xs
xsm
sm
md
lg

"ฝรั่งเศส" ได้ตอกเสาเข็ม สร้างโรงงานนิวเคลียร์ "ฟิวชัน"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี/บีบีซีนิวส์ - ในที่สุด 6 ชาติสมาชิกโครงการ "อิเทอร์" ก็ได้ข้อสรุปใช้เมือง "กาดาราช" เป็นสถานที่ "ตอกเสาเข็ม" โครงการทดลองสร้างเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ "ฟิวชัน" หลังขัดแย้งเรื่องที่ตั้งอยู่นานระหว่างฝรั่งเศสและญี่ปุ่นจนโครงการเกือบจะล่มอยู่หลายครั้งหลายครา เชื่อว่าในไม่ช้ามนุษย์โลกจะได้ใช้พลังงานแบบเดียวกับบนดวงอาทิตย์

โครงการ "อิเทอร์" ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์นานาชาติ ในการทดลองสร้างเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบฟิวชันเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า มูลค่า 10,000 ล้านยูโร (12,000 ล้านดอลลาร์) ผ่านปล้องอุปสรรคสำคัญไปได้เมื่อวานนี้ (28 มิ.ย.) เมื่อ 6 ชาติภาคีสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้ง ลงนามในข้อตกลงอย่างเป็นทางการ ให้สร้างโรงไฟฟ้าทดลองขึ้นในภาคใต้ของฝรั่งเศส ภายหลังญี่ปุ่นยอมถอนตัว

ทั้งนี้ โครงการอิเทอร์ มีอันต้องชะงักงันมาเป็นเวลาถึง 18 เดือน เนื่องจากฝรั่งเศสกับญี่ปุ่นต่างช่วงชิงกันให้สร้างเตาปฏิกรณ์ทดลองขึ้นในประเทศของตน โดยที่สหรัฐฯกับเกาหลีใต้หนุนหลังแดนอาทิตย์อุทัย แต่สหภาพยุโรป(อียู) รัสเซีย และจีน สนับสนุนแดนน้ำหอม

ประธานาธิบดีฌากส์ ชีรัค (President Jacques Chirac) แห่งฝรั่งเศส แถลงว่า เขาปีติยินดีมากที่ฝรั่งเศสได้รับเลือก และในวันพฤหัสบดี (30 มิ.ย.) นี้ เขาจะเดินทางไปดูสถานที่ซึ่งแดนน้ำหอมกำหนดให้เป็นที่ก่อสร้างในเมืองกาดาราช (Cadarache) ทางภาคใต้ของประเทศ

โครงการอิเทอร์ปรารถนาที่จะให้โลกมีพลังงานใช้สอยที่ราคาถูก สะอาด ปลอดภัย และมีใช้แทบไม่มีสิ้นสุด โดยพลังงานจากเตาปฏิกรณ์ของโครงการอิเทอร์นั้นเป็นพลังนิวเคลียร์ฟิวชัน โดยใช้การรวมตัวของอะตอม มาผลิตกระแสไฟฟ้าแทนที่จะเป็นพลังงานนิวเคลียร์ฟิชชัน ซึ่งได้มาจากการแตกตัวของอะตอม อันเป็นหลักการของโรงไฟฟ้าปรมาณูที่มีอยู่ในโลกเวลานี้ โดยพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชัน ก็คือพลังงานแบบที่ออกมาจากดวงอาทิตย์ตลอดจนดาวฤกษ์ต่างๆ นั่นเอง

ทั้งนี้ "อิเทอร์" (ITER) ตอนแรกถือกันว่าเป็นคำย่อของชื่อเต็มๆ ว่า "โครงการทดลองเครื่องปฏิกรณ์ปรมาณูวิจัยเทอร์โมนิวเคลียร์ระหว่างประเทศ" (International Thermonuclear Experimental Reactor) หรือแต่เวลานี้กำหนดให้ถือว่า ชื่อโครงการ "อิเทอร์" เป็นคำจากภาษาละติน ซึ่งแปลว่า "หนทาง"

แนวความคิดเรื่องโครงการอิเทอร์ ก่อตัวขึ้นจากการประชุมซัมมิตระหว่างประเทศเมื่อปี 2528 ด้วยความมุ่งหมายที่จะเป็นการทดลองว่า เราสามารถที่จะนำเอาปฏิกิริยาฟิวชันซึ่งสร้างขึ้นได้แล้วในห้องทดลอง มาใช้งานจริงๆ ได้หรือไม่ โดยเฉพาะเพื่อช่วยสนองความต้องการพลังงานของโลกในคริสต์ศตวรรษที่ 21

เป็นที่ยอมรับกันว่า การนำเอาหลักการเรื่องนี้มาสร้างเป็นโครงการเป็นเรื่องลำบากยากเย็น และถือเป็นความท้าทายทางเทคโนโลยีอย่างยิ่งยวด เนื่องจากการทำให้อะตอมหลอมรวมกันจนเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์นั้น จำเป็นต้องทำให้แก๊สมีอุณหภูมิสูงถึง 100 ล้านองศา ซึ่งร้อนกว่าใจกลางดวงอาทิตย์หลายเท่านัก และต้องอยู่ภายในสนามแม่เหล็กเข้มข้น

แต่นักวิทยาศาสตร์หวังว่า ผลลัพธ์ที่ได้จะมีคุณค่ามหาศาล เพราะจะได้พลังงานซึ่งสามารถทดแทนพวกพลังงานจากซากฟอสซิล ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ หรือถ่านหิน ที่นับวันหมดสิ้นไปเรื่อยๆ ทั้งนี้ปฏิกิริยาฟิวชันนั้นใช้ไอโซโทปของไฮโดรเจน 2 ตัว ซึ่งตัวหนึ่งได้มาจากน้ำทะเล ส่วนอีกตัวหนึ่งมนุษย์สามารถสร้างขึ้นมาได้ ขณะเดียวกัน พลังงานนิวเคลียร์ฟิวชัน ยังสะอาดกว่าและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าเชื้อเพลิงฟอสซิล ตลอดจนพลังงานนิวเคลียร์ฟิชชันด้วย

หลังจากก่อสร้างโรงงานเสร็จแล้ว คาดว่าการทดลองจะเริ่มได้ราวกลางทศวรรษหน้า และดำเนินต่อเนื่องไปประมาณ 20 ปี จากนั้นก็จะเลิกใช้เตาปฏิกรณ์ทดลอง โดยหากผลการทดลองประสบความสำเร็จ ก็จะมีการสร้างโรงไฟฟ้าฟิวชันเพื่อการสาธิตขึ้นมาได้ราวกลางทศวรรษ 2030 ส่วนโรงไฟฟ้าฟิวชันเพื่อการพาณิชย์ น่าจะสร้างกันได้ราวกลางคริสต์ศตวรรษนี้






กำลังโหลดความคิดเห็น