xs
xsm
sm
md
lg

กระทรวงวิทย์ฯ วางกลยุทธ์พัฒนาชาติด้วยแผนใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปลัดกระทรวงวิทย์ฯ เผยแผนกลยุทธ์พัฒนาชาติ ที่สำคัญอันดับหนึ่งต้องสร้างคลัสเตอร์ที่ให้รายได้ดี ไม่อย่างนั้นวิทยาศาสตร์จะหลุดจากระบบเศรษฐกิจ รวมทั้งสร้างกำลังคนด้วยแผนสร้างโรงเรียนวิทยาศาสตร์ หลังมหิดลวิทยานุสรณ์ประสบความสำเร็จสูง พร้อมเตรียม “ไซนส์ ปาร์ค” ไว้รองรับนักวิทยาศาสตร์

ปัจจุบันสังคมกำลังเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจระดับโมเลกุล (molecular economy) โดยมีวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับโมเลกุล 3 สาขาหลัก คือ เทคโนโลยีชีวภาพ นาโนเทคโนโลยี และเทคโนโลยีด้านวัสดุ เป็นแรงผลักดันในการแข่งขันที่สำคัญ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจึงได้จัดทำ “แผนกลยุทธ์ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ” เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว

ซึ่งแผนฯ มีทั้งหมด 5 กลยุทธ์ ได้แก่ 1.พัฒนาเครือข่ายวิสาหกิจ เศรษฐกิจชุมชน และคุณภาพ 2.พัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 3.พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสถาบัน 4.สร้างความตระหนักด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ 5.ปรับระบบบริหารจัดการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้มีเอกภาพและประสิทธิภาพ

ศ.ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ ปลัดกระทรวงฯ กล่าวว่าหน้าที่ของกระทรวงวิทยาศาสตร์คือการพัฒนาที่วิ่งสู่ต้นน้ำของเทคโนโลยี ซึ่งกลยุทธ์ที่ 1 มีความสำคัญมากต่อการสร้างมูลค่าให้แก่ผลิตภัณฑ์ คือจะต้องสร้างเครือข่ายวิสาหกิจหรือคลัสเตอร์ให้กับสินค้าที่สร้างรายได้สูงหรือส่งออกเยอะ เพราะไม่เช่นนั้นวิทยาศาสตร์จะหลุดออกมาจากระบบเศรษฐกิจ และแน่นอนว่าระบบสังคมก็มีอยู่ด้วย เช่น ไอทีเพื่อคนพิการ หรือผลิตถัณฑ์โอทอป ก็เป็นอีกคลัสเตอร์หนึ่ง

“ระหว่างที่ทำคลัสเตอร์ก็จะทำกลยุทธ์ที่ 2 ที่พัฒนากำลังคน เวลาเราทำงานเราจะเอาคนที่ไหนไปทำงานระยะยาวเหล่านี้ เราก็กำลังพิจารณาคุยกับจุฬา จะผลิตกำลังคน นาโน ไบโอ เป็นเท่าไหร่ แล้วก็พูดถึงโรงเรียนวิทยาศาสตร์เพราะ ร.ร.มหิดลวิทยานุสรณ์ประสบความสำเร็จแล้ว เรากำลังคุยกับมหาวิทยาลัยมหิดล กับสถาบันนานาชาติสิรินธรของธรรมศาสตร์ว่าถ้าเด็กจบมหิดลวิทยานุสรณ์แล้ววิ่งเข้า 2 สถาบันนี้ได้ไหม จะได้วิ่งต่อไปถึงปริญญาเอก”

โดย ศ.ดร.ไพรัชกล่าวว่าในกลยุทธ์ที่ 2 นี้ อยากจะให้ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับ “ไคสท์” (Korean Advanced Institute of Science and Technology: KAIST) ซึ่งเป็นสถาบันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงของเกาหลีในการทำหน้าที่ผลิตบัณฑิตด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับปริญญาตรี-เอก และกำลังผันตัวไปเป็นมหาวิทยาลัยที่เน้นการวิจัย (research-oriented university) ระดับโลก

“กลยุทธ์ที่ 3 เรื่องโครงสร้างพื้นฐาน สร้างนักวิทยาศาสตร์แล้วจะให้อยู่ตรงไหน สร้างนักมวยตั้งเยอะแล้วมีเวทีให้ต่อยไหม เราก็ต้องสร้าง “ไซนส์ ปาร์ค” (Science Park: อุทยานวิทยาศาสตร์) ให้เขา คล้ายๆ ว่าเป็นจุดให้นักวิทยาศาสตร์อยู่ ถ้าไปดูรังสิตจะเห็นว่าเขาใช้ชีวิตอยู่ได้ บัณฑิตปริญญาเอก 300 คน ทำงานกับเอกชนทุกวัน”

นอกจากอุทยานวิทยาศาสตร์ที่เป็น 1 ในกลยุทธ์ของโครงสร้างพื้นฐานแล้ว ศ.ดร.ไพรัชกล่าวว่ายังต้องวางโครงสร้างพื้นฐานในเรื่องกฎหมายที่จะจูงใจให้นักลงทุนหันมาทำวิจัยมากขึ้น โดยได้ประสานกับกระทรวงการคลังให้ยกเว้นภาษีแก่เอกชนที่นำเงินมารวมเป็นกองทุนได้

กลยุทธ์ที่ 4 คือการสร้างความเข้าใจในวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับสาธารณชน ให้ประชาชนเข้าใจจริยธรรม เข้าใจเรื่องเทคโนโลยีชีวภาพ และให้สังคมภาพกว้างเข้าใจวิทยาศาสตร์จะได้ยกระดับขึ้น ส่วนกลยุทธ์สุดท้าย ศ.ดร.ไพรัชกล่าวว่าจะรวมกลุ่มสถาบันทางด้านวิทยาศาสตร์ต่างๆ เพื่อให้มีการประสานงานและการทำงานที่เป็นเอกภาพ

สำหรับแผนกลยุทธ์ฯ นี้ได้ผ่านมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2547 โดยสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติถูกมอบหมายให้รับผิดชอบในการกำกับดูแลประสานงาน และจากเดิมที่มีกำหนดระยะเวลาดำเนินงาน 10 ปี คือ พ.ศ.2547-2556 ทาง ศ.ดร.ไพรัชกล่าวว่าจะดำเนินการให้ได้ภายใน 4-5 ปี ตามระยะเวลาของรัฐบาล
กำลังโหลดความคิดเห็น