xs
xsm
sm
md
lg

กวางเรนเดียร์

เผยแพร่:   โดย: สุทัศน์ ยกส้าน


เรามักพบกวางเรนเดียร์ (reindeer) ในประเทศที่เรียงรายรอบมหาสมุทรอาร์กติก เช่น นอร์เวย์ แคนาดา ไซบีเรีย สวีเดน ฟินแลนด์ กรีนแลนด์ และอะแลสกา เพราะภูมิประเทศแถบนี้หรือที่เรียกว่า tundra นั้น เมื่อถึงหน้าหนาวที่มีหิมะตกนาน 9 เดือนใน 1 ปี น้ำในทะเลสาบ และแม่น้ำจะกลายเป็นน้ำแข็ง และการมีฤดูร้อนที่นานประมาณ 2-3 เดือนซึ่งสั้นมาก ทำให้ต้นไม้ขนาดใหญ่ไม่ขึ้น จะมีก็แต่ต้นไม้ขนาดเล็ก และหญ้ามอสเท่านั้นที่ขึ้นได้ และเมื่อถึงหน้าร้อนที่หิมะละลาย ดอกไม้จะเริ่มบาน แมลงจะออกบิน ดวงอาทิตย์จะขึ้นสูงๆ ทุกวัน กลางวันจะนานขึ้นๆ จนในที่สุด ดวงอาทิตย์ก็จะยังปรากฏแม้เป็นเวลาเที่ยงคืน แล้วฤดูหนาวก็หวนกลับมาอีก นั่นคือกลางวันจะสั้นลงๆ จนในที่สุดก็ไม่มีกลางวันเลย

นี่คือสภาพของภูมิประเทศที่กวางเรนเดียร์อาศัยอยู่ แต่กวางชนิดนี้ก็ไม่ชอบอยู่ติดที่ เพราะเมื่อถึงหน้าหนาว ฝูงกวางจะพากันอพยพลงใต้ เวลากวางอพยพย้ายถิ่น มันจะเดินเป็นขบวนอย่างรู้จุดหมาย โดยให้ตัวเมียเดินนำไปก่อน แล้วอีก 2-3 ตัวต่อมา ตัวผู้ก็จะเดินตาม และขณะอพยพศัตรูของมันซึ่งได้แก่ สุนัขป่าก็อาจเฝ้าดูอยู่ใกล้ขบวน เพื่อจับกินกวางตัวที่อ่อนแอ หรือตัวที่พลัดฝูง หรือตัวที่เดินไม่ทันเพื่อน อนึ่งเวลาอพยพเหล่ากวางจะทยอยเดินตามกันอย่างต่อเนื่อง คือไม่หยุดเดิน แม้เห็นรถไฟกำลังมา ดังนั้น รถไฟก็จะหยุดให้ฝูงกวางข้ามทางรถไฟจนหมด เพราะถ้ารถไฟไม่หยุด ฝูงกวางก็จะเดินพุ่งชนรถไฟเรื่อยๆ เมื่อฝูงกวางเดินทางถึงจุดหมายปลายทาง ซึ่งเป็นสถานที่ที่อากาศอบอุ่น และมีอาหารอุดมสมบูรณ์ มันจะเริ่มผสมพันธุ์เพื่อให้ลูกกวางเกิดทันฤดูใบไม้ผลิ

กวางเรนเดียร์มีลำตัวสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนกวาง caribou ซึ่งเป็นกวางเรนเดียร์อีกพันธุ์หนึ่งที่เลี้ยงกันมากในอเมริกาเหนือนั้น มีลำตัวที่สูงกว่าคือ ประมาณ 1.3 เมตร ถึงแม้จะสูงต่างกัน แต่กวางเรนเดียร์ทุกตัวก็มีคอหนา ลำตัวยาว เท้ามี 2 กีบเหมือนเท้าวัว ฉะนั้นเวลายืนบนหิมะ กีบทั้งสองจะแยกออกเพื่อรับน้ำหนักตัวไม่ให้จมลงในหิมะ และกวางมักใช้กีบที่คมนี้คุ้ยเขี่ยหาอาหารที่ฝังอยู่ใต้หิมะกิน ตามปกติกวางจะอ้วนท้วนสมบูรณ์ในหน้าร้อน ซึ่งเป็นเวลาที่มันมีอาหารอุดมสมบูรณ์ และเมื่อถึงหน้าหนาวซึ่งเป็นเวลาที่อาหารขาดแคลน กวางจะผอม

