ปีหนึ่งๆ คนจำนวนมากต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคที่เกี่ยวเนื่องกับกระดูกคอและกระดูกสันหลังคด เคลื่อน หรือหัก แต่มีผู้ป่วยจำนวนน้อยนิดเท่านั้นที่มีโอกาสรับการรักษาอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ เนื่องจากขั้นตอนการรักษานั้นยุ่งยากมากและต้องอาศัยทุนทรัพย์เพื่อการรักษาหลายแสนบาท เพราะเป็นสินค้าที่ต้องนำเข้าจากประเทศพัฒนาแล้วเพียงอย่างเดียว ผู้ป่วยที่ไม่มีกำลังทรัพย์เพียงพอจึงยากที่จะหลีกเลี่ยงจากความทรมานนี้ไปได้
ด้วยเหตุนี้ จึงมีผู้ที่คิดพัฒนาโลหะผสมดามกระดูกสันหลังในประเทศไทยขึ้น ด้วยการออกแบบเครื่องมือรวมถึงระบบการผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ที่เหมาะสมกับการใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ผลิตขึ้น อันเป็นวิธีการที่ทำให้ประเทศไทยมีเทคโนโลยีแก้ปัญหาโรคข้อกระดูกต่างๆ ด้วยสิ่งประดิษฐ์สิทธิบัตรของประเทศไทยเอง เพื่อช่วยให้ค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคคอและกระดูกสันหลังในประเทศถูกลง อีกทั้งลดการนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศไปในตัว
บุคคลดังกล่าวคือ รศ.นพ.ประกิต เทียนบุญ จากคณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้รับรางวัลนักเทคโนโลยีดีเด่นประจำปี 2548 จากมูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์นั่นเอง
สำหรับที่มาของการพัฒนาโลหะผสมดามกระดูกสันหลัง รศ.นพ. ประกิต กล่าวว่า จากประสบการณ์เป็นแพทย์รักษาโรคกระดูกสันหลังมาเป็นเวลานาน ได้พบปัญหาในการรักษาพยาบาลหลายประการ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่จำเป็นต้องรับการรักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งพบว่า การรักษาโรคกระดูกสันหลังนับวันยิ่งมีความยุ่งยากซับซ้อนมากขึ้น พร้อมๆ กับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะเมื่อต้องมีการใส่โลหะดามกระดูกสันหลัง ซึ่งในอดีตต้องนำเข้าทั้งหมด
“โลหะดามกระดูกสันหลังที่นิยมมากที่สุดคือ Pedicular screw rod system ซึ่งมีราคาต่อชุดประมาณ 1 แสนบาท ผู้ป่วยบางคนป่วยมากก็ต้องใส่หลายชุด ค่าใช้จ่ายจึงแพงมาก และทำให้ประเทศต้องเสียเงินตราให้กับต่างประเทศเป็นจำนวนมาก” รศ.นพ.ประกิต กล่าวและแจกแจงต่อว่า เพราะฉะนั้น ในปี 2538 เขาจึงได้เริ่มคิดรูปแบบของโลหะดามกระดูกสันหลังขึ้นเอง และวางเป้าหมายให้ทุกขั้นตอนการคิดและผลิตให้เกิดขึ้นภายในประเทศไทยทั้งหมด ยกเว้นกรณีที่ไม่มีทางหลีกเลี่ยงจริงๆ เท่านั้น โดยที่ผ่านมาได้ออกแบบและพัฒนาเทคโนโลยีโลหะผสมดามกระดูกสันหลังและมีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง
“บริษัท PTS Medical จึงถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมา โดยมุ่งมั่นในเรื่องของการผลิตโลหะดามกระดูกสันหลังที่ได้มาตรฐานทัดเทียมหรือดีกว่าต่างประเทศ ไม่มีการลอกเลียนแบบ หรือทำซ้ำกับของต่างประเทศ ทั้งหมดต้องถูกคิดและประดิษฐ์ขึ้นเองเท่านั้น และต้องไม่คำนึงถึงเรื่องการค้ากำไรเป็นหลัก” รศ.นพ.ประกิต กล่าวและว่า ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา นับว่าประสบความสำเร็จใกล้เคียงกับที่ตั้งไว้แต่แรก เนื่องจากไม่เพียงแต่พัฒนาโลหะดามกระดูกสันหลังให้ใช้งานได้ดีทัดเทียมต่างประเทศเท่านั้น แต่ยังสามารถที่จะทำให้ลดราคาลงได้มากอีกด้วย
