นักศึกษาลาดกระบังฯ ดัดแปลงระบบ RFID มาใช้กับรถโดยสารประจำทางอัจฉริยะแบบไฮบริด ใช้พลังงานร่วมไฟฟ้า-แสงอาทิตย์ ลดการใช้พลังงาน เตรียมเสนอ กทม. เอาไปพิจารณาเพื่อนำไปใช้งานจริง
นับวันระบบอาร์เอฟไอดี (RFID-Radio Frequency Identification) หรือระบบการระบุลักษณะของวัตถุด้วยคลื่นวิทยุ ก็ยิ่งเป็นที่รู้จักสำหรับสังคมไทยมากขึ้น เนื่องจากรัฐบาลได้ตื่นตัวส่งเสริมการจัดการและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนี้มากขึ้น แม้ว่ามันจะไม่ใช่สิ่งใหม่สำหรับหลายประเทศที่ใช้กันมากว่า 10 ปีแล้วก็ตาม แต่ประเทศไทยก็เพิ่งนำเข้ามาใช้งานเมื่อ 2-3 ปีมานี้เท่านั้น
หลายฝ่ายจึงจับตามองเทคโนโลยีตัวนี้ เพื่อหาช่องทางพัฒนาต่อยอดและปรับใช้กับสังคมไทยให้กลมกลืนมากที่สุด คณาจารย์และนักศึกษาจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) อันประกอบด้วยนักศึกษาปริญญาโท ภาควิชาอิเลคทรอนิกส์ 3 คนคือ นายนครินทร์ เรืองศรี นายกิตติพงษ์ รงสวัสดิ์ และนายเสกสรร ธิมากุล ก็เป็นหนึ่งในนั้น ด้วยผลงานการประดิษฐ์ “รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนอัจฉริยะ” ซึ่งผสานระบบอาร์เอฟไอดี และการใช้พลังงาน 2 ระบบคือพลังงานไฟฟ้ากับพลังงานแสงอาทิตย์ เข้าด้วยกัน
“แรงจูงใจที่ทำให้สร้างรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนอัจฉริยะเริ่มมาจาก รศ.ดร.วีระเชษฐ์ ขันเงิน จากภาควิชาไฟฟ้ากำลัง และรศ.ดร.อภินันท์ ธนชยานนท์ จากภาควิชาอิเลคทรอนิกส์ ซึ่งสนใจและทำโครงการในเรื่องอาร์เอฟไอดีอยู่แล้วได้ชักชวนให้นักศึกษาลองทำโครงการประยุกต์ใช้ระบบอาร์เอฟไอดีตาม” นายนครินทร์ หนึ่งในทีมประดิษฐ์ กล่าวถึงที่มาของโครงการและว่า
โครงการของพวกเขาคือการสร้างแบบจำลองการนำระบบอาร์เอฟไอดีมาใช้กับระบบการขนส่งมวลชนในสถานการณ์จริง ซึ่งสิ่งประดิษฐ์ของพวกเขาแบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ 1.แบบจำลองระบบขนส่งมวลชนอัจฉริยะ และ 2. ตัวอย่างรถไฮบริดอัจฉริยะต้นแบบ
แบบจำลองระบบขนส่งมวลชนจะประกอบด้วย 3 ส่วนหลักๆ คือ 1. ถนนจำลองซึ่งมีแท็ก (Tag) ฝังไว้ใต้พื้นเป็นระยะๆ 2. รถโดยสารจำลองที่ติดเครื่องอ่าน (Reader)ไว้ที่ใต้ท้องรถ และ 3. จอคอมพิวเตอร์ประจำป้ายรถโดยสารประจำทาง เพื่อระบุตำแหน่งและเวลาที่จะมาถึงของรถโดยสาร พร้อมทั้งบอกจำนวนที่นั่งที่ยังว่างบนรถเพื่อการตัดสินใจของผู้โดยสาร
ส่วนตัวอย่างรถไฮบริดต้นแบบนั้นจะนำเอาระบบอาร์เอฟไอดีมาใช้งานจริง พร้อมๆ กับการใช้พลังงานไฟฟ้าร่วมกับพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อเป็นตัวอย่างรถประหยัดพลังงาน
“เมื่อรถวิ่งไปบนถนนที่ติดแท็กเอาไว้ใต้พื้น เครื่องอ่านที่ตัวถังรถก็จะอ่านค่าจากแท็ก แล้วส่งสัญญาณความถี่วิทยุ 418 MHzไปยังคอมพิวเตอร์ที่มีประจำอยู่ทุกป้ายรถโดยสารประจำทาง ซึ่งจะมีจอภาพแสดงผลให้แก่ผู้ที่ยืนรออยู่ที่ป้าย โดยใช้โปรแกรมวิชวล เบสิก (Visual Basic ) เขียนโปรแกรมแสดงผลหน้าจอคอมพิวเตอร์ ส่วนที่เครื่องอ่านจะเขียนโปรแกรมด้วยแอสเซมบลี (Assembly)”
นายนครินทร์ กล่าวต่อว่า พวกเขาได้พัฒนาระบบด้วยเวลาประมาณ 10 วัน ซึ่งในระยะต่อไปจะเสนอแบบจำลองรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนอัจฉริยะให้แก่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้พิจารณาเพื่อนำไปใช้ด้วย หรืออาจนำไปลองใช้งานในมหาวิทยาลัย โดยขณะนี้ เขาและเพื่อนๆ ก็ต่างทำวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโทในเรื่องการออกแบบอุปกรณ์อาร์เอฟไอดีด้วยเช่นกัน
หลายคนอาจเผลอคิดไปว่า โครงการ“รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนอัจฉริยะ” นี้เป็นได้เพียงจินตนาการเท่านั้น แต่จากคำกล่าวที่ลือเลื่องที่ว่า “จินตนาการสำคัญกว่าความรู้” ของนักฟิสิกส์เอกอุระดับโลกอย่างอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ความพยายามในการดัดแปลงและประยุกต์ใช้ระบบอาร์เอฟไอดีของกลุ่มคนทำงานกลุ่มเล็กๆ นี้ ย่อมจะไม่สูญเปล่าอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม มีเพียง “เวลา” เท่านั้นที่จะสามารถพิสูจน์สิ่งที่พวกเขาทำอยู่นี้ได้