26 นวัตกรรมนักศึกษาเรียงหน้ารับรางวัลในวันสุดท้ายงานเทคโนโลยี อาทิ เทคโนโลยีผนวกวิถีชาวบ้านของนักศึกษาจากเมืองมะขามหวาน “เครื่องคั่วและป่นพริก” คว้ารางวัลชนะเลิศสาขาวิศวะ ขณะที่นักศึกษาหัวศิลป์ผนึกความรู้เทคโนโลยีเข้าการละครคว้ารางวัลชนะเลิศสื่อวิทยาศาสตร์ ด้านรัฐมนตรีกระทรวงวิทย์ชี้นวัตกรรมเกิดขึ้นได้ต้องผนวกความรู้ทั้งวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี เศรษฐกิจและสังคมจึงจะจับต้องได้
วันนี้ (23 ต.ค.) ดร.ประวิช รัตนเพียร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นประธานในพิธีประกาศผลและมอบรางวัลโครงการนวัตกรรมแห่งประเทศไทย (นวท.) ครั้งที่ 5 ในงานวันเทคโนโลยีไทยประจำปี 2548 ณ โรงแรมโซฟิเทลเซ็นทรัล ลาดพร้าว โดยมีเจข้าร่วมประกวดทั้งหมด 85 โครงงาน ใน 4 สาขาคือ สาขาวิทยาศาสตร์กายภาพและชีวภาพ สาขาวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาสร้างเสริมสุขภาพและสาขาสื่อสารวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีนวัตกรรมได้รับรางวัลทั้งสิ้น 26 โครงงาน
สาขาวิทยาศาสตร์กายภาพและชีวภาพไม่มีผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ ส่วนรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 คือโครงงาน “เฟอร์นิเจอร์จากน้ำยางพารา” โดย นายนพชัย ภู่จิรเกษม จากมหาวิทยาลัยรังสิต รองชนะเลิศอันดับ 2 คือโครงงาน “ไข่ไก่ ทางรอดใหม่อุตสาหกรรมกุ้งไทย” โดย นายกวิน ปุญโญกุล จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กำแพงแสน และรางวัลชมเชยอีก 3 รางวัลคือ โครงงาน “โคมไฟจากกระจูด” โดย น.ส.สิริกุล ฟูตระกูล จากมหาวิทยาลัยรังสิต โครงงาน “ส่งเสียงไปกับแสงสี” โดยนายวนรักษ์ ชัยมาโยและนายสิทธิพงศ์ มะโนธรรม จากมหาวิทยาลัยมหิดล
สาขาวิศวกรรมศาสตร์ละเทคโนโลยี รางวัลชนะเลิศคือ โครงงาน “เครื่องคั่วและป่นพริก” โดยนายเกียรติกูลจันทร์ดี นายเกียรติชัย จ่ามฟอง นายวรชัย เคลื่อนเพชร นายศราวุธ ดีล้วนและนายอนันต์ ยิ้มพราย จากมหาวิทยาลัยเพชรบูรณ์ รองชนะเลิศอันดับ 1 คือ โครงงาน “การพัฒนาเครื่องสแกนภาพสามมิติ” โดย นายอารยะ สวัสดิชัย จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รองชนะเลิศอันดับ 2 คือ โครงงาน “ใครว่าไม่เอาถ่าน” โดยนายสราวุฒิ สังวรกาญจน์ นายมูฮัมหมัด เบญอะหลี นายพิทักษ์ คำฟองเครือและนายดวงภรณ์ ศิริ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร
สาขานี้ยังมีรางวัลชมเชยอีก 3 รางวัลคือ โครงงาน “นวัตกรรมใหม่ของเครื่องทำน้ำเย็น” โดยนายโกศล วิตินานนท์ นายเทพรัตน์ รอดวินิจและนายเวธิต วรบวร จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โครงงาน “หุ่นยนต์ยกยาง” โดยนายปิยพัฒน์ พูลทอง จากมหาวิทยาบลัยสงขลานครินทร์ และโครงงาน “ระบบรับ-ส่ง แบบไร้สายผ่านแสงสำหรับการสื่อสารข้อมูลความเร็ว"
สาขาสร้างเสริมสุขภาพ รางวัลชนะเลิศคือ โครงงาน “หมวกกันน็อคไฮเทค” โดยนายสุนทร ฉิมม่วงและนายพรชัย ลีแอล จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ วิทยาเขตนนทบุรี รองชนะเลิศอันดับ 1 โครงงาน “การประดิษฐ์เครื่องยึดคาสเซทสำหรับผู้ป่วยบาดเจ็บแขนและขา" โดยนายมานพ ติ๊บลังกาและนายพิพัฒน์ ศรีภักดิ์ จากมหาวิทยาลัยนเรศวร และรองชนะเลิศอันดับ 2 คือ โครงงาน “ยาระบายชนิดเหน็บจากสารสกัดชุมเห็ดเทศ” โดยนายสงกรานต์ ชัยศรีและนายศรายุทธ กิจอิ่มลาภ จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
สาขาสื่อสารวิทยาศาสตร์ รางวัลชนะเลิศ คือ ละครเวทีเรื่อง “Thespian drama troupe” โดยนายสันติ ต่อวิวรรธน์ จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ รองชนะเลิศอันดับ 1 คือ ภาพยนตร์สั้นเรื่อง “เด็กชายวิทยา” โดยนายชลธี วัชระสีมานนท์ จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ และรองชนะเลิศอันดับ 2 โฆษณาเรื่อง “พลังงานสะอาดเพื่ออนาคตของหนู” โดยนายศิริพงษ์ บุตรดีวงษ์ จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ
