ความรุนแรงจากอุบัติเหตุการขับขี่รถจักรยานยนต์ มักเกิดจากผู้ขับขี่ไม่สวมหมวกนิรภัย หรือหมวกกันน็อก อาจเพราะความเร่งรีบ หรือการมองข้ามความปลอดภัยเล็กๆน้อยๆ “หมวกกันน็อกไฮเทค” จึงเป็นนวัตกรรมที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหานี้ โดยการใช้เครื่องส่งและเซ็นเซอร์จิ๋วติดตั้งในหมวกกันน็อก แล้วเชื่อมต่อไปยังระบบไฟฟ้าในรถจักรยานยนต์ ทำให้ผู้ขับขี่ต้องสวมหมวกกันน็อกทุกครั้งก่อนขับขี่
“หมวกกันน็อกไฮเทค” เป็นนวัตกรรมที่ติด 1 ใน 10 ของผลงานที่ผ่านเข้ารอบระดับภูมิภาคใน ”โครงการรางวัลนวัตกรรมแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 5”ประเภทสร้างเสริมสุขภาพ โดยเป็นผลงานของนายสุนทร ฉิมม่วง และนายพรชัย ลีแอล นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะอิเล็กทรอนิกส์โทรคมนาคม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ วิทยาเขตนนทบุรี โดยเกิดจากแนวความคิดว่า ปัจจุบันอัตราการเสียชีวิตของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ตามท้องถนน มักมีสาเหตุจากการไม่สวมหมวกกันน็อก ดังนั้น จะทำอย่างไรให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ต้องสวมหมวกกันน็อกทุกครั้งขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ จึงได้ประดิษฐ์”หมวกกันน็อกไฮเทค”ขึ้นมา ซึ่งจะมีประโยชน์ทั้งช่วยลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ และช่วยป้องกันการขโมยรถจักรยานยนต์ได้อีกด้วย เพราะหากไม่มีหมวกกันน็อกก็สตาร์ทรถไม่ได้
นายสุนทรและนายพรชัย อธิบายถึงวิธีการทำงานของ“หมวกกันน็อกไฮเทค”ว่า โดยปกติเมื่อเราจะใช้งานรถจักรยานยนต์ ก็ต้องเปิดสวิตซ์กุญแจแล้วจึงสามารถนำรถไปใช้งานได้ แต่สำหรับรถคันนี้จะสามารถใช้งานได้ก็ต่อเมื่อสวมหมวกกันน็อก เนื่องจากระบบการทำงานระหว่างหมวกและรถจักรยานยนต์มีความเชื่อมโยงกัน กล่าวคือ เมื่อเปิดสวิตซ์กุญแจรถจักรยานยนต์ จะทำให้ไฟไปเลี้ยงวงจรเครื่องรับสัญญาณวิทยุในตัวรถ
ทันทีที่ผู้ขับขี่สวมหมวกกันน็อก หมวกจะทำการตรวจเช็คว่า ผู้ขับขี่สวมหมวกกันน็อกแล้วหรือยัง เมื่อสวมเรียบร้อยแล้วก็จะส่งสัญญาณวิทยุจากตัวหมวกกันน็อกไปที่ตัวรถ ตัวรถจะรับสัญญาณวิทยุและทำการตรวจสอบว่าใช่หมวกกันน็อกของรถคันนี้หรือไม่ เมื่อเช็คแล้วจะเชื่อมต่อระบบการทำงานของตัวรถ ทำให้รถสามารถใช้งานได้ทันที
