อาจารย์ มอ. ทำวิจัย “ถ้วยรับน้ำยาง” เน้นใช้วัสดุธรรมชาติจากท้องถิ่น ผลิตจากแป้งมันสำปะหลัง น้ำยางพาราและดินขาว เผยน้ำหนักเบา แข็งแรง ราคาไม่แพง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หวังทดแทนถ้วยรับน้ำยางที่ผลิตจากพลาสติกและเซรามิก
นายสุรสิทธิ์ ประสารปราน ภาควิชาเทคโนโลยีวัสดุภัณฑ์ คณะอุตสาหกรรมเกษตรมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) ทำวิจัยเรื่อง “การพัฒนาถ้วยรับน้ำยางโดยใช้น้ำยางธรรมชาติและดินขาว” ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เพื่อพัฒนาถ้วยรับน้ำยางที่มีน้ำหนักเหมาะสม คุณภาพแข็งแรง ราคาถูก และเน้นใช้วัสดุจากท้องถิ่นมาแปรรูป เพื่อเพิ่มมูลค่าได้ถ้วยรับน้ำยางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นายสุรสิทธิ์กล่าวว่า โครงงานวิจัยนี้มุ่งเน้นการประยุกต์ใช้น้ำยางพารา ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของภาคใต้มาแปรรูป โดยกระบวนการผลิตใช้น้ำยางพาราที่ผ่านกระบวนการวัลคาไนซ์ผสมกับกาวโพลิไวนิล แอลกอฮอล์ ที่มีต้นทุนของกาวไม่แพงมากนักเป็นตัวเชื่อมประสาน เริ่มแรกนำแป้งมันสำปะหลังมาผสมกับการเสริมแรงคือ ดินขาว จากนั้นแบ่งออกเป็น 2 ส่วนเท่าๆ กัน โดยส่วนหนึ่งนำมาเติมด้วยน้ำร้อนที่อุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียส ในปริมาณร้อยละ 80 ของน้ำหนักแป้งมันสำปะหลังผสมดินขาว คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วเติมสารยึดเหนี่ยวจากยางพาราผสมโพลิไวนิลแอลกอฮอล์ ในปริมาณร้อยละ 30 ของน้ำหนักแป้งมันสำปะหลังผสมดินขาว ทำการนวดผสมแล้วจึงนำไปอัดขึ้นรูปด้วยความร้อนและความดัน
นายสุรสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ผลงานวิจัยขณะนี้พบว่าถ้วยรับน้ำยางที่ผลิตได้มีความแข็งแรงมาก แต่มีข้อเสียในเรื่องเปอร์เซ็นต์การดูดซึมน้ำสูง ซึ่งสามารถแก้ไขด้วยการเคลือบสารอีพ็อคซี (สารป้องกันการดูดซึมน้ำ) เมื่อนำมาทดลองใช้บรรจุน้ำยางพารา พบว่าไม่เพียงใช้งานได้จริง แต่ยังช่วยให้น้ำยางที่กรีดได้ไม่ติดแน่นบริเวณก้นถ้วยเหมือนพลาสติกและเก็บมาเป็นขี้ยางจำหน่ายได้ อีกทั้งถ้วยรับน้ำยางที่ผลิตมีการขึ้นรูปจากแม่พิมพ์ ซึ่งถอดแบบจากถ้วยรับน้ำที่ทำยางจากเซรามิก เบอร์ 2 ที่ชาวบ้านนิยมใช้ ทำให้ลักษณะของถ้วยรับน้ำยางเหมือนกัน แต่มีน้ำหนักเบากว่าถือได้สะดวก ที่สำคัญเมื่อสภาพถ้วยรับน้ำยางเก่า เสื่อมสภาพ ก็สามารถทุบให้แตกปล่อยทิ้งไว้ ถ้วยน้ำยางจะย่อยสลายไปเองตามธรรมชาติ
“อย่างไรก็ดี หากสูตรถ้วยรับน้ำยางนี้ได้รับการพัฒนา ต่อให้มีกระบวนการผลิตที่รวดเร็ว ปริมาณมาก ต้นทุนต่ำ เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมยางพาราได้เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ หากสามารถนำกระบวนการผลิตดังกล่าวไปประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์อื่นๆ ก็จะช่วยให้มีการใช้น้ำยางธรรมชาติมาแปรรูปมากขึ้น ที่สำคัญเป็นการทดแทนถ้วยรับน้ำยางที่ทำจากพลาสติก และไม่ก่อมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย” นายสุรสิทธิ์กล่าว