รศ.นพ.ประกิต เผยว่า ราคาโลหะดามกระดูกสันหลังที่ผลิตในประเทศไทยชนิดสแตนเลส สตีล ที่ถูกที่สุดมีราคาประมาณ 18,000 บาทส่วนราคาของโลหะชุดไททาเนียมที่ถูกที่สุดอยู่ที่ 23,500 บาท และคาดว่าต่อไปราคาก็จะถูกลงกว่านี้อีกหากมีการผลิตในปริมาณมาก
ทั้งนี้ รศ.ดร.ประกิต กล่าวถึงความคาดหวังในอนาคตว่า เขาอยากเห็นกระบวนการผลิตโลหะผสมดามกระดูกสันหลังอย่างครบวงจรภายในประเทศไทย และอยากให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อ.ย.) เข้ามากำหนดคุณสมบัติของโลหะดามกระดูกสันหลังให้ได้มาตรฐานเพื่อให้ผู้ผลิตสามารถผลิตสินค้าได้เป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศต่อไป ไม่เช่นนั้นแล้ว ก็จะไม่สามารถนำไปขยายผลการใช้ในต่างประเทศได้
"เป้าหมายสูงสุดที่ตั้งเอาไว้คือ อยากเห็นประเทศไทยเป็นผู้นำเรื่องโลหะดามกระดูกสันหลังของโลก" รศ.นพ.ประกิต กล่าวอย่างมุ่งมั่น
นักเทคโนโลยีดีเด่นประจำปี 2548 อธิบายเพิ่มเติมว่า ความรู้ในเรื่องโลหะดามกระดูกสันหลังที่มีอยู่ในปัจจุบันยังถือเป็นเพียงยุคเริ่มต้นเท่านั้น พัฒนาการของโลหะดาม เชื่อม หรือเสริมกระดูกสันหลังยังต้องเดินทางอีกไกลกว่าจะถึงเป้าหมายสูงสุดคือ การทำให้กระดูกสันหลังทำหน้าที่ได้เหมือนกระดูกสันหลังของคนปกติทั่วไป อาทิ มีความแข็งแรงทนทาน มีรูปร่างและทรวดทรงเหมือนกระดูกสันหลังเดิม สามารถเคลื่อนไหวและทำหน้าที่ได้ปกติโดยการพัฒนา 2 ขั้นตอนคือ ตัววัสดุที่ใช้และวิธีการที่กระทำ
“ในช่วงแรกของยุคสุดท้ายของการพัฒนาจะเป็นการพัฒนาวัสดุก่อนแล้วต่อไปเมื่อสามารถพัฒนาวัสดุได้จนเข้าที่แล้ว จึงจะเข้าสู่การพัฒนาในเรื่องวิธีการเพื่อให้ง่ายในการกระทำ ไม่เกิดอันตรายต่อผู้ป่วย แผลผ่าตัดเล็ก เจ็บปวดน้อย หายหรือฟื้นตัวจากการผ่าตัดอย่างรวดเร็ว สำหรับการผลิตในปัจจุบัน แม้ว่าจะยังมุ่งเน้นที่ผู้ป่วยชาวไทยเป็นหลัก แต่ในอนาคตอันใกล้จะเริ่มทำการตลาดออกไปสู่ต่างประเทศเมื่อมีความพร้อมเต็มที่แล้ว”
รศ.นพ.ประกิต ชี้แจงอีกว่า การนำออกไปยังตลาดต่างประเทศถือเป็นเรื่องใหญ่มาก และเป็นเป้าหมายงานที่ต้องเตรียมพร้อมให้ครบถ้วน เนื่องจากเป็นอุปกรณ์การแพทย์ที่ต้องใส่เข้าไปในร่างกายมนุษย์ จึงต้องมีกฎระเบียบมากมาย ที่สำคัญ ต้องเข้าได้กับกฎข้อบังคับของสากลและของประเทศที่จะนำเข้าด้วย ในการทำงานครั้งนี้จึงต้องมีความช่วยเหลือจากภาครัฐมาเกี่ยวข้องด้วยอย่างแน่นอน หากทำได้ ประเทศก็จะได้ประโยชน์มหาศาล เนื่องจากเป็นการบุกเบิกการผลิตโลหะดามกระดูกสันหลังซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีชั้นสูงของประเทศขึ้นเองโดยไม่ได้ลอกเลียนใคร และเป็นเจ้าเดียวในภูมิภาคนี้ที่สามารถผลิตขึ้นเองได้
“การพัฒนาโลหะดามกระดูกสันหลัง” จึงถือเป็นการบรรเทาความทุกข์ยากให้กับเพื่อนร่วมสังคมได้อย่างมีนัยสำคัญหากมีการพัฒนาต่อไปและสามารถลดค่าใช้จ่ายได้มากจริง ขณะที่ประสิทธิภาพการรักษาผู้ป่วยสูงขึ้นตามความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม ยังมีประเทศกำลังพัฒนาจำนวนมากที่ยังขาดแคลนเครื่องมือการแพทย์ในจำนวนมหาศาล ความตั้งใจของ รศ.นพ.ประกิต ที่ตั้งบนพื้นฐานที่จะไม่หวังผลกำไรเป็นหลัก จึงส่งประกายความหวังให้กับผู้ป่วยโรคกระดูกสันหลังและคอทั่วโลกอย่างน่าชมเชยยิ่ง