร้อมจัดตั้งหน่วย "สร้างความตระหนักทางวิทยาศาสตร์"
ดร.อศิรา เฟื่องฟูชาติ นักวิจัยศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ(เอ็มเทค) และนักเทคโนโลยีดีเด่นประจำปี 2548 เปิดเผยผลการวิเคราะห์วัตถุประหลาดเปรียบเทียบกับแผ่นเจลลดไข้เด็กพบว่าแกนกลางของวัสดุทั้ง 2 ชนิดคือพอลิเมอร์ “พอลิเอทธิลีนเธอเรปทาเลต” หรือ PET ซึ่งใช้ผลิตขวดน้ำ โดยเป็นเส้นใยที่ขึ้นรูปแบบแผ่นโดยไม่ผ่านการถักทอ (Non woven) ส่วนวุ้นใสๆ คือสารประกอบไฮโดรเจล (Hydro gel) ซึ่งมีองค์ประกอบหลายอย่างจึงต้องใช้เวลามากกว่านี้เพื่อวิเคราะห์ว่ามีสารประกอบใดบ้าง ทั้งนี้ได้ทำการทดสอบในห้องปฏิบัติการเมื่อเวลาประมาณ 23.00 น.ของคืนที่ 14 พ.ค.ผ่านมา
ด้าน น.ส.บุญล้อม ถาวรยุติกานต์ ผู้ช่วยนักวิจัยพอลิเมอร์ของเอ็มเทคกล่าวว่าไฮโดรเจลเป็นพอลิเมอร์ที่ดูดซับน้ำได้หลายเท่าตัว โดยโครงสร้างทางเคมีมีรูปร่างเหมือนตาข่าย 3 มิติ ถ้าหากโครงร่างดังกล่าวมีความหนาแน่นมากก็จะดูดซับน้ำได้น้อยแต่หากมีความหนาแน่นน้อยก็จะพองตัวได้มาก ซึ่งมีการใช้ไฮโดรเจลมานานแล้ว ส่วนใหญ่ใช้เป็นวัสดุรักษาแผลหรือใช้เป็นแผ่นลดไข้ และเป็นพอลิเมอร์ทั่วๆ ไปที่ไม่เป็นอันตรายแต่เป็นมลพิษทางสิ่งแวดล้อมเหมือนขยะพลาสติกทั่วๆ ไป
สำหรับการทดสอบได้ใช้การวิเคราะห์ทั้งหมด 3 เทคนิคคือ 1.เทคนิค C13- NMR ซึ่งใช้วิเคราะห์คาร์บอนที่เป็นองค์ประกอบว่าเกาะกับหมู่ฟังก์ชันอะไรบ้าง เบื้องต้นพบว่าเจลมีองค์ประกอบที่คล้ายคลึงกัน 2.ไออาร์ (Infrared Spectroscopy: IR) ใช้วิเคราะห์ว่าวัตถุมีหมู่ฟังก์ชันอะไรบ้าง เบื้องต้นคาดว่าเป็นพอลิเมอร์ และเทคนิคสุดท้ายคือ “ดีเอสซี” (Differntail Scanic Calorimetry: DSC) ใช้ศึกษาสมบัติเชิงความร้อนซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของพอลิเมอร์แต่ละชนิด
ทั้งนี้เป็นการเปิดเผยในการแถลงข่าว ณ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งนำโดย ดร.ประวิช รัตนเพียร รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) พร้อมด้วย ดร.ศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช ปลัดกระทรวงฯ ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์ นักวิจัยจากศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ ดร.อศิรา เฟื่องฟูชาติ นักวิจัยเอ็มเทค และ น.ส.บุญล้อม ถาวรยุติกานต์ ผู้ช่วยนักวิจัยพอลิเมอร์ของเอ็มเทค มาร่วมเปิดเผยความจริง หลังจากวานนี้ (14 พ.ค.) ได้เดินทางไปพิสูจน์วัตถุประหลาดที่สำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐซึ่งชาวบ้าน จ.อุทัยธานีส่งตัวอย่างมาให้พิสูจน์
