เอเอฟพี- "ไครชตัน" เจ้าของบทประพันธ์เรื่อง "จูราสสิก พาร์ก" ตีพิมพ์วรรณกรรมขายดิบขายดีเรื่องใหม่ ซึ่งแสดงความข้องใจไม่เชื่อว่าเรากำลังเผชิญอันตรายเนื่องจากโลกมีอุณหภูมิสูงขึ้น อีกทั้งยังผูกเรื่องให้องค์การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นผู้ร้ายด้วย
เพียง 1 เดือนหลังจากนิยายตื่นเต้นระทึกใจความหนา 600 หน้า เรื่อง "สเตท ออฟ เฟียร์" (State of Fear) ของไมเคิล ไครชตัน (Michael Crichton) ออกวางจำหน่าย มันก็ไต่ขึ้นสู่อันดับต้นๆ รายชื่อหนังสือขายดีในสหรัฐฯเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม หนังสือเล่มนี้ยังนำไปสู่การถกเถียงกันในแวดวงวิทยาศาสตร์และการเมืองด้วย อันออกจะผิดปกติอยู่มากสำหรับผลงานที่เป็นนิยายเช่นนี้
ความดังของหนังสือเล่มนี้น่าจะยิ่งกระฉ่อนขึ้นอีก เมื่อบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะอากาศ มาประชุมครั้งสำคัญกันเป็นเวลา 3 วันที่เมืองเอ็กซีเตอร์ ประเทศอังกฤษตั้งแต่เมื่อวานนี้ (1 ก.พ.) เพื่ออภิปรายเกี่ยวกับผลการศึกษาล่าสุดในเรื่องโลกร้อน โดยคาดกันว่าจะมีการเสนอหลักฐานเพิ่มมากขึ้นในทางยืนยันว่า อุณหภูมิของโลกกำลังสูงขึ้นจริงๆ
ใน "สเตท ออฟ เฟียร์" ไครชตันบรรจุเอาส่วนผสมคลาสสิกทั้งหลายที่ทำให้นิยายแนวระทึกขวัญประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็น แอคชัน, การต้องคอยตามลุ้น, เซ็กส์, และความละโมบ แต่เขายังเติมจุดหักมุมเข้าไปอีก ด้วยการเลือกให้ผู้ร้ายเป็นองค์การซึ่งอำพรางตัวเองว่ามุ่งปกป้องสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ประชาชนเชื่อว่าโลกกำลังถูกคุกคามด้วยอุณหภูมิซึ่งเพิ่มขึ้นจริงๆ และดึงดูดเงินทองให้มากขึ้น องค์การนี้ได้เปลี่ยนตัวเองเป็นผู้ก่อการร้าย, วางแผนสร้างภัยพิบัติเลียนแบบธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นคลื่นยักษ์สึนามิ หรือการทำให้ภูเขาน้ำแข็งยักษ์ทางขั้วโลกใต้เกิดการแตกทลาย
พระเอกของหนังสือซึ่งเป็นนักกฎหมายชื่อปีเตอร์ อีแวนส์ เริ่มต้นด้วยการอยู่ข้างนักอนุรักษ์ธรรมชาติ จนกระทั่งแน่ใจแล้วว่าพวกนั้นเป็นพวกสุดโต่ง จึงได้หันมาช่วยขัดขวางแผนร้ายของพวกนั้นแทน
"สเตท ออฟ เฟียร์" ยังมีหมายเหตุอธิบายข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ตลอดจนภาพประกอบ ซึ่งไครชตันมุ่งเสนอให้ผู้อ่านเห็นเหมือนกับเขาว่า เรื่องโลกร้อนที่พูดๆ กันเป็นการขู่ขวัญซึ่งเกินเลยความจริง นอกจากนั้น นักเขียนชื่อดังผู้นี้ยังเพิ่มภาคผนวกเพื่อแสดงทัศนะของเขาในเรื่องนี้อีกด้วย
ถึงแม้ไครชตันยืนยันว่าเขาไม่มีวาระทางการเมืองใดๆ แต่ก็เห็นชัดว่าหนังสือเล่มนี้เสนอทัศนะที่ใกล้เคียงมากกับแนวคิดของรัฐบาลประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ตลอดจนพวกอนุรักษ์นิยมฝ่ายขวาในอเมริกา ระหว่างที่ไปแสดงปาฐกถาเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (28 ม.ค.) ณ อเมริกัน เอนเทอร์ไพรซ์ อินสติติว (American Enterprise Institute) อันเป็นหน่วยงานศึกษาวิจัยของพวกอนุรักษ์นิยมใหม่ (นีโอคอนเซอร์เวทีฟ) ในกรุงวอชิงตัน ไครชตันกล่าวว่า เขารู้สึก "หงุดหงิดมาก" จากสิ่งที่เขาเรียนรู้มาระหว่างเวลา 3 ปีของการทำวิจัยเพื่อเขียนนิยายเรื่องนี้
ไครชตัน กล่าวว่า เขาเสียใจที่ได้พบว่า "วิทยาศาสตร์กำลังถูกยักเยื้องด้วยแรงจูงใจทางการเมืองกันอย่างไร" มีการยอมรับผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์โดยยังไม่ทันมีข้อพิสูจน์กันอย่างไร และสื่อชอบที่จะฟังพวกตื่นภัยมากกว่าข้อเท็จจริงกันอย่างไร จึงไม่น่าประหลาดใจที่บรรดานักวิทยาศาสตร์ออกมาตอบโต้ประณามทัศนะของไครชตัน บางคนซึ่งไครชตันเคยไปหารือด้วยระหว่างที่เขาทำวิจัย ได้กล่าวหานักเขียนผู้นี้ว่าบิดเบือนผลงานของพวกเขา
"เหมือนกับภาพยนตร์เรื่อง 'The Day after Tomorrow' ที่ฉายไปเมื่อเร็วๆ นี้ นิยายเรื่องนี้ก็ได้พูดถึงประเด็นปัญหาตลอดจนข้อถกเถียงโต้แย้งกันทางวิทยาศาสตร์ซึ่งได้เกิดขึ้นจริงๆ ทว่ามันก็ยังเป็นการเสนอแบบมุ่งคัดสรร (และหลายครั้งก็เป็นการนำเสนออย่างผิดๆ ) เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์พื้นฐานในเรื่องนี้" นั่นเป็นคำพูดของ แกวิน ชมิดต์ (Gavin Schmidt) แห่งสถาบันก็อดดาร์ด อินสติติว (Goddard Institute) และเว็บไซต์ เรียลไครเมต(RealClimate.com) ซึ่งมุ่งรายงานและวิจารณ์ผลการวิจัยว่าด้วยปัญหาโลกร้อน
