xs
xsm
sm
md
lg

ยุบสายวิทย์-ศิลป์ ไม่หวั่นกระทบว่าที่ "นักวิทยาศาสตร์" ห่วงเด็กหัวศิลป์ยี้คำนวณ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นักวิทยาศาสตร์ชี้ยุบรวมวิทย์-ศิลป์ไม่กระทบต่อการสร้างนักวิทย์เพราะระบบการศึกษาแบบใดก็ไม่เคยมีใครทำได้อยู่แล้ว แต่ห่วงเด็กสายศิลป์เพราะส่วนใหญ่เลือกเรียนศิลป์เพื่อหนีคำนวณ ด้านคณบดี “พ่อพิมพ์” เห็นด้วยหากมีวิชาเรียนที่ยืดหยุ่น เปิดวิชาให้นักเรียนได้เลือกเรียนอย่างเสรีจริงๆ แต่ไม่เห็นด้วยถ้าจะบังคับให้เรียนเหมือนกันหมด ส่วนอดีตเด็กจากสายวิทย์มองว่าพัฒนาเด็กได้แค่กลางๆ ไม่เต็มที่

จากกรณีที่คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ได้เสนอแนวคิดที่จะยุบรวมการเรียนสายวิทย์-คณิตเข้ากับสายศิลป์ในระดับมัธยมปลายเข้าด้วยกันนั้น คนในแวดวงวิทยาศาสตร์และการศึกษาเขาคิดกันอย่างไร

รศ.ดร.สมชาย ชูชาติ คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญพิเศษในด้านการสอนคณิตศาสตร์กล่าวว่าหากยุบรวมสายวิทย์-คณิตเข้ากับสายศิลป์แล้วให้เรียนเหมือนกันหมดจะไม่เป็นผลดีกับเด็ก เพราะเด็ก ม.ปลายคือวัยรุ่นตอนปลายที่กำลังจะก้าวไปสู่วัยผู้ใหญ่ เป็นวัยหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญในการเลือกเรียนระดับมหาวิทยาลัย และการที่เด็กมีโอกาสเลือกเรียนวิชาใดวิชาหนึ่งตามความถนัดและความสนใจน่าจะเป็นการส่งเสริมให้พื้นฐานในการเรียนต่อแน่นขึ้น

ถ้ารวมเพื่อให้เด็กเรียนเหมือนๆ กัน ไม่เห็นด้วย เพราะเด็กจะไม่ได้เรียนตามความถนัด ถ้ามีวิชาบังคับหลายวิชาแต่มีมีวิชาเลือกเพียงไม่กี่วิชา ไม่ควรรวม แต่เห็นด้วยถ้ารวมแล้วมีความยืดหยุ่นสูงในการเลือกเรียน มีวิชาบังคับที่เรียนรวมกันน้อยและมีวิชาเลือกตามความถนัดได้มากก็เห็นด้วย แต่ต้องไม่ใช่วิชาเลือกที่บังคับให้เลือกตามสภาพที่มีคนสอน เพราะอย่างนั้นจะเป็นการลดศักยภาพการเรียนของเด็ก”

อย่างไรก็ดี รศ.ดร.สมชายเสริมว่าการให้เด็กสายวิทย์เรียนทางด้านศิลปะไม่ว่าจะเป็นการวาดรูป ดนตรีหรือวิชาใดๆ ก็ตามที่แปลกแยกไปจากวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ที่เด็กๆ เรียนอยู่จะช่วยให้เด็กมีอารมณ์สุนทรียะ มีความเป็นมนุษย์ปุถุชนที่ดีและสมองมีการพัฒนาทั้ง 2 ด้าน อีกทั้งยังช่วยให้วัยรุ่นได้สำรวจวิชาการต่างๆ มากขึ้น พร้อมทั้งยกตัวอย่างว่าบางคนไปประกอบอาชีพใดก็ตามก็ยังมีความรักในศิลปะที่ได้ให้ไว้อยู่ เช่น บางคนเป็นหมอแต่ก็หาเวลาไปเล่นดนตรีหรือถ่ายภาพ เป็นต้น

ทางด้านนักวิทยาศาสตร์อย่าง ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ จากศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) กล่าวว่าหากมองในแง่ดีก็จะทำให้เด็กสายวิทย์ได้เรียนภาษาเพิ่ม ซึ่งคิดว่าถ้าจะให้เด็กสายวิทย์ไปเรียนวิชาสายศิลป์ก็มักจะได้ แต่ยังไม่เคยเห็นเด็กสายศิลป์ที่ชอบวิทย์และทำวิชาคำนวณหรือวิชาฟิสิกส์ได้ดีมากๆ และส่วนใหญ่ที่เด็กเลือกเรียนสายศิลป์ก็เพราะต้องการหนีวิชาคำนวณต่างๆ แต่คำถามคือว่าหลังจากรวมแล้วเด็กจะต้องเรียนเพิ่มอีกกี่วิชา เนื่องจากดูเหมือนว่าทั้งสายวิทย์และสายศิลป์ต่างก็เรียนกันเยอะแล้วและแทบจะไม่มีเวลาทบทวนด้วยซ้ำ