นายสุรสิทธิ์ ประสารปราน ภาควิชาเทคโนโลยีวัสดุภัณฑ์ คณะอุตสาหกรรมเกษตรมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) ทำวิจัยเรื่อง “การพัฒนาถ้วยรับน้ำยางโดยใช้น้ำยางธรรมชาติและดินขาว” ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เพื่อพัฒนาถ้วยรับน้ำยางที่มีน้ำหนักเหมาะสม คุณภาพแข็งแรง ราคาถูก และเน้นใช้วัสดุจากท้องถิ่นมาแปรรูป เพื่อเพิ่มมูลค่าได้ถ้วยรับน้ำยางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นายสุรสิทธิ์กล่าวว่า โครงงานวิจัยนี้มุ่งเน้นการประยุกต์ใช้น้ำยางพารา ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของภาคใต้มาแปรรูป โดยกระบวนการผลิตใช้น้ำยางพาราที่ผ่านกระบวนการวัลคาไนซ์ผสมกับกาวโพลิไวนิล แอลกอฮอล์ ที่มีต้นทุนของกาวไม่แพงมากนักเป็นตัวเชื่อมประสาน เริ่มแรกนำแป้งมันสำปะหลังมาผสมกับการเสริมแรงคือ ดินขาว จากนั้นแบ่งออกเป็น 2 ส่วนเท่าๆ กัน โดยส่วนหนึ่งนำมาเติมด้วยน้ำร้อนที่อุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียส ในปริมาณร้อยละ 80 ของน้ำหนักแป้งมันสำปะหลังผสมดินขาว คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วเติมสารยึดเหนี่ยวจากยางพาราผสมโพลิไวนิลแอลกอฮอล์ ในปริมาณร้อยละ 30 ของน้ำหนักแป้งมันสำปะหลังผสมดินขาว ทำการนวดผสมแล้วจึงนำไปอัดขึ้นรูปด้วยความร้อนและความดัน
นายสุรสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ผลงานวิจัยขณะนี้พบว่าถ้วยรับน้ำยางที่ผลิตได้มีความแข็งแรงมาก แต่มีข้อเสียในเรื่องเปอร์เซ็นต์การดูดซึมน้ำสูง ซึ่งสามารถแก้ไขด้วยการเคลือบสารอีพ็อคซี (สารป้องกันการดูดซึมน้ำ) เมื่อนำมาทดลองใช้บรรจุน้ำยางพารา พบว่าไม่เพียงใช้งานได้จริง แต่ยังช่วยให้น้ำยางที่กรีดได้ไม่ติดแน่นบริเวณก้นถ้วยเหมือนพลาสติกและเก็บมาเป็นขี้ยางจำหน่ายได้ อีกทั้งถ้วยรับน้ำยางที่ผลิตมีการขึ้นรูปจากแม่พิมพ์ ซึ่งถอดแบบจากถ้วยรับน้ำที่ทำยางจากเซรามิก เบอร์ 2 ที่ชาวบ้านนิยมใช้ ทำให้ลักษณะของถ้วยรับน้ำยางเหมือนกัน แต่มีน้ำหนักเบากว่าถือได้สะดวก ที่สำคัญเมื่อสภาพถ้วยรับน้ำยางเก่า เสื่อมสภาพ ก็สามารถทุบให้แตกปล่อยทิ้งไว้ ถ้วยน้ำยางจะย่อยสลายไปเองตามธรรมชาติ
“อย่างไรก็ดี หากสูตรถ้วยรับน้ำยางนี้ได้รับการพัฒนา ต่อให้มีกระบวนการผลิตที่รวดเร็ว ปริมาณมาก ต้นทุนต่ำ เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมยางพาราได้เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ หากสามารถนำกระบวนการผลิตดังกล่าวไปประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์อื่นๆ ก็จะช่วยให้มีการใช้น้ำยางธรรมชาติมาแปรรูปมากขึ้น ที่สำคัญเป็นการทดแทนถ้วยรับน้ำยางที่ทำจากพลาสติก และไม่ก่อมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย” นายสุรสิทธิ์กล่าว