ช่วงนี้ตำราโหราศาสตร์ชี้ว่า "ดาวพุธเดินถอยหลัง" และถ้าไปตกอยู่ในราศีใครเข้าก็จะส่งผลให้ผิดใจกับคนอื่นแถมสติปัญญาขาดความเฉียบแหลม ไม่ควรเสี่ยงตัดสินใจ ทว่าตำราดาราศาสตร์ชี้ปรากฎการณ์นี้ว่า "ดาวพุธไม่ได้เดินถอยหลังแต่ยังโคจรปกติ" แต่เพราะมุมมองจากโลกจึงเห็นเช่นนั้น อีกทั้งบนฟ้าช่วงนี้จะมองไม่ค่อยเห็นดาวพุธต้องรอจนกว่าจะกลางเดือนหน้า ความหมายของดาวพุธตามตำนานกรีกนอกจากเป็นเทพสื่อสาร แพทย์และพาณิชย์แล้ว ยังเป็นเทพเจ้าที่โจรนับถือ
พักนี้คนในแวดวงวิทยาศาสตร์อาจจะงงๆ ที่จู่ๆ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขอ “ปิดปาก” ไม่แสดงความเห็นหรือให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว รวมถึงงดจัดรายการ "นายกฯ ทักษิณพบสื่อมวลชน" ด้วยอิทธิพลของ "ดาวพุธเดินถอยหลัง" ทำให้ "ดาวพุธ" ดาวเคราะห์ที่ใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดในระบบสุริยะกลายเป็นที่สนใจขึ้นมาทันใด โดยเฉพาะในประเด็น "เดินถอยหลัง" !!
องค์การบริหารด้านอวกาศและการบินสหรัฐฯ (นาซา) ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ "ดาวพุธ" หรือ Mercury ไว้ว่าดาวพุธเป็นดาวเคราะห์ในระบบสุริยะที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด โดยมีวงโคจรแคบสุด 47 ล้านกิโลเมตร และวงโคจรกว้างสุด 70 ล้านกิโลเมตร ซึ่งจะโคจรครบรอบดวงอาทิตย์ทุกๆ 88 วัน เรียกได้ว่า 1 ปีของดาวพุธเร็วกว่าโลกเราถึง 4 เท่า แล้วจริงหรือที่ดาวเคราะห์เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2,400 กิโลเมตรนี้เคลื่อนโคจรถอยหลังได้
จากข้อมูลของเว็บไซต์ www.astrothailand.com รายงานถึงการเดินถอยหลังของดาวพุธว่า ในปีนี้อยู่ในช่วงราศีเมษ ราศีสิงห์ และราศีธนู ซึ่งอิทธิพลของการเดินถอยหลังจะกระทบกับคนทั่วไปก็ขึ้นอยู่ว่าดาวพุธจะทำมุมกับดาวกำเนิดอย่างไร ซึ่งขณะนี้ดาวพุธกำลังเดินถอยหลังระหว่างวันที่ 14 พ.ย. - 4 ธ.ค. และอยู่ในช่วงราศีธนู
อิทธิพลจากการเดินถอยหลังของดาวพุธคือ ความเข้าใจผิดต่อผู้อื่น มีมลทินหรือตำหนิ ความแตกแยก ความล่าช้าในการสื่อสาร การเจรจา และธุรกิจการค้า อาจจะประสบปัญหาเล็กๆ น้อยๆ หรือขัดข้องเกี่ยวกับโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ รถยนต์ และพาหนะโดยสารต่างๆ
โหรออนไลน์ยังแนะนำอีกว่าไม่เป็นการฉลาดเท่าไหร่ถ้าจะต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ ในขณะที่ดาวพุธเดินถอยหลัง เพราะข้อมูลที่ได้รับอาจจะไม่ถูกต้อง คลุมเรือ ขาดความรอบคอบ และสื่อสารต่อผู้อื่นอย่างไม่มีประสิทธิภาพ และยังเตือนอีกว่าช่วงเวลานี้สติปัญญาจะขาดความเฉียบคม ความจริงต่างๆ จะดูพร่าเลือนไปหมด หาความชัดเจนได้ยาก
