สกว.จัดกิจกรรมบินข้ามฟ้า-พาข้ามวัฒนธรรม ชวนเด็กไทยทั่วประเทศร่วมกิจกรรมกับเด็กนิวซีแลนด์-สหรัฐฯ สัมผัสวิทยาศาสตร์ของจริง ดึงนาซาให้เล่นด้วย เผยจากกิจกรรมที่ผ่านมา เยาวชนสามารถคำนวณเส้นผ่านศูนย์กลางโลกจากเงาเสาธงคลาดเลื่อนเพียง 1-2% เตรียมเดินหน้ากิจกรรมประกวดและสำรวจเมฆ
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) จัดงานแถลงข่าวโครงการบูรณาการภูมิปัญญาไทยและเทคโนโลยีเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (The Mongkut Project) วันนี้ (14 ต.ค.) เพื่อรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณในพระปรีชาญาณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ที่ทรงพลิกผันความเป็นวิทยาศาสตร์ให้กับสังคมไทย โดยมี ดร.สิริกร มณีรินทร์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ เป็นประธานเปิดงาน
ดร.สิริกร กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการหนึ่งในการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ของศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์โลกและดาราศาสตร์ (Learning center for Earth Science and Astronomy : LESA) ซึ่งสกว.ให้การสนับสนุนเพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนและครูจากทุกโรงเรียนในภาคของประเทศไทย ได้สัมผัสกับโลกวิทยาศาสตร์ในสภาพที่เป็นจริง
สำหรับโรงเรียนไทยที่เข้าร่วมโครงการได้แก่ ร.ร.บ้านขุนกลาง จ.เชียงใหม่ ร.ร.พิชญศึกษา จ.นนทบุรี ร.ร.ธรรมวิทยามูลนิธิ .ยะลา ร.ร.ปราโมชวิทยารามอินทรา กทม. ร.ร.ดาราวิทยาลัย จ.เชียงใหม่ และร.ร.จตุคามวิทยาคม จ.นครราชสีมา โดยจะจับคู่การเรียนรู้ร่วมกันกับโรงเรียนในประเทศนิวซีแลนด์คือ ร.ร.เกลน อีเดน (Glen Eden Intermediate school, Glen Eden Primary School) ร.ร.เคลตัน (Kelton Boys High School) ร.ร.วางการี (Whangarei Boys High School) ร.ร.เวสต์เลค (Westlake Boys High School) และ ร.ร.คัสต์ (Cust School) ตามลำดับ
“ทั้งนี้ โครงการหนึ่งที่ได้ดำเนินการแล้วคือ กิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์จากการวัดเงาเสาธงเพื่อคำนวณเส้นผ่านศูนย์กลางของโลก ซึ่งได้มีการขยายไปร่วมมือกับโรงเรียนในประเทศนิวซีแลนด์และประเทศสหรัฐอเมริกาด้วย จึงถือเป็นการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ข้ามประเทศและวัฒนธรรม โดยปีนี้มีนักเรียนและครูมากกว่า 380 ทีม 1,086 คน จาก 276 โรงเรียนเข้าร่วมโครงการ ซึ่งค่าทดลองที่ได้จากการศึกษาของเยาวชนมีความผิดพลาดเพียง 1-2 % หรือคลาดเคลื่อนบวก/ลบ 300 กม.จากความยาวเส้นผ่านศูนย์กลางของโลกจริง 12,756 กม.” ดร.สิริกร กล่าว
ทางด้าน น.อ.ฐากูร เกิดแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์ LESA กล่าวว่า นอกจากกิจกรรมวัดเงาเสาธงแล้ว ยังมีอีกกิจกรรมหนึ่งที่น่าสนใจคือ กิจกรรมศึกษาเรื่องเมฆ การเกิดพายุ และการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ซึ่งสกว.ร่วมงานกับมหาวิทยาลัยโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา และองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ หรือนาซา (NASA) ในการใช้ภาพถ่ายดาวเทียม Cloudsat เพื่อการศึกษาก้อนเมฆ ซึ่งนักเรียนในโรงเรียนเครือข่าย LESA กว่า 30 โรงเรียนจะเข้าร่วมกิจกรมดังกล่าว
ด.ช.จักรี วชิรพงศ์ไพร นักเรียนชั้น ม. 3 ร.ร.บ้านขุนกลาง จ.เชียงใหม่ หนึ่งในผู้ร่วมโครงการกล่าวว่า จากกิจกรรมที่เข้าร่วม เขารู้สึกประทับกิจกรรมการศึกษาก้อนเมฆมาก เพราะขณะอยู่บนดอยก็ชอบมองดูท้องฟ้าบ่อยๆ แต่เป็นการมองเพื่อความสวยงามกว่า แต่เมื่อได้ร่วมโครงการแล้ว ทำให้มองเมฆในมุมมองต่างไปคือ มองแล้วรู้จักชื่อและชนิดของมัน พร้อมทั้งสามารถใช้ประโยชน์จากการดูก้อนเมฆได้คือ สามารถทำนายล่วงหน้าได้ว่า ฝนจะตกหรือไม่ เพื่อจะสามารถหลีกเลี่ยงการเดินทางได้
ด้าน ด.ญ.ลาฏิฟาห์ สาและอารง นักเรียนชั้น ม.3 ร.ร.ธรรมวิทยามูลนิธิ จ.ยะลา กล่าวว่า ความรู้ที่ได้จากการเข้าร่วมโครงการสามารถนำไปประยุกต์ใช้ประโยชน์ได้ นอกจากนี้ ยังสามารถถ่ายทอดความรู้นี้แก่ผู้อื่นได้อีกด้วย
ทั้งนี้ LESA ได้จัดให้มีการประกวดภาพวาดเมฆเพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนไทยได้ร่วมแข่งขันกับนักเรียนทั่วโลกด้วย โดมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักเรียนได้รู้จักเมฆชนิดต่างๆ อนึ่ง เกณฑ์การตัดสินรางวัลจะพิจารณาจากความถูกต้องของชนิดเมฆ ความคิดสร้างสรรค์ และความสวยงาม สำหรับภาพที่ชนะเลิศจะนำไปทำเป็นปฏิทิน Cloudsat ในปี 2007 ซึ่งเด็กและเยาวชนที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.lesaproject.com หรือ http://cloudsat.atmos.colostate.edu/outreach/