เนเจอร์/รอยเตอร์ – พบซากฟอสซิล “ลิงไม่มีหาง” อายุ 13 ล้านปีแถวสเปน มีลักษณะคล้ายทั้งมนุษย์และลิง เชื่อจะกลายเป็นหลักฐานสำคัญว่ามนุษย์มาจากลิงเอพ
วารสารไซน์ (Science) ได้รายงานการค้นพบของนักล่า “ฟอสซิล” หรือซากดึกดำบรรพ์ในสเปนว่า ได้ขุดค้นซากของ “เอพ” (ape) หรือลิงไม่มีหางที่ทำให้เชื่อได้ว่าเป็นบรรบุรุษของกอริลลา ชิมแปนซี อุรังอุตัง และมนุษย์ ซากอายุ 13 ล้านปีที่ขุดพบนี้ แม้ว่าจะอยู่ในเชื้อสายที่แตกต่างกับพวกมนุษย์เราในปัจจุบัน แต่เชื่อว่าน่าจะเป็นสายพันธุ์ที่แตกออกมาจากเหล่าเดียวกัน
สายพันธุ์นี้ได้รับการขนานนามาว่า “ปิเอโรลาพิเทกัส กาตาลันนิกัส” (Pierolapithecus catalaunicus) เพื่อไว้ระลึกถึงชาว “กาตาลัน” (Catalan) ในหมู่บ้านเอลส์ โอสตาเลตส์ เด ปิเอโรล่า (Els Hostalets de Pierola) ทางตอนเหนือของสเปน ซึ่งเป็นที่ขุดพบซากฟอสซิลชิ้นสำคัญอันนี้ โดยพบกระดูกทั้งหมด 83 ชิ้น ประกอบไปด้วยกะโหลก ฟัน ซี่โครงและนิ้ว
ทั้งนี้ซัลวาดอร์ โมยา-โซลา (Salvador Moyá-Solá) จากสถาบันสัตว์และพืชดึกดำบรรพ์ มิเกล ครูซาฟอนท์ ในบาร์เซโลน่า (Miquel Crusafont Institute of Palaeontology in Barcelona) ผู้นำทีมเขียนรายงานดังกล่าวเปิดเผยว่า สิ่งมีชีวิตที่ขุดพบนี้มีน้ำหนักประมาณ 55 กิโลกรัม ซึ่งโดยทั่วไปจะคล้ายกับลักษณะของชิมแปนซีเพศเมีย แต่ดูเหมือนว่าในกรณีจะคล้ายกลับกอริลลาเสียมากกว่า
”จากฟอสซิลที่ได้มาก็ยากที่จะสรุปได้ว่า พี.กาตาลันนิกัสเป็นบรรพบุรุษของเหล่าเอพในปัจจุบันจริงหรือไม่” โมยา-โซลา เผย แต่จากการตรวจสอบทางรหัสพันธุกรรม หรือดีเอ็นเอ ซึ่งมีความแตกต่างระหว่างมนุษย์และลิงยักษ์ ก็พอจะทำให้คาดเดาได้ว่าครอบครัวของมนุษย์ได้แยกเชื้อสายออกมาขณะที่ พี กาตาลันนิกัสยังมีชีวิตอยู่
อย่างไรก็ดี การค้นพบซากดึกดำบรรพ์ดังกล่าวได้แสดงให้เห็นว่ามีการผสมผสานระหว่างลิงจำพวกไม่มีหางซึ่งเป็นบรรพบุรุษของลิงยุคก่อน สิ่งมีชีวิตที่พบนี้อาจจะสามารถพัฒนาตัวเองให้ยืนได้เหมือนกับเอพยุคใหม่ แต่ว่ากระดูกนิ้วที่สั้นนั้น บ่งบอกว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ไม่มีสามารถเกาะเกี่ยวต้นไม้อย่างแข็งแรงพอที่จะเหวี่ยงตัวได้
นั่นทำให้นักวิจัยได้วินิจฉันว่า การกระโจนหรือเหวี่ยงตัวตามต้นไม้ของลิงนั้น เป็นพัฒนาการในอีกหลายช่วงต่อมาในเอพแต่ละสายพันธุ์มากกว่าที่จะเป็นพฤติกรรมตั้งแต่เริ่มต้นเผ่าพันธุ์ลิง พวกลิงไม่มีหางตัวใหญ่ยุคแรกๆ อาจจะได้แต่วิ่งรอบๆ และบนพุ่มไม้ ไม่ได้ห้อยโหนเหมือนลิงน้อยใหญ่ในสมัยปัจจุบัน
ทางด้าน ทอดด์ เร (Todd Rae) ผู้ศึกษาไพรเมท หรือสัตว์กินนมจำพวกที่เจริญที่สุด จากมหาวิทยาลัยดูรแฮม (University of Durham) กล่าวว่า ถือเป็นการวิวัฒนาการทีละก้าว ค่อยๆ เปลี่ยนที่เล็กทีละน้อย นั่นจึงทำให้พวกเอพพัฒนาทีละนิดจนเป็นเหมือนในปัจจุบัน หาใช่เป็นอย่างนี้ตั้งแต่บรรพบุรุษไม่
ในส่วนของโมยา-โซลา ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า พี. กาตาลันนิกัสมีใบหน้าที่แบน มีรูจมูกที่เกือบจะเรียบเหมือนเบ้าตา คาดว่าหน้าตาน่าจะเหมือนกับกอริลลาในปัจจุบัน แต่ก็ต่างจากชิมแปนซีที่มีขากรรไกรล้ำมาข้างหน้าหรือคางยื่นออกมามากกว่า ทั้งนี้วิวัฒนาการในส่วนของชิมแปนซีน่าจะมาทีหลังพวกลิงไม่มีหางขนาดใหญ่
”แม้ว่าซากเอพสายพันธุ์นี้จะค้นพบในสเปน แต่ก็ไม่อาจปักใจได้ว่าลิงสายพันธุ์นี้จะอาศัยอยู่แต่บริเวณที่ขุดพบซาก ปัญหาคือเราพบเพียงแค่หนึ่งตัวอย่างจากที่นี่ แต่พวกเราคาดว่าต้นทางวิวัฒนาการจะมาจากสัตว์ในแอฟริกา” โมยา-โซลา เผย
ทั้งนี้ เป็นที่ยอมรับกันว่าทวีปแอฟริกาเป็นแหล่งกำเนิดมนุษย์ยุคปัจจุบันตั้งแต่ 160,000 ปีก่อน แต่ว่าผู้เชี่ยวชาญทางด้านสัตว์และพืชดึกดำบรรพ์ยังคงเห็นว่า ด้วยสภาพภูมิอากาศและสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ต่างๆ มากมายในแอฟริกา อาจเป็นไปได้ว่าน่าจะมีลิงเอพขึ้นมาหลายล้านปีแล้วก่อนที่จะเกิดวิวัฒนาการเป็นต้นตระกูลมนุษย์ยุคปัจจุบัน
แต่เร ก็แย้งว่า ในยุโรปเองก็ค้นพบเอพได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าจะมีภูมิอากาศที่ต่างกัน แต่ก็มีลิงใหญ่อยู่มากพอๆ กับแอฟริกา ดังนั้นไม่จำเป็นต้องอ้างถึงแอฟริกาเพียงอย่างเดียวในเรื่องที่มาและวิวัฒนาการของเอพ แต่ในส่วนของ พี กาตาลันนิกัส ก็ยังไม่มีใครทราบว่าวิวัฒนาการหรืออพยพมาจากไหน นอกเสียจากซากฟอสซิลที่ค้นพบ