ในสาขานี้ยังมีรางวัลชมเชยอีก 6 รางวัลคือ ละครเวทีเรื่อง “Bonus Hour” โดยนายทนงชัย ลักษณ์สง่าจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โฆษณาเรื่อง “ลมหายใจ” โดยนายรัฐวิทย์ ตรีทิพย์สถิตย์ จากมหาวิทยาลัยศิลปากร ภาพยนตร์สั้นเรื่อง “พลังไทย” โดย น.ส.สุทธิ์สินี มณีรัตน์ จากมหาวิทยาลัยนเรศวร ภาพยนตร์สั้นเรื่อง “มนตร์รักแก๊สโซฮอล์” โดย น.ส.ศิริลักษณ์ สิทธิ์กลาง จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ละครเวทีเรื่อง “พลังงานใหม่ ไฉไลเหมือนรักเรา” โดยนายปฐมกฤษณ์ สุดสระ จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพและภาพยนตร์สั้นเรื่อง “ท้องฟ้าที่หายไป” โดยนายชโลธร เผ่าพันธุ์แปลก จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ
นอกจากนี้ยังมีรางวัลการประกวดแผนธุรกิจของนวัตกรรมที่ส่งเข้าประกวดซึ่งจัดขึ้นโดยความร่วมมือของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งรางวัลชนะเลิศคือ โครงงาน “เครื่องให้อาหารสัตว์เลี้ยงโดยใช้โทรศัพท์มือถือสั่งงาน” ผลงานของนายรัชวัฒน์ พันธุ์ไม้ และนายบัญชา พจชมานะวงศ์ จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ และมีรางวัลชมเชยอีก 2 รางวัลคือ โครงงาน “เครื่องอบแห้งเมล็ดธัญพืชเนกประสงค์โดยใช้คลื่นไมโครเวฟร่วมกับการเป่าแบบปั่นป่วน” โดย น.ส.วณีนุช กิระโสภณ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และโครงงาน “ป้ายอัจฉริยะสะกดนักซิ่ง” โดยนายคำพร ทวีธนาทรัพย์และนายศศิพงษ์ งามนุสนธิ์กิจ จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง
ด้าน 5 หนุ่มเจ้าของผลงาน "เครื่องคั่วและพริกป่น" เชื่อว่าผลงานของพวกเขาจะช่วยเสริมรายได้ให้ชุมชนกับผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์หรือโอทอป เพราะทางจังหวัดเพชรบูรณ์มีการทำน้ำพริกกันมาก แต่ปัญหาคือการใช้แรงงานคนคั่วพริกจะให้เกิดการระคายเคือง มีผื่นแดง แสบร้อน อีกทั้งการใช้แรงงานคนอาจทำให้คั่วพริกได้ไม่ทั่วถึงและอาจคั่วไม่แห้ง และกระทะที่ใช้คั่วก็อาจสึกกร่อนได้งาน จึงคิดทำผลงานเพื่อช่วยชุมชนนี้ขึ้นมา
สำหรับผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศในแต่ละสาขาจะได้เข้าเฝ้ารับพระราชทานถ้วยรางวัลจากสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ พร้อมเงินสด 100,000 บาทและดูงานในต่างประเทศประมาณ 1 สัปดาห์
ทั้งนี้รางวัลนวัตกรรมแห่งประเทศไทยได้เริ่มจัดตั้งแต่ปี 2544 โดยมีสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ จัดการประกวดนวัตกรรมของนักศึกษาระดับปริญญาตรีในสถาบันอุดมศึกษาของไทย โดยผู้ส่งผลงานเข้าประกวดต้องมีอายุไม่เกิน 28 ปี สำหรับปี 2548 นี้สมาคมฯ ได้ร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ(สนช.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.) จัดการประกวดนี้ขึ้น
ดร.ประวิชกล่าวว่าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะไม่สามารถมองเห็นมูลค่าที่จับต้องได้เลย หากไม่ถูกนำมาสร้างสรรค์ให้เป็นนวัตกรรม แต่นวัตกรรมก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากไม่มีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทั้งสองสิ่งจึงไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ทั้งนี้นวัตกรรมไม่เพียงจะเกิดขึ้นจากความรู้เชิงทฤษฎีของศาสตร์ด้านต่างๆ แต่ยังต้องผ่านขั้นตอนการใช้ความรู้ด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ตลอดจนความคิดสร้างสรรค์ที่มีอยู่ในตัวบุคคลจึงจะสามารถผลิตเป็นผลงานในรูปของนวัตกรรมได้ นวัตกรรมจึงเป็นเสมือนการรวมกันขององค์ความรู้ที่ผ่านการสังเคราะห์จนปรากฏออกมาเป็นรูปธรรมที่จับต้องได้