เจ้ากระทรวงวิทย์ฯ เผยกรณียุบรวมกระทรวงวิทย์และไอซีทีเข้าด้วยกันยังไม่คืบหน้า ต้องแล้วแต่ครม. ตอบไม่ได้ว่าจะทันการปรับ ครม.ชุดใหม่หรือไม่ แจงต่างฝ่ายต่างเตรียมความพร้อม แต่เชื่อว่างานค้างคาไม่โดนหางเลขไปด้วย
เนื่องจากกระแสข่าวการรวมกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ซึ่งถือว่ามีงานบางส่วนทับซ้อนกัน ได้มีมาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่มีความคืบหน้าชัดเจนใดๆ ออกมา อย่างไรก็ตาม กระแสข่าวดังกล่าวได้หวนกลับมาอีกครั้งด้วยสุญญากาศที่เกิดขึ้นเมื่อนายสรอรรถ กลิ่นประทุม เจ้ากระทรวงไอซีที ประกาศลาออกจากตำแหน่งอย่างกะทันหัน กระนั้น ก็ยังไม่มีการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งใหม่เข้ามาทดแทน จึงมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการรวม 2 กระทรวงเข้าไว้ด้วยกันในเร็ววันนี้
ล่าสุด ดร.ประวิช รัตนเพียร รมว.วิทยาศาสตร์ฯ เผยว่า ขณะนี้เรื่องดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนของกฤษฎีกา โดยยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ และยังต้องรอนโยบายจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีแนวทางออกมาว่าให้ดำเนินเฉพาะเรื่องที่เร่งด่วนก่อน ซึ่งเรื่องการรวมกระทรวงไม่ใช่เรื่องที่เร่งนัก โดยตอนนี้ต้องปล่อยให้เป็นการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
นอกจากนี้ ต่อข้อถามว่าหากมีการรวม 2 กระทรวงเข้าด้วยกันจะทันต่อการปรับ ครม.ที่นายกรัฐมนตรีเผยว่าจะปรับก่อนการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ช่วงกลางเดือนมีนาคมนี้หรือไม่นั้น ดร.ประวิช ตอบว่า ยังเป็นเรื่องที่ไกลเกินกว่าที่เขาเองจะตอบได้ ซึ่งเป็นแนวคิดของนายกรัฐมนตรี ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าข้าราชการบางส่วนในกระทรวงไอซีทีไม่เห็นด้วยกับการรวมกระทรวง เจ้ากระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เผยว่า ต่างฝ่ายต่างเตรียมความพร้อมในส่วนของตัวเอง ซึ่งกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ก็ได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว ทั้งนี้แต่ละกระทรวงก็เต็มไปด้วยนักวิทยาศาสตร์และคนเก่งในแต่ละด้านที่สามารถทำงานในลักษณะที่ไม่ใช่ระบบราชการได้
“ในส่วนของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯในวันนี้ที่จะมีหน่วยงานส่วนใหญ่เป็นหน่วยงานวิจัยที่ประกอบด้วยนักวิจัยและครูอาจารย์ที่ทำงานเป็นเครือข่ายร่วมกับมหาวิทยาลัยต่างๆ ได้ จึงมีความคล่องตัว ซึ่งเป็นหัวใจว่าจะปรับหรือรวมกระทรวงหรือไม่ ส่วนที่ห่วงว่าจะมีผลกระทบต่องานต่อเนื่องในกระทรวง-ทบวงที่ยังค้างคาอยู่ คิดว่าไม่ เพราะต่อไปหน่วยงานต่างๆ จะไม่ใช่ทั้งกระทรวง-ทบวงอีก แต่จะมีความเป็นราชการน้อยลง แต่เป็นลักษณะของศูนย์วิจัยมากขึ้น โดยทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยและกระทรวงศึกษาธิการ” ดร.ประวิช กล่าวทิ้งท้าย