“กรณีที่เราถอดหมวกกันน็อกออก เราก็ยังสามารถใช้งานรถคันนี้ได้ ภายในเวลา 1 .30 นาทีแรก หลังจากนั้นรถจะส่งสัญญาณเตือนโดยมีไฟกระพริบ เพื่อให้ผู้ขับขี่รีบสวมหมวกก่อนที่เครื่องยนต์จะดับ โดยจุดประสงค์ที่สร้างผลงานชิ้นนี้ขึ้นมา ก็เพราะต้องการให้ผู้ขับขี่สวมหมวกกันน็อกตลอดเวลาในขณะขับขี่ หากเราถอดหมวกออกก็เหมือนกับว่าเราไม่พร้อมที่จะเดินทาง”
ในกรณีที่หมวกกันน็อกหาย หรือเกิดการชำรุด รถคันนี้ก็ยังมี”วงจรคีย์รหัส”ซึ่งอยู่ใต้เบาะ หากผู้ขับขี่ต้องการใช้รถก็สามารถกดรหัสตัวเลข 4 ตัว อย่างถูกต้อง เพียงเท่านี้ก็จะทำให้รถจักรยานยนต์สามารถวิ่งฉิวได้เช่นกัน ทั้งนี้ การที่ต้องมีอุปกรณ์ตัวนี้มาสำรอง ก็เพื่อป้องกันกรณีที่ผู้ขับขี่ขับรถไปแล้วประสบอุบัติเหตุ ทำให้หมวกชำรุด หรือวงจรภายในเสียหาย แต่ผู้ขับขี่ก็ยังสามารถใช้รถจักรยานยนต์ได้ หากวงจรภายในยังใช้งานได้
สำหรับอุปกรณ์สำคัญที่ใช้ในการสร้าง”หมวกกันน็อกไฮเทค”นี้ มีอยู่ 2 ส่วน คือ”อุปกรณ์เซ็นเซอร์” ซึ่งทำหน้าที่ตรวจเช็คว่าผู้ขับขี่สวมหมวกหรือไม่ และ”เครื่องส่งสัญญาณวิทยุ”ภายในหมวก ที่ทำการส่งรหัสมายังตัวรถ โดยรถจะทำการถอดรหัสว่าตรงกันหรือไม่ หากตรงกันเครื่องยนต์จึงจะทำงาน
“ข้อควรระวังในการใช้หมวกกันน็อกไฮเทค คือต้องไม่ให้โดนน้ำ เพราะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดโดนน้ำไม่ได้ ดังนั้น ในการผลิตหมวกกันน็อกไฮเทค เราจำเป็นต้องเลือกหมวกกันน็อกที่มีคุณภาพดี สามารถกันน้ำได้ไม่ให้เข้ามาเกาะได้ รวมถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก็ต้องมีคุณภาพด้วย เพียงเท่านี้การใช้หมวกกันน็อกไฮเทคในขณะฝนตกก็ไม่เป็นปัญหา”
เจ้าของผลงาน “หมวกกันน็อกไฮเทค”บอกว่า ผลงานชิ้นนี้เป็นเทคโนโลยีต้นแบบ ที่มีต้นทุนการสร้างประมาณ 10,000 บาท แต่หากผลิตเป็นจำนวนมาก ต้นทุนการผลิตก็จะต่ำมากกว่านี้ โดยได้มีการจดสิทธิบัตรเรียบร้อยแล้ว และคาดหวังจะให้บริษัทผู้ผลิตรถจักรยานยนต์นำนวัตกรรมชิ้นนี้ไปผลิตได้จริง เพราะจะเกิดประโยชน์แก่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ในแง่ช่วยลดความรุนแรงจากการเกิดอุบัติเหตุ และช่วยป้องกันการถูกขโมยรถจักรยานยนต์ได้อีกด้วย
ความน่าสนใจของ”หมวกกันน็อกไฮเทค”อยู่ที่แนวความคิดและประโยชน์ใช้สอยที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน จึงเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมฝีมือนักศึกษาไทยที่น่าจับมอง เพราะในอนาคตเราอาจต้องสวมหมวกกันน็อกตลอดเวลาในขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ เพื่อป้องกันเครื่องยนต์ดับ หากผู้ผลิตรถจักรยานยนต์มองเห็นคุณค่าและหยิบเอานวัตกรรมชิ้นนี้มาใช้งานจริงๆ