กวางเรนเดียร์ชอบใช้ชีวิตเป็นฝูง การยืนเป็นกลุ่มนอกจากจะทำให้ร่างกายของมันอบอุ่น เวลาพายุหิมะพัดแล้ว ยังช่วยให้สุนัขป่าไม่กล้าเข้ามาลอบฆ่ามันด้วย เพราะถ้ากวางตัวใดพลัดหลงฝูง กวางตัวนั้นก็มีสิทธิถูกสุนัขป่าฆ่าทันที เพราะสุนัขป่าจะวิ่งไล่ล่ามันอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย จนกวางที่พลัดหลงฝูงนั้นหมดแรง และยอมให้สุนัขป่ากัดมันในที่สุด

กวางเรนเดียร์ตามปกติเปลี่ยนสีขน เช่น ในหน้าร้อนขนที่ขึ้นดกตามตัวจะมีสีน้ำตาล ขนคอจะมีสีขาว และขนท้องก็ขาว แต่เมื่อถึงหน้าหนาว ขนตัวจะเปลี่ยนเป็นสีเทา เพื่อให้เข้ากับสีของหิมะที่กำลังจะตก และชาวเอสกิโมและชาวแลปป์มักใช้ขนกวางทอเป็นเสื้อกันหนาวเป็นผ้าห่ม เพราะได้พบว่าขนให้ความอบอุ่น ส่วนหนังกวางนั้นนิยมใช้ทำเต็นท์ที่มีลักษณะเหมือนกระโจมอินเดียนแดง ทั้งนี้เพราะหนังกวางสามารถทนพายุหิมะที่พัดไม่รุนแรงนักได้ นอกจากนี้นมกวางก็ยังสามารถใช้เป็นเครื่องดื่มได้ด้วย

ชาวแลปป์ชอบเลี้ยงกวางเรนเดียร์เป็นสัตว์เลี้ยง เหมือนกับที่ชาวอินเดียนิยมเลี้ยงวัว และชาวยุโรปนิยมเลี้ยงแกะ และมักมีประเพณีเชื่อกันว่า จำนวนกวางคือดัชนีชี้บอกฐานะของเจ้าของ เช่น ถ้าใครมีกวางน้อยกว่า 25 ตัว คนคนนั้นยากจน เขาจึงอาจต้องนำกวางที่ตนมีไปฝากเลี้ยงกับคนอื่นที่ร่ำรวยกว่า แล้วรับจ้างเป็นผู้ดูแลกวางทั้งฝูงให้ และเพื่อให้รู้ว่ากวางตัวใดเป็นของตน เจ้าของกวางมักใช้วิธีทำเครื่องหมายแสดงความเป็นเจ้าของที่หูกวางตัวนั้นๆ

หน้าที่หลักหนึ่งของกวางเรนเดียร์คือ ลากเลื่อน เพราะกวางชนิดนี้แข็งแรงและชินกับสภาพอากาศ ดังนั้น หากเป็นการเดินทางระยะสั้น ความเร็วในการเดินทางอาจสูงถึง 40 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่ถ้าเป็นการเดินทางไกล กวางอาจเดินได้ไกล 160 กิโลเมตรในหนึ่งวัน

กวางเรนเดียร์เป็นสัตว์ที่ไม่ชอบต่อสู้กับสัตว์อื่น แต่ชอบต่อสู้กันเอง เวลาแย่งตัวเมีย กวางตัวผู้ที่มีเขาสวยจะขวิดจะชนกัน จนตัวหนึ่งชนะแล้วมันก็จะสร้างฮาเร็ม ส่วนตัวซึ่งมีตัวเมียหลายตัวเป็นสมาชิก แต่ถ้าการต่อสู้ไม่ยุติ มันก็จะสู้กันไปเรื่อยๆ โดยไม่หยุดกินอาหาร จนบางครั้งเขากวางพันกันอย่างแยกจากกันไม่ได้ หากเหตุการณ์ที่ว่านี้บังเกิด กวางก็จะอดอาหารตายทั้งคู่