อย่างไรก็ดี ในเบื้องต้น ดร.นำชัยระบุว่ามีลักษณะเหมือนแผ่นเจลลดไข้เด็กมาก และไม่ใช่สิ่งมีชีวิตอย่างแน่นอน เพราะปกติสิ่งมีชีวิตที่เก็บแล้วแช่น้ำไว้หลายวันพร้อมกับปิดผาไว้จะตายและเน่า อีกทั้งยังไม่เคยเจอสิ่งมมีชีวิตที่ตัวใหญ่ขนาดนี้มีชีวิตอยู่ได้โดยไม่หายใจ จึงสรุปว่าน่าจะเป็นวัสดุชนิดหนึ่งและได้ส่งตัวอย่างให้ทางเอ็มเทคตรวจสอบต่อเพื่อพิสูจน์ว่ามีองค์ประกอบทางเคมีชนิดใด
พร้อมกันนี้ได้ให้ความเห็นต่อกรณีที่เกิดขึ้นว่าเป็นบทเรียนให้สังคมคิดอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ และการตอบคำถามต่อเรื่องดังกล่าวไม่จำเป็นต้องให้นักวิทยาศาสตร์ให้คำตอบเสมอไป เพราะคำตอบแรกมาจากคุณแม่คนหนึ่งที่โพสต์ลงเว็บไซต์ว่าน่าจะเป็นเจลลดไข้และก็มีคนไปทดลองตาม อีกทั้งยังมีเด็กออกมาให้ข้อมูลว่าเคยนำแผ่นเจลไปเล่นในลักษณะดังกล่าว
ด้าน ดร.ประวิช เจ้ากระทรวงฯ ได้ไขข้อข้องใจเพิ่มเติมว่าหากเป็นเจลลดไข้ทำไมจึงกระจายไปหลายแห่ง จากการสอบถามบริษัทที่ทำธุรกิจเจลลดไข้ซึ่งนำเข้าจากต่างประเทศนั้น ทราบว่าแต่ละขั้นตอนในการขนส่งนั้นค่อนข้างรัดกุมและมีการห่อหุ้มอย่างดี จึงสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นที่ผู้บริโภคนำไปใช้แล้วทิ้งอย่างกระจัดกระจาย เมื่อเกิดพายุในช่วงนี้จึงกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต ดังกล่าวนำไปสู่การจัดการสิ่งแวดล้อมจากสิ่งของที่ใช้แล้วทิ้งให้รัดกุมยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ทางกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ยังจะได้ใช้โอกาสนี้เปิดตัวหน่วยสร้างความตระหนักทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือ "เปา" (Public Awareness Unit: PAU) ไปในตัวด้วย เพื่อที่ว่าในวันข้างหน้า หากมีเหตุการณ์ใดในบ้านเมืองที่ต้องการข้อมูลและการตรวจสอบทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในลักษณะใกล้เคียงกันนี้ ทางกระทรวงฯก็สามารถรุกเข้าไปคลี่คลายข้อสงสัยต่างๆ ได้ทันท่วงที โดยติดต่อผ่านคอลเซ็นเตอร์ 1313
ส่วนทางด้าน นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ตัวประหลาดรูปร่างคล้ายหนอนคือ อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เป็นแผ่นเจลลดไข้เด็ก แต่ไม่ทราบว่าเหตุใดจึงแพร่กระจายได้มากเช่นนี้ จึงส่งตัวอย่างที่พบจากที่ต่างๆ ให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจวิเคราะห์ทั้งส่วนประกอบ และพิษวิทยา คาดว่าจะทราบผลภายในช่วงบ่ายวันนี้
คลิกที่ไอคอน Manager Multimedia
เพื่อรับชมภาพการทดลองแช่แผ่นเจลลดไข้ของทีมงาน "ผู้จัดการวิทยาศาสตร์"