ส่วนประเด็นว่าหลังจากรวมสายวิทย์และศิลป์แล้วจะกระทบต่อการสร้างนักวิทยาศาสตร์หรือไม่ ดร.บัญชามองว่าเป็นเรื่องไม่ค่อยน่าห่วง เพราะการซึ่งศึกษาในปัจจุบันก็ไม่ช่วยอะไรมากนักและก็ไม่เคยมีใครสร้างนักวิทยาศาสตร์เก่งๆ ให้กับโลกได้ แม้แต่ไอน์สไตน์ก็ไม่มีใครสร้างให้เขาเก่ง ซึ่งการจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ดีนั้นมี 2 ปัจจัยคือ 1.มีสมองที่ดีพอสมควร และ 2.อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ มีการถกเถียงแลกเปลี่ยนความรู้กับคนอื่น

ในความเห็นของนายณัฐดนัย ปุณณะนิธิ นักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศของสมาคมซิกมา ไซ (Sigma Xi) จากการประกวดโครงงานคลื่นการเดินของกิ้งกือ เมื่อปีที่ผ่านมา ให้ความเห็นว่าการรวมสายวิทย์เข้ากับสายศิลป์นั้นมีผลกระทบกับนักเรียนอย่างแน่นอน โดยยกตัวอย่างน้องสาวของตนที่เรียนสายศิลป์แต่ต้องเรียนฟิสิกส์ เคมี ทำให้เรียนหนักไปเปล่าๆ น่าจะส่งเสริมในด้านที่เด็กสนใจให้มาก เพราะถึงเรียนไปก็เป็นวิชาที่ไม่ได้ใช้อยู่แล้ว

“แต่อาจจะมีผลดี เพราะแยกเรียนตอน ม. 4 อาจจะแยกเร็วไป เด็กอาจจะไม่รู้จักตัวเองดีพอ จึงเลือกเรียนสายวิทย์ไปก่อน และก็ไปเลือกเรียนสายศิลป์ต่อในระดับมหาวิทยาลัยในภายหลัง” นายณัฐดนัยเสริมขณะเดียวกันก็มองว่าคนเราหัวสมองไม่เท่ากันถ้าเรียนรวมกันจะทำให้ได้อะไรที่กลางๆ นักเรียนที่ถนัดวิทย์ก็จะเรียนได้ไม่เต็มที่ ส่วนเด็กที่ถนัดศิลป์ก็เรียนวิทย์ไม่ได้มาก

สุดท้ายกับความเห็นของนางบุปผา พึ่งผลพูล รองผู้อำนวยการฯ ฝ่ายวิชาการ ของโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ซึ่งเป็นสถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่เน้นการเรียนวิทยาศาสตร์อย่างจริงจัง กล่าวว่านอกจากการเรียนวิทยาศาสตร์ที่เข้มข้นแล้ว โรงเรียนยังจัดให้มีการเรียนเสริมตามความสนใจของนักเรียนไม่ว่าจะเป็น ดนตรี กีฬาหรือศิลปะ ซึ่งก็มีบ้างที่เด็กนักเรียนหันไปเรียนต่อทางด้านดนตรีในระดับมหาวิทยาลัยและทำได้ดี โดยให้เหตุผลว่าเป็นเพราะเด็กเก่งอยู่แล้ว และสามารถทำได้ดีทุกวิชา

จะเห็นว่าความเห็นส่วนใหญ่ไม่ได้วิตกหนักหากจะมีการรวมสายวิทย์-คณิต เข้ากับสายศิลป์ เพราะมั่นใจว่าเด็กที่ถนัดสายวิทย์จะได้อยู่แล้ว แต่ก็อาจวิตกบ้างว่าเด็กสายวิทย์อาจได้รับการส่งเสริมในความถนัดไม่เต็มที่ หากแต่ที่น่าเป็นห่วงจริงๆ คือนักเรียนที่เรียนสายศิลป์จะสามารถเรียนร่วมกับเด็กสายวิทย์ได้หรือไม่ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณากันอย่างลึกซึ้ง เพราะบางอย่างอาจจะดีในแง่ของหลักการแต่ในทางการปฏิบัติอาจจะตรงกันข้ามได้
กำลังโหลดความคิดเห็น