ในหนังสือเรื่อง Can Reindeer Fly? ของ Roger Highfield ที่จัดพิมพ์โดยบริษัท Metro ISBN 1900512440 ราคา 13 ปอนด์ Highfield ได้กล่าวถึงความเป็นวิทยาศาสตร์ของเทศกาลคริสต์มาส เช่นว่า Santa Claus ใช้กวางเรนเดียร์ลากเลื่อนไปเยือนบ้านนับพันล้านบ้านในคืนวันคริสต์มาสเพียงคืนเดียวได้อย่างไร

แต่ถ้าพิจารณาความเป็นไปได้ เราก็จะเห็นว่า เรื่อง Santa Claus กับกวางเรนเดียร์นี้เป็นนิทานเพราะ

(1) เท่าที่ประจักษ์ ไม่มีกวางเรนเดียร์ชนิดใดพันธุ์ใดบินได้หรือเหาะได้

(2) โลกนี้มีเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ประมาณ 2,000 ล้านคน ซึ่งเด็กกลุ่มนี้เป็นเด็กนับถือมุสลิม ฮินดู พุทธ คริสต์ ฯลฯ ดังนั้น ถ้าพิจารณาเฉพาะเด็กที่นับถือคริสต์ศาสนาซึ่ง Santa Claus จะต้องไปเยี่ยมจำนวนก็จะลดลงเหลือประมาณ 380 ล้านคน ซึ่งจะกระจายอยู่ตามบ้านต่างๆ ประมาณ 92 ล้านบ้าน และถ้าบ้านเหล่านี้แต่ละบ้านมีเด็กนิสัยดี 1 คน นั่นก็หมายความว่า

(3) Santa Claus มีเวลา 31 ชั่วโมง ในการเดินทางไปเยี่ยมเด็กใน 92 ล้านบ้านทุกคนนั่นคือ Santa Claus ต้องเยี่ยมบ้านให้ได้ 824 หลัง ใน 1 วินาที และถ้าเราประมาณว่า Santa Claus ใช้เวลา 1/1,000 วินาที ในการจอดเลื่อน กระโดดจากเลื่อนลงทางปล่องไฟ เอาของขวัญใส่ถุงเท้าเด็กแล้วเอาของขวัญที่เหลือวางใต้ต้นคริสต์มาส กระโจนขึ้นปล่องไฟแล้วขับเลื่อนไปบ้านถัดไป หากบ้านแต่ละบ้านอยู่ห่างกัน 1.25 กิโลเมตร Santa Claus ต้องเดินทาง 1.25x92 ล้านกิโลเมตร = 115 ล้านกิโลเมตร ในคืนวัน Christmas ด้วยความเร็ว 1,040 กิโลเมตร/วินาที ซึ่งนับว่าเร็วประมาณ 3,000 เท่าของความเร็วเสียง

(4) สำหรับประเด็นน้ำหนักของขวัญบนเลื่อน ถ้าเรากำหนดให้เด็กแต่ละคนได้ของขวัญคนละ 1 กิโลกรัม เลื่อนจะต้องบรรทุกน้ำหนักถึง 92 ล้านตัน และต้องลากด้วยกวาง 62 ล้านตัว

(5) แล้วกวาง 62 ล้านตัวที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงถึง 1,040 กิโลเมตร/วินาที จะถูกอากาศเสียดสีจนร้อนลุกไหม้ และสิ้นใจตายในทันทีทันใด และพร้อมกันนั้นก็จะมีเสียงโซนิกบูมเกิดขึ้นด้วย ภายในพริบตาตัว Santa เองก็จะถูกเผาไหม้จนตายไปด้วย

ดังนั้น เรื่องเล่าที่ว่า Santa มีจริง และกวางเรนเดียร์เหาะได้ และเด็กดีทุกคนได้รับของขวัญวันคริสต์มาสอีฟเป็นนิทานครับ

สุทัศน์ ยกส้าน ภาคีสมาชิก ราชบัณฑิตยสถาน

กำลังโหลดความคิดเห็น