ด้านนายวรเชษฐ์ บุญปลอด กรรมการสมาคมดาราศาสตร์ไทยกล่าวว่าจริงๆ แล้วดาวเคราะห์ไม่ได้ถอยหลัง หากแต่เป็นมุมมองที่เราเห็นบนโลกเท่านั้นเอง ทั้งนี้ถ้ามองในลักษณะมุมสูง (Top view) ดูการโคจรระหว่างโลกและดาวพุธรอบดวงอาทิตย์ จะมีบางจังหวะที่ดาวพุธโคจรอยู่หลังดวงอาทิตย์ซึ่งหากสังเกตบนโลกจะเห็นดาวเคราะห์เคลื่อนที่ไปซ้ายหรือเรียกว่าดาวพุธเดินหน้า แต่บางจังหวะดาวพุธซึ่งมีคาบโคจรรอบดวงอาทิตย์เร็วกว่าโลกจะเคลื่อนมาอยู่ตำแหน่งกลางระหว่างโลกและดวงอาทิตย์ เราจะเห็นว่าดาวพุธเคลื่อนไปทางขวาหรือที่เรียกกันว่า “ดาวพุธถอยหลัง” นั่นเอง
อย่างไรก็ดีนายวรเชษฐ์กล่าวว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวไม่มีผลอะไรกับโลกเพราะเป็นการโคจรตามปกติของดวงดาวเท่านั้น เพียงแต่การสังเกตบนโลกทำให้เข้าใจว่าดาวเดินหน้าหรือถอยหลัง และดาวเคราะห์ทุกดวงก็มีช่วงเวลาที่มองเห็นว่าเดินถอยหลังได้ ซึ่งไม่สามารถระบุช่วงเวลาตายตัวที่ดาวเคราะห์จะเดินถอยหลังได้ แต่สามารถคำนวณคาดการณ์โคจรของดวงดาวได้ ทั้งนี้ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะโคจรรอบดวงอาทิตย์แบบทวนเข็มนาฬิกา จึงมีโอกาสที่จะเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวได้เหมือนกัน
ขณะที่นายวิษณุ เอื้อชูเกียรติ กรรมการสมาคมดาราศาสตร์ไทยได้ให้ข้อมูลด้านความเชื่อของคนโบราณที่มีต่อดาวพุธว่าคนโบราณนับถือดาวพุธเป็นเหมือนเทพองค์หนึ่ง ตามความเชื่อของฮินดูก็จะเรียกว่าเทพพุธแต่เป็นเทพชั้นรองที่ไม่สำคัญเหมือนพระนารายณ์หรือพระพรหม ทางด้านกรีกเรียกเทพแห่งดาวพุธว่า “เทพเฮอร์มิส” (Hermes) ซึ่งเชื่อว่าเป็นเทพแห่งการสื่อสาร ส่งข่าว และยังเป็นเทพที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์และการพาณิชย์ อีกทั้งยังเป็นเทพเจ้าของโจร เนื่องจากในตำนานเทพเฮอร์มิสได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการลักขโมยโดยได้ขโมยพิณของเทพอะพอลโลไป
สำหรับการปรากฏของดาวพุธบนท้องฟ้าในเดือน พ.ย.นี้ จากรายงานของเว็บไซต์สมาคมดาราศาสตร์ ดาวพุธได้ทำมุมห่างจากดวงอาทิตย์ไปทางตะวันออกมากที่สุด (Greatest eastern elongation) เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา จึงทำให้ครึ่งแรกของเดือนนี้เป็นช่วงที่สามารถมองเห็นดาวพุธได้ในเวลาหัวค่ำ โดยเมื่อวันที่ 9-10 พ.ย. ดาวพุธจะอยู่ใกล้ขอบฟ้าและเข้าใกล้ดาวปาริชาตหรือดาวฤกษ์สีแดงที่อยู่กลางกลุ่มดาวแมงป่อง แต่ช่วงนี้ดาวพุธจะเริ่มเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้นจนมองไม่เห็น และจะย้ายไปปรากฏอีกครั้งในเวลาเช้ามืดทางทิศตะวันออกตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน ธ.ค